ตอนที่ 4
ทางไกลกว่า 12 ชั่วโมงที่กำลังจะมาถึงในชั่วอึดใจ
“กระบี่ครับกระบี่” หนักงานชายร่างเล็ก ผิวคล้ำ ยืนอยู่ข้างประตูทางขึ้น ส่งเสียงตะโกนเรียกผู้โดยสารเสียงดัง พลางมองมาที่มุกซึ่งกำลังลากกระเป๋าเดินทางตรงรี่มาที่รถ
“ไปกระบี่ใช่ไหมครับ”
“ค่ะ” มุกตอบ พลางลดมือจับ ดันคันลากของกระเป๋าเดินทางให้อยู่ในสภาพที่พร้อมจะให้มือน้อยๆของเธอหิ้วขึ้นไปบนรถ
“กระเป๋าใหญ่ไว้ล่างดีกว่าครับ” พนักงานประจำรถกล่าวเสียงดัง ก่อนจะรี่เข้ามาหิ้วกระเป๋าของมุกเอาไปยัดรวมไว้กับกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่ช่องเก็บสัมภาระข้างตัวรถ เมื่อเห็นว่าขนาดกระเป๋าเดินทางของมุกอาจจะสร้างปัญหาในการขึ้นลงให้กับผู้โดยสารคนอื่นๆได้ หากหอบหิ้วเอาติดตัวขึ้นไปบนรถ
เมื่อก้าวขึ้นไปบนรถ ทั้งคันเต็มไปด้วยผู้โดยสาร ซึ่งเป็นปกติของรถโดยสารที่วิ่งประจำในเส้นทางไกล ที่ทั้งวันจะมีไม่กี่เที่ยว จึงไม่แปลก ถ้าที่นั่งจะเต็มเร็วเพราะมีผู้โดยสารมาใช้บริการกันหนาตา โดยเฉพาะในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ซึ่งรถจะเต็มเร็วเป็นพิเศษ
จากสภาพของรถซึ่งมีผู้โดยสารเกือบเต็มคัน ที่จริงก็เดาไม่ยากว่าที่นั่งซึ่งยังเหลือว่างเอาไว้คือที่ของเธอที่มาช้ากว่าคนอื่นๆ หากเพื่อความแน่ใจ ตั๋วโดยสารที่เสียบอยู่ในกระเป๋าสตางค์ของหญิงสาวจึงถูกดึงออกมาคลี่ดูหมายเลขเบาะนั่ง มุกกวาดสายตาไปตามหมายเลขซึ่งตรงกับตั๋วเธอ และสายตาคมหวานคู่นั้นก็สะดุดกับร่างสูงใหญ่ของชายคนหนึ่งที่กำลังพริ้มตาหลับ คอพับจนศีรษะเอนไปแนบกระจกบานกว้างที่ฉาบไปด้วยไปเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศ
มุกเดินเข้าไปใกล้ที่นั่ง…แม้ที่นั่งด้านนอกที่อยู่คู่กันนั้นจะยังคงว่าง…แต่มันไม่ใช่ที่นั่งของเธอ
“คุณ...!!!” มุกเรียกเบาๆ ปลายนิ้วน้อยๆสะกิดไปที่ท่อนแขนรกไรขนของเขา ตั้งใจจะปลุกให้ตื่น และบอกกับเขาว่าคุณนั่งผิดที่ ทว่าแรงสะกิดเบาๆนั้นหาได้ทำให้ร่างกำยำใหญ่รู้สึกระคายไม่
“คุณ…!!!” หญิงสาวเรียกดังขึ้น เพื่อแข่งกับเสียงเพลงหมอลำที่โชเฟอร์เปิดดังกังวานไปทั่วทั้งคันรถ
‘บ้าจริง!...ไม่รู้ไปอดหลับอดนอนมาจากไหนนักหนา ถึงได้หลับเป็นตายขนาดนี้’ หญิงสาวบ่นในใจก่อนจะเรียกอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงอันดังขึ้นกว่าเดิม
“ตื่นเดี๋ยวนี้!!!...” เมื่อความอดทนได้หมดไป มือน้อยๆเขย่าไปที่ต้นแขนกำยำของเขาเต็มแรง ชายคนนั้นขยับตัวช้าๆ เสี้ยวหน้าที่ซ่อนอยู่อีกด้าน หันมาตามเสียงเรียก ลืมตาขึ้นมาประสานสานตากับเธออย่างจัง มุกมองเห็นเลนส์ตาที่ฉาบสีน้ำตาลดำเอาไว้ด้วยอาการตกใจ
“เอ่อ…” หญิงสาวกระอึกกระอัก เหมือนถูกสะกดด้วยมนต์เสน่ห์จากเลนส์ตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้น ดวงตาสีน้ำผึ้งชวนฝันของชายแปลกหน้า ที่นั่งอยู่ตรงเบาะซึ่งหมายเลขนั่งตรงกับตั๋วของเธอ
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มคนนั้นหันมาถาม เขาแสดงสีหน้าตกใจออกมาเพียงเล็กน้อย เหมือนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดเรื่องที่นั่ง เพราะเห็นว่าอีกที่ข้างๆยังคงว่างอยู่
“คุณนั่งผิดที่ค่ะ” มุกตอบเบาๆ จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยความตกตะลึง
“ผิดที่?” เขากล่าว หัวคิ้วเข้มที่เต็มไปด้วยเส้นขนสีดำเรียงแนวแน่น ขมวดน้อยๆ ชำเลืองมายังที่ซึ่งยังว่างอยู่ข้างๆ
มุขรู้สึกไม่พอใจที่เขาขมวดคิ้ว เพราะเธอรู้สึกว่าเขาแสร้งทำไขสือ
“ยังว่างนี่ครับ” ชายหนุ่มชำเลืองมาที่เบาะซึ่งยังว่างอยู่ข้างๆ
“ว่าง…แต่ไม่ใช่ที่นั่งฉัน” เธอคลี่ตั๋วสีชมพูใบเล็กๆ ปลายนิ้วเรียวชี้ไปที่ตัวตัวเลขเพื่อยืนยันว่าเขานั่งผิดที่
“ของคุณด้านนอก ของฉันด้านใน” เธอหมายถึงที่นั่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงแข็ง สีหน้าไม่สบอารมณ์
“อ๋อ!...ขอโทษครับ ผมไม่ทันได้สังเกต” แม้เสียงนั้นจะทุ้ม นุ่มกังวาน ทว่าก็แฝงความยียวนเล็กๆ กับความเรื่องมากของหญิงสาว หากใบหน้าสวยหยาดบาดใจที่เห็น ก็พอจะอภัยได้ เขาขยับร่างสูงใหญ่ออกมาช้าๆ เพื่อจะให้ร่างรัดรึงของเธอเข้าไปนั่งด้านในได้สมใจ เพียงครู่เดียว ทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทาง
“ไม่ทันได้สังเกต…หรือว่าอ่านหนังสือไม่ออกคะ” เธอแกล้งกระแทกน้ำเสียง กระทบกระเทียบให้เขาอย่างจงใจ เพราะทุกครั้งที่อะไรไม่ได้ดั่งใจ อารมณ์ของคุณหนูมุกคนนี้มักจะพุ่งปรี๊ดเสมอๆ
“เอ่อ!...” ชายหนุ่มอึ้งกับคำพูดของหญิงสาวผู้มีใบหน้าสวยหยาด แต่ทำไมวาจาช่างกระด้างเหมือนมะนาวไม่มีน้ำแบบนี้ ‘ดีละ!...เดี๋ยวฉันจะสอนมารยาทให้เธอเอง’ ชายหนุ่มนึกสนุกขึ้นมาทันที ชำเลืองมองหญิงสาวที่เพิ่งจะทรุดร่างรัดรึงลงนั่งเคียงข้างอย่างนึกสนุก ‘ 12 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯถึงกระบี่ ยังมีเวลาอีกเหลือเฟือที่จะแกล้งเธอ’ ชายหนุ่มนิรนามคิด
บนรถทัวร์ กรุงเทพฯ-กระบี่
ระหว่างทางที่รถกำลังแล่นอยู่นั้น หญิงสาวรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เมื่อรู้สึกว่าสายตาของชายหนุ่มที่นั่งเคียงข้างมากับเธอ มักจะลอบชำเลืองมาที่เธอเป็นระยะๆ แม้ใบหน้านั้นจะครึ้มเคราและดูน่ากลัวพิกล เหมือนมหาโจรในบางมุม หากน้ำเสียงและกิริยาท่าทีของเขาก็ไม่ได้มีวี่แววของความเป็นสิบแปดมงกุฎหรือมิจฉาชีพแต่อย่างใด…นอกเสียจากว่าเธอดูเขาผิดทั้งหมด
“มองอะไรของคุณ…ไม่เคยเห็นผู้หญิงหรือยังไง” มุกว่าให้เขา เมื่อรู้สึกว่าสายตาละลาบละล้วงของชายหนุ่ม กำลังล่วงล้ำไปตามเนื้อตัวของเธอ