ตอนที่ 4
เริงรตีบรรจงจูบเช็ดคราบลิปสติกออกจากริมฝีปากของเขาอย่างว่าง่าย ด้วยริมฝีปากของเธออีกครั้ง กับวิธีการเช็ดคราบลิปสติกที่แสนหวาน
“หวานจัง… คุณทำให้ผมร้อนขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน”
เขากล่าวเบาๆ ละริมฝีปากจากการบดเคล้าชั่วคราว ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าหาอย่างคนกระหายในความหวานนั้นอีกครั้ง
“เดี๋ยวค่ะ…”
เสียงทัดทานแผ่วเบา เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปาก ที่เบียดบดราวจะหลอมรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน เรียวลิ้นของเขากระหวัดรัดเรียวลิ้นของเธอพัลวันจนแทบลืมหายใจ
แม้สีหน้าและแววตาของพ่อเลี้ยงเดโชจะบ่งบอกถึงความพึงพอใจเพียงไร กับการมาเยือนที่ไม่คาดฝันของเธอในครั้งนี้ ทว่าแผงคิ้วดกดำเหนือกรอบดวงตาคมเข้มน่าเกรงขามก็อดที่จะขมวดมุ่นเข้าหากันด้วยความสงสัยไม่ได้… กับท่าทีที่แปลกไปอย่างมีนัยสำคัญของเริงรตีในครั้งนี้ จนทำให้เขาอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าอาจจะเป็นเพราะสเน่ห์ของเขา บวกกับความว้าเหว่ที่นำพาเธอมาหาเขา ด้วยสายตาเจ้าชู้ที่เขาและเธอมักจะลอบสื่อสารต่อกันอย่างมีความหมาย… ในทุกครั้งที่เจอหน้ากันตอนออกงานสังคม
“ดะ.. ดะ.. เดี๋ยวค่ะเดี๋ยว พ่อเลี้ยงกำลังจะทำให้รตีขาดใจตายนะคะ จูบเอาจูบเอา ใจคอจะไม่ให้รตีหายใจบ้างเลยหรือคะ”
เธอตัดพ้อแต่พองาม ภายหลังจากถอนริมฝีปากแดงเจ่อ ออกมาจากกลีบปากซึ่งรกไปด้วยหนวดเคราของเขา
“คนที่จะขาดใจตายควรจะเป็นผมมากกว่า”
ร่างท้วมใหญ่รีบแย้ง น้ำเสียงสั่นพร่าราวกระซิบบ่งบอกถึงความต้องการที่มีต่อเธออย่างตรงไปตรงมา
คำทักท้วงของเธอไม่เป็นผล เมื่อเขาพยายามสอดปลายลิ้นสากๆ แทรกเข้าสู่ร่องปากหวานละมุนของเธออย่างช่ำชองอีกครั้ง มือใหญ่ทั้งสองข้างโอบรั้งอยู่ที่ซอกคอขาวๆ และใบหน้างามที่แหงนเงยขึ้นรับจูบของเขาที่ระดมไซ้ลงมาตามซอกคอด้วยความโหยหา
“เดี๋ยวค่ะพ่อเลี้ยง…”
ความกระดากอายทำให้เธอเธอทักท้วงออกไปเช่นนั้น
คราวนี้พ่อเลี้ยงยอมถอนจูบ จ้องมองแววตาสำนึกผิดที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเริงรตี
“ผมต้องการคุณ…”
เขาบอกออกมาตรงๆ ช่างน่าประหลาด… กับผู้หญิงคนนี้เขารู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดรุนแรงระหว่างกัน รู้สึกถึงความต้องการอันลึกเร้นที่อยู่เหนือความถูกต้องและศีลธรรมทั้งปวง เหมือนรู้ล่วงหน้าว่ามันจะเกิดขึ้นสักวัน ทำให้เขาไม่ลังเลใจที่จะพยายามจูบเธออีกครั้ง
“เดี๋ยวสิคะ!.....ยังก่อน”
เริงรตีทัดทานอีกครั้ง เมื่อเขาเริ่มอดรนทนไม่ไหวขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ถึงกับตรงเข้ากอดรัดร่างอรชรที่ดูราวคนสับสน เขารู้ว่าเธอกำลังต่อสู้ดิ้นรนอยู่กับความรู้สึกอันหวามไหว พยายามเอาชนะความไม่มั่นคงทางอารมณ์ของตัวเองที่เกิดขึ้นในตอนนั้น
ทั้งที่ใจของเริงรตีอยากหยุดยั้ง ก่อนที่ทุกอย่างจะเตลิดเพริดไปไกล หากแต่ร่างกายของเธอกลับโอนอ่อนสู่อ้อมแขนของเขาง่ายดาว ราวกับขี้ผึ้งลนไฟ เมื่อถูกกอดถูกจูบแรงๆ
ไม่รู้ว่ามนต์สะกดอันใด? ทำให้เธอยินยอมให้ท่อนแขนกำยำของเขาสวมกอดเธอจากด้านหลังอย่างถนัดถนี่
เขากอดรัดเธอแนบแน่นสุดเสน่หา ลำตัวหนาของเขาที่แนบเน้นอยู่ทางด้านหลังของเธอ ทำให้รู้สึกได้ถึงความเป็นชายที่เขม็งเกร็ง ดื้อดึง ดุนดันไปตามบั้นท้ายกลมกลึงของเธออย่างน่าหวาดหวั่น
“เดี๋ยวก่อนค่ะ”
เธอป้องปัดอย่างลืมตัว วูบหนึ่งที่สติคืนกลับมา พยายามแกะมือเขาออก แทรกฝ่ามือบางของเธอไปกั้นกลางระหว่างสะโพกผายกับความเป็นชายของเขาที่คับแน่นอยู่ในกางเกงจนแลเห็นเป็นรูปเป็นลำเด่นชัด
หากแต่น้ำเสียงครางเครือเบาๆ ในลำคอของเริงรตี ก็ฟ้องว่าเธอเองก็หวามไหวไปกับเขามิใช่น้อย เมื่อซอกคอถูกซุกไซ้จากริมฝีปากและจมูกของชายที่เบียดกายแนบอยู่ด้านหลัง
“ผมต้องการคุณเหลือเกิน… รตีจ๋า”
เขากระซิบเบาๆ รินรดลมหายใจผะผ่าวอยู่ข้างซอกคอขาวๆ ไรหนวดสากทิ่มถากลงมาอย่างไม่ปราณีปราศรัยพร้อมจูบแรงๆ
เริงรตีขนลุกซู่ไปทั้งกาย จิตใจไหววาบ ใบหน้างามของเธอ แหงนเงยขึ้นมองเพดาลอย่างไม่ตั้งใจ เมื่อดั้งจมูกโด่งของเขาซุกไซ้ปะป่ายไปตามลำคอระหง เรือนร่างของเธอบิดเร่าเพราะมือทั้งสองข้างของเขารั้งคอเสื้อที่ทั้งกว้างและลึก รูดมันลงจากกรอมอยู่ที่ต้นแขนทั้งสองข้าง
“โอววว…”
เขาอุทานเสียงต่ำๆ ในลำคอ ขณะค้อมกายซึ่งสูงใหญ่กว่า มองข้ามลาดไหล่ลงไปหยุดอยู่ที่ปทุมถันอวบใหญ่ที่ซุกซ่อนเอาไว้ภายใต้ชั้นในบางๆ สายตากระหายของเขาจับอยู่ที่ลาดไหล่และเนินอกด้วยความตะลึงลานกับสิ่งที่เห็น
“รตี… คุณงามเหลือเกิน”
เขาไม่รีรอที่จะสำรวจแผ่นหลังละมุนด้วยจมูกและริมฝีปาก ใช้นิ้วเกี่ยวสายเสื้อชั้นในลงไปกองไว้ที่ไหล่ แล้วจูบไซ้ไปทั่วแผ่นหลังเบาๆ มือใหญ่สอดเข้าใต้รักแร้ ตะล่อมช้อนเต้าทรวงอวบใหญ่เอาไว้ในอุ้งมือ เคล้นคลำและบีบขยำเบาๆ อย่างถือวิสาสะ รีบเล้าโลมอย่างต่อเนื่อง… ก่อนที่เธอจะเปลี่ยนใจเสียก่อน