ตอนที่ 7
“แหม!...เวลาร้อนก็แย่งแอร์เอาไว้คนเดียว แต่ตอนหนาวก็คืนมาซะงั้น…ใจคอไม่คิดว่าผมจะหนาวบ้างหรือคุณ?”
ชายหนุ่มตัดพ้อในความเห็นแก่ตัวของหญิงสาว เบ้ปากกับท่าทีของหญิงสาวผู้เอาแต่ใจตัวเองคนนี้
หญิงสาวทำหน้าทำตาไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะเอนศีรษะ ซบลงไปที่มุมเบาะ ชิดกระจก เริ่มรู้สึกเมื่อยขบไปทั้งร่างกาย พลางพลิกข้อมือน้อยๆขึ้นเหลืองมองดูเวลาจากนาฬิกา Rolex Lady หน้าปัทม์สีแชมเปญล้อมเพชร ตัวเรือนทำด้วยทองคำ ราคาเกือบสามแสนบาทที่ผู้เป็นพ่อเพิ่งซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดที่ผ่านมาเมื่อไม่นาน
“ทำไมรถวิ่งช้าอย่างนี้นะ…นี่เพิ่งผ่านมาไม่กี่ชั่วโมง เมื่อยจะตายแล้ว ถ้ารู้ว่านั่งรถทัวร์แล้วจะทรมานแบบนี้ ฉันจะไม่มารถทัวร์เด็ดขาด” หญิงสาวบ่นอุบด้วยความเอาแต่ใจ เหมือนลืมไปว่าที่ต้องมารถทัวร์ก็เป็นเพราะเธอหนีเที่ยว โดยไม่มีการวางแผนการเดินทางเอาไว้
“อีกหลายชั่วโมงเชียวละคุณ… 814 กิโลเมตร นี่ยังไม่ถึงครึ่งทางเลยครับ หลับเอาแรงไว้ก่อนเถอะคุณ อย่าขี้บ่นนักเลย” ชายหนุ่มหมายถึงระยาทางจากกรุงเทพฯถึงกระบี่ พลางยกท่อนแขนกำยำขึ้นกอดอก
“ให้ตายสิ!...นี่ยังไม่ถึงครึ่งทางอีกหรือคะ?” เธออุทาน หัวคิ้วโค้งเหมือนเสี้ยวจันทร์ ขมวดเข้าหากันเหมือนไม่เชื่อ แอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะยกท่อนแขนกลมกลึงขึ้นกอดอก สีหน้ากระฟัดกระเฟียด พยายามข่มตาให้หลับลงช้าๆ
ชายหนุ่มลอบชำเลืองมองแพขนตางอน ยาวระยับ ช่างแสนงดงามในยามที่มันขยับกระพริบ ก่อนจะหลี่หลับ ซุกซ่อนดวงตาสุกใสราวดวงดาวของเธอเอาไว้ภายใต้เปลือกตาบอบบางน่าจุมพิต
ระหว่างที่หญิงสาวกำลังพริ้มตาจนเผลอหลับลงในที่สุด หารู้ไม่ส่าสายตาคมกริบ หากซ่อนแววซุกซนเอาไว้ในประกายตา ลอบชำเลืองมองดูเธอหลายครั้ง เขาแอบสำรวจผิวพรรณเนียนขาวเย้าใจ ที่ท่อนแขนขาวๆ ที่ซอกคอ ที่พวงแก้มนวลปลั่งจนเป็นสีชมพูระเรื่อ แพรผมยาวสยายที่แผ่อยู่หลังเบาะนั้น บางครังที่เธอเอนเข้ามาใกล้กับใบหน้าของเขาที่แอบเอียงไปใกล้ จนได้กลิ่นหอมจากเส้นผมสลวย คละเคล้ากับกลิ่นผิวสาวที่หอมกว่าน้ำหอมยี่ห้อไหนๆที่เขาเคยได้กลิ่น ชายหนุ่มนึกอยากรู้จักหญิงสาวคนนี้ขึ้นมาจับใจ รู้สึกสุขใจ แอบยืดอกรับศีรษะ เวลาที่เธอเผลอเอียงศีรษะมาแนบกับปั้นไหล่กำยำของเขาโดยที่เธอไม่รู้ตัว ในบางจังหวะที่รถวาดวงเลี้ยว ชะลอเบรค
‘แม้ตอนไม่หลับอาจจะดูเอาแต่ใจ จู้จี้ขี้บ่นไปนิด แต่ในยามที่เธอหลับ…เธอช่างดูน่ารักเหลือเกินแม่สาวน้อย’ ชายหนุ่มพึมพำในใจ สายตาจับจ้องแทบจะทุกอิริยาบถของสาวงามในยามหลับอย่างลืมตัว
ระหว่างทางที่รถแล่นมา ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าที่ร่างกายต้องทนอยู่กับความเมื่อยขบ หลายครั้งที่รถโดยสารแวะที่จุดพักรถให้ทั้งคนและรถได้พัก ชายหนุ่มพยายามหาโอกาสสนทนากับหญิงสาวผู้นี้อยู่หลายครั้ง ในระหว่างทางที่รถจอดแวะ ทว่าเธอกลับแยกออกไปลำพัง ไม่เห็นเธอนั่งทานข้าวเหมือนผู้โดยสารคนอื่นๆ นอกจากเข้าห้องน้ำและซื้อน้ำดื่ม เธอก็กลับขึ้นรถในทันที ไม่มีจังหวะให้ชายหนุ่มได้เข้าไปทำความรู้จักกับเธอมากนัก แม้เขาจะเล็งหาโอกาสเหมาะๆอยู่ตลอดเวลา กระทั่งมีช่วงหนึ่ง ที่จุดพักรถแห่งหนึ่ง เขาพยายามหาจังหวะสนทนากับเธอจนได้
“ผมชื่ออังเดรครับ” ชายหนุ่มแนะนำตัวออกไปในทันทีโดยไม่รอให้เธอถาม ใบหน้าชดช้อยช้อนชำเลืองมาตามเสียงทุ้มนุ่ม หญิงสาวไม่ได้สงสัยในชื่อที่ฟังดูเป็นฝรั่งของเขา เพราะมันก็ไม่ได้ค้านกับใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเลยแม้แต่น้อย หากที่สงสัยก็คือเขาอยากรู้จักชื่อของเธอ…เช่นเดียวกับเธอที่อยากรู้จักชื่อของเขาอยู่ในใจ แต่วางฟอร์มเอาไว้ เพื่อกลบเกลื่อนความสนใจในตัวเขา
“คุณ…เอ่อ คุณชื่ออะไรครับ?” เขาโพล่งออกไปตรงๆตามที่ใจรู้สึก หญิงสาวหันมาตามเสียงของเขา
“จำเป็นต้องบอกชื่อด้วยหรือคะ?” เธอแกล้งเล่นลิ้น ไว้ท่าที ทำเล่นตัวเมื่อได้ที
“ผมอยากรู้ครับ” ชายหนุ่มถามต่ออย่างตรงไปตรงมา
“มุกค่ะ” เธอตอบเบาๆ ไม่ได้บอกว่าชื่อเต็มของเธอคือ ‘มุกกมล’ อังเดรสังเกตเห็นว่าทั้งน้ำเสียงและแววตาของมุกฉาบฉายเอาไว้ด้วยประกายความหยิ่งจนรู้สึกได้ แม้จะเจอคำถามย้อนกลับมาแบบนั้น หากชายหนุ่มกลับไม่ได้รู้สึกเสียหน้าแต่อย่างใด เมื่อเสียงหวานของเธอตอบกลับมาให้เขาชื่นใจ
“มาเที่ยวใช่ไหมครับ” ถามด้วยความแปลกใจที่เห็นเธอมาคนเดียว หากก็ไม่ได้สงสัยอย่างจริงจัง เพราะเมื่อถึงปลายทางอาจจะมีแฟนหนุ่มมารอรับเธออยู่ก็เป็นได้
“ค่ะ” เธอตอบเพียงสั้นๆ สงวนถ้อยสงวนคำแต่พองาม ทว่าไม่ทันที่จะถามต่อ โชเฟอร์ส่งสัญญาณว่าถึงเวลาต้องเดินทางต่อ ครู่เดียวรถโดยสารก็แล่นออกจากจุดพักรถช้าๆ เขาและเธอทรุดร่างลงเคียงข้างกัน ทำใจพร้อมรับกับความเมื่อยขบอีกยาวนาน กับจังหวัดกระบี่อันเป็นจุดหมายปลายทาง
จังหวัดกระบี่
เสียงพนักงานชายคนหนึ่งให้สัญญาณว่าใกล้ถึงจุดหมายปลายทาง หญิงสาวสะดุ้งตื่น ยกข้อมือขึ้นมองหน้าปัมท์นาฬิกา ชำเลืองสายตาออกไปจากกระจกบานกว้างของรถทัวร์ พระอาทิตย์ตอน 6 โมงกว่าๆ อวดดวงกลมแดงเรี่ยต่ำแทบแตะเส้นขอบฟ้า ตีนฟ้ามีริ้วรายระเรื่อแดงจากลำแสงสุดท้ายของวันที่ฝากเอาไว้ ฝูงนกชักแถวบินกลับรัง แสงของกลางวันกำลังจะจากไป ความมืดสลัวเริ่มโรยตัวลงมาอย่างเชื่องช้า ให้ความรู้สึกถึงความโดดเดี่ยว เดียวดายจนน่าใจหาย จากท่ารถจะไปท่าเรือ และจากท่าเรือจะเข้าไปถึงเกาะพีพีได้อย่างไร? ล้วนเป็นคำถามที่ผุดพราย ก่อตัวขึ้นในใจของหญิงสาว
“เอ่อ…อังเดร คุณพอจะรู้ไหมค่ะ ว่าท่าเรือไปทางไหน?” ริมฝีปากสีชมพูอิ่มเต็มเอ่ยขึ้นถาม อย่างน้อยชายหนุ่มที่นั่งเคียงข้างมากว่า 8 ชั่วโมงก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าจนเกินไป