ตอนที่ 3
พูดแล้วน้ำตาก็ไหล
ทรงกลดจ้องมองหยาดน้ำตากลมเกลี้ยงกลิ้งลงมาอาบนวลแก้ม หยดลงมาใส่หน้าผากลูกน้อย ทำเอาหนุ่มใหญ่เจ้าของไร่อ้อยรู้สึกสงสารแม่ลูกอ่อนคนนี้ขึ้นมาจับใจ
“ไม่ง่ายนักที่จะตามหา… แต่เอาเถอะ ฉันจะช่วยอีกแรง”
“ขอบคุณค่ะ”
หล่อนยกมือไหว้
“ว่าแต่ไอ้เชิดที่เธอว่านี้… รูปร่างหน้าตามันเป็นยังไงฉันก็ไม่รู้ อาจจะหายากสักหน่อย”
ได้ยินที่ทรงกลดว่า
คนางค์รีบเปิดภาพในโทรศัพท์มือถือ ยื่นให้เขาดูรูปชายที่หล่อนตามหา
“เอ่อ… ”
ทรงกลดตกใจ จ้องมองภาพในโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“เดี๋ยวจะสอบถามจากคนแถวนี้ ฉันรู้จักโรงงานน้ำตาลหลายที่ บางทีอาจจะมีคนรู้จักผู้ชายคนนี้”
ทรงกลดกล่าว ส่งโทรศัพท์มือถือคืนให้หล่อน
“เธอกับลูกยังไม่มีที่พักใช่ไหม”
“ค่ะ… ”
“งั้นระหว่างนี้พักที่ไร่อ้อยของฉันไปก่อน… ”
“ขอบคุณค่ะนาย”
หญิงสาวยกมือไหว้ทรงกลดอีกครั้ง
“ไม่ต้องเรียกฉันว่านายก็ได้… ”
“ไม่ได้ค่ะ… นายคือผู้มีพระคุณ ทั้งช่วยหนูจากคนร้ายแล้วยังให้ที่พักพิง”
คนางค์กล่าวขณะอุ้มลูกเดินตามหลังทรงกลดมาที่รถกระบะคันใหญ่ของเขา
ทรงกลดขับรถพาหล่อนเข้ามาถึงไร่อ้อยที่อยู่ติดชายเขา เป็นไร่อ้อยที่เขาเพิ่งตัดสินใจซื้อต่อมาจากเจ้าของเก่าที่ขายให้กะทันหันเมื่อปีก่อนเพราะร้อนเงิน
“เป็นไง… เห็นห้องแล้วพออยู่ได้ไหม”
ทรงกลดพาหญิงสาวเข้ามาถึงกระท่อมหลังน้อยที่ซ่อนตัวอยู่กลางป่าอ้อย
“อยู่ได้ค่ะนาย… หนูกับลูกอยู่ได้ค่ะ สภาพดีกว่ากระท่อมเป็นไหนๆ อย่าเรียกว่ากระท่อมเลยนะคะ”
หญิงสาวกวาดสายตามองสำรวจภายใน แม้ภายนอกจะเหมือนกระท่อม แต่สภาพภายในก็ไม่เลวนัก ควรเรียกว่าเรือนหลังน้อยดีกว่า ฝาผนังทุกด้านบุเอาไว้ด้วยฟากไม้ไผ่ที่สภาพยังไม่ผุเก่า มีเตียงเล็กๆ ในห้องนอน มีหน้าต่างสองบานที่ติดมุ้งลวดกันยุงเอาไว้พร้อม และด้านหลังกระท่อมก็ยังมีพื้นที่เล็กๆ มีแคร่ไม้และชุดเก้าอี้ไม้ไผ่ที่ทรงกลดเอามาตกแต่ง เพราะเขามักจะชอบแวะเข้ามานั่งดื่มกาแฟทอดอารมณ์ยามเช้าที่นี่บ่อยๆ
แม้กระท่อมน้อยหลังนี้จะอยู่ลึกเข้ามากลางไร่อ้อย แต่ก็มีน้ำมีไฟพร้อมให้อยู่อาศัย
“อยู่ได้แน่นะ… ”
ทรงกลดถามย้ำอีกครั้ง
“ได้จ้ะนาย”
“แต่ถ้าคืนนี้เธอกับลูกอยู่กันสองคนฉันกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย… เอาเป็นว่าระหว่างนี้ฉันจะมาอยู่เป็นเพื่อนไปก่อน จนกว่าเธอจะเจอผู้ชายที่กำลังตามหา… โอเคไหม?”
ทรงกลดเดินเข้ามาใกล้ เอามือลูบศีรษะลูกชายของหล่อนด้วยความเอ็นดู
“ได้จ้ะนาย… ”
“แล้วเธอไม่กลัวฉันหรอกหรือ?”
ทรงกลดสงสัย
“อันที่จริงก็กลัวเหมือนกันค่ะ… แต่พอก็คิดอีกทีก็ไม่กลัว เพราะว่าถ้านายเป็นคนร้าย… ถ้านายหื่นกามเหมือนไอ้พวกนั้น นายก็คงไม่ช่วยหนูจากน้ำมือของไอ้พวกหื่นกามที่พยายามจะข่มขืนหนู”
“เธอมองโลกในแง่ดีเกินไปหรือเปล่า… บางทีฉันอาจจะหื่นกว่าไอ้พวกนั้นก็ได้นะ”
คำพูดที่ได้ยิน!
ทำเอาหญิงสาวตกใจ จ้องมองหน้าเขา หากแววในดวงตาของคนตัวใหญ่ที่มองสบมา ก็ทำให้คนางค์เชื่อมั่นว่าเขาไม่ใช่คนใจร้าย… แต่ความหื่นนั่นก็อีกเรื่อง
เพราะว่าหล่อนรับรู้ได้ด้วยสายตาอีกเช่นกัน ว่ามีประกายบางอย่างที่วูบไหวอยู่เบื้องหลังดวงตาคมกริบของเขาที่มองหล่อน ดูท่าทางแล้วผู้ชายคนนี้ต้องหื่นแน่ๆ
“นายพูดเล่นใช่ไหมจ๊ะที่ว่าหื่นกว่าไอ้พวกนั้น”
หญิงสาวถามเสียงแผ่ว
แต่ทรงกลดไม่ตอบ เขาก้าวเดินออกมาสำรวจดูความเรียบร้อยรอบๆ บริเวณกระท่อม เพราะว่าปิดทิ้งไว้เกือบอาทิตย์ มัวแต่ยุ่งอยู่กับงานในไร่ข้าวโพดหลายร้อยไร่ที่เพิ่งเก็บเกี่ยวเสร็จเมื่อไม่กี่วัน
ทุกวันนี้ทรงกลดมีทั้งไร่อ้อย ไร่ข้าวโพดและไร่มันสำปะหลัง มีลานตากมันตากข้าวให้ชาวบ้านเช่าอยู่หลายแห่ง
“เดี๋ยวฉันจะพาเธอออกไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น… ระหว่างนี้ต้องหาอาหารมาตุนไว้”