บทที่ 4 ตามติด
หญิงสาวก้มหน้าลงแล้วใช้หน้าผากโขกกับโต๊ะไม้เบาๆหลายครั้งจนเกิดรอยแดงเป็นปื้น ราวกับว่ากำลังลงโทษตัวเองที่ได้ตัดสินใจอะไรพลาดไป
ขณะนี้เธอกลับมาบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยมีอคินมาส่งในช่วงบ่ายของวัน ดารินพยายามตั้งสติตัวเองเพื่อจะเริ่มอ่านหนังสือสอบ แต่ทว่าสมองกลับไม่ให้ความร่วมมือเธอแม้แต่น้อย เพราะเอาแต่นึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้จนต้องระบายออกมาอย่างหัวเสีย
“บ้า บ้าที่สุดเลย!”
‘ฉันไม่เห็นนะ ว่าในสัญญาระบุอะไรแบบนั้น’
‘แต่คุณก็เซ็นมันไปแล้วนี่ แค่ผมเพิ่มข้อความขึ้นมามันจะไปยากอะไรกัน หรือจะให้ยกเลิก’
‘ยกเลิกได้เหรอ'
‘ได้สิ ถ้าคุณมีเงินจ่ายผมห้าล้าน ในสัญญาก็ระบุอยู่นะ’
‘หะ ห้าล้าน คุณนี่มัน...’
ก็เพราะว่าเธอไม่มีปัญญาคืนเงินจำนวนนั้นในการยกเลิกสัญญานะสิ เลยทำได้เพียงยอมรับชะตากรรมในความผิดพลาดของตัวเองไป
“อีตาบ้า มาหลอกฉันแบบนี้ได้ยังไงกัน”
เมื่อนึกถึงหน้าของชายหนุ่มก็รู้สึกโกรธอย่างบอกไม่ถูกแถมยังไม่รู้เหตุผลอีกว่าทำไมเขาถึงอยากได้เธอนัก ในเมื่อสามารถหาผู้หญิงคนอื่นที่แซ่บและสวยกว่าได้เป็นร้อยๆคน
ดารินยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจจึงพยายามเรียกสติตัวเองให้กลับมาจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า นั่นคือหนังสือสอบที่วางกองอยู่ หากเธออยากได้คะแนนดีๆก็ต้องทุ่มเทกับมันอย่างเต็มที่อย่างที่เคยทำ จะหวังขอพรก็เห็นแล้วว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คงไม่เข้าข้างเธอ
เพราะไม่ว่ายังไง หลังจากสอบเสร็จก็ต้องไปอยู่กับเขาอยู่ดี หญิงสาวสลัดความคิดยุ่งเหยิงให้ออกไปเป็นครั้งสุดท้ายแล้วพยายามตั้งใจอ่านหนังสืออย่างจริงจังอีกครั้ง
สามอาทิตย์ต่อมา...
หลังจากการสอบปลายภาคเสร็จสิ้นไปเป็นที่เรียบร้อย วันนี้เธอจึงต้องมาทำงานที่คาเฟ่เป็นวันสุดท้ายด้วยความรู้สึกใจหายเพราะอีกสามวันที่จะถึง เธอก็ต้องไปอยู่กับเขาแล้วจริงๆ
ดารินในชุดเดรสสม็อคเอวสีครีมเสมอเข่ายืนหันหลังอยู่บริเวณเคาน์เตอร์กำลังล้างอุปกรณ์ต่างๆอย่างรีบเร่ง มือเล็กยกขึ้นมาปาดเหงื่อตามไรผมที่ถูกรวบขึ้นตึง ทว่าเมื่อได้ยินเสียงประตูถูกเปิดเข้ามาก็รีบเช็ดมืออันเปียกชุ่มของตัวเองแล้วหันไปทักทายลูกค้าซึ่งวันนี้เธออยู่ร้านคนเดียวจึงค่อนข้างวุ่นวายเป็นพิเศษ
“สวัสดีค่ะ รับอะไร..คุณ!”
ทันทีที่เธอหันไปมองก็เห็นว่าเป็นชายหนุ่มที่สุดแสนจะคุ้นเคยในชุดสูทสีเทาเรียบหรู กำลังหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์แล้วมองเธอด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกที่มักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาเจอ
ดารินมองหน้าเขานิ่ง จากนั้นระบายยิ้มออกมาเหมือนรับออเดอร์ลูกค้าทั่วไปพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“รับอะไรดีคะ”
“ผมมารับคุณ สอบเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ”
คำพูดของคนตรงหน้าทำให้เธอหุบยิ้มแทบจะทันที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งขึ้นกว่าเดิม
“แต่ที่เราตกลงกัน มันอีกสามวันข้างหน้านะคะ”
“เผื่อว่าคุณจะคิดถึงผมแล้วอยากไปเลย”
“กลับไปก่อนเถอะค่ะ”
ครั้นเห็นสีหน้าของเธอเริ่มตึงขึ้น เขาก็รีบพูดต่อ
“ผมมาดื่มกาแฟไม่ได้หรือไง”
“จะเอาอะไรล่ะคะ”
“อเมริกาโน่เย็น”ภาคินัยพูดเสร็จก็เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ข้างโต๊ะตัวเล็กที่อยู่เยื้องๆกับเคาน์เตอร์ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองไปที่ร่างเล็กตลอดเวลาและเห็นด้วยว่าเธอเริ่มมีอาการประหม่าเล็กน้อย
เขายกยิ้มขำให้กับความเงอะงะของเธอ จากนั้นก็หันไปให้ความสนใจกับอย่างอื่นแทนเพราะเกรงว่าตัวเองจะไม่ได้ชิมกาแฟฝีมือเธอเสียก่อน
ชายหนุ่มเหลือบไปมองดารินเป็นครั้งคราวก็เห็นว่าทุกอิริยาบถของเธอล้วนเป็นไปอย่างธรรมชาติ จนคนที่มองอยู่รู้สึกเพลิดเพลินตาม
ติ๊ง ติ๊ง~
“ยัยดา ขอลาเต้หวานๆ หนึ่งแก้ว”
ทันทีที่ประตูถูกเปิดเข้ามาในร้าน ก็ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของทอฝัน ดารินวางแก้วกาแฟที่พึ่งทำเสร็จลงบนถาดเพื่อจะไปเสิร์ฟให้ชายหนุ่ม หันไปยิ้มหวานทักทายเพื่อนและเห็นว่าวันนี้ทอฝันไม่ได้มาคนเดียว เพราะด้านหลังมีหนุ่มหน้าหวานเดินตามมาด้วยซึ่งก็คือพี่ชายของเธอนั่นเอง
สายหมอก หนุ่มหน้าหวาน วัยสามสิบปีเอ่ยทักทายเพื่อนสนิทของน้องสาวด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม ริมฝีปากหนาเผยรอยยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร
“สวัสดีครับน้องดา ของพี่เป็นโกโก้ร้อนแล้วกันครับ”
“สวัสดีค่ะพี่หมอก นั่งรอก่อนนะคะ”
“ได้เลยครับ”ชายหนุ่มเดินไปนั่งบริเวณโซฟาด้านในหลังจากพูดจบ
“วันนี้อยู่ร้านคนเดียวเหรอแก”
“ใช่นะสิ”
“ให้ฉันช่วยมั้ย”
“แกช่วยเอากาแฟไปเสิร์ฟโต๊ะนั้นหน่อย”
“ได้”
ทอฝันยกถาดกาแฟขึ้นมาแล้วเดินไปเสิร์ฟให้กับชายหนุ่มที่นั่งรออยู่ เธอมองเขาเล็กน้อยและยอมรับว่าหนุ่มคนนี้หล่อมาก ทว่าแววตากลับดูน่ากลัวมากด้วย
“กาแฟได้แล้วค่ะ”
ภาคินัยนั่งนิ่งไม่พูดอะไร หันไปมองนอกร้านแทน ทอฝันเห็นดังนั้นก็เบะปากไปหนึ่งทีให้กับความเย่อหยิ่งของเขาแล้วเดินไปหาเพื่อนที่กำลังทำกาแฟให้เธออยู่
“พรุ่งนี้ไปเสม็ดกันมั้ยแก มีเพื่อนพี่หมอกไปด้วย คือฉันอยากไป แต่อยากชวนแกด้วย ไปแค่สองคืนเอง”ทอฝันชวนเพื่อนอย่างมีความหวังพร้อมกับมองหน้าดารินเพื่อรอคำตอบ แต่เห็นว่าเพื่อนมีท่าทีอึกอักและดูแปลกไปเล็กน้อย
“เอ่อคือ...”
“น่านะ”
เธอทำสีหน้าอ้อนวอนอย่างสุดกำลัง เพราะอีกไม่กี่วันทอฝันก็ต้องเดินทางไปอยู่บ้านญาติที่ต่างประเทศ เพราะทุกปิดเทอมเธอจะไปทุกปี
“ก็ได้”
“เย่ น่ารักที่สุด”
ทอฝันยกนิ้วขึ้นมาทำท่ามินิฮาร์ทส่งให้ดารินด้วยความดีใจ จนดารินอดที่จะยิ้มให้กับท่าทางของเพื่อนไม่ได้
“แกไม่ต้องห่วงนะ ว่าจะซื้อบิกินี่ไม่ทัน เพราะฉันซื้อเผื่อแล้ว ฮ่าๆๆ” ทอฝันพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา เพราะเธอมั่นใจว่าดารินต้องไปอย่างแน่นอน ในทุกๆเทอมหลังจากสอบเสร็จทั้งสองก็มักจะไปเที่ยวด้วยกัน
"ทีหลังไม่ต้องถามดีกว่ามั้ง"ดารินส่ายหน้าน้อยๆ แล้วส่งกาแฟให้เพื่อน ตามด้วยโกโก้ร้อนของสายหมอก
จากนั้นทั้งสามคนก็ไปนั่งพูดคุยกันถึงแพลนที่วางไว้โดยมีภาคินัยนั่งฟังอยู่และได้ยินทุกประโยคการสนทนา ไม่นานสองพี่น้องก็ขอตัวกลับเพราะมีธุระที่ต้องไปทำต่อ
“ทีพูดกับผู้ชายคนอื่นแล้วเสียงหวานเชียว”เขาค่อนขอดคนตัวเล็กที่กำลังยืนทำความสะอาดโต๊ะที่ทอฝันพึ่งลุกออกไป
“ก็พูดปกตินี่คะ”
“ไม่ปกติ”เขาแย้งด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ก็คุณ...”
“พี่ภาม เรียกผมว่าภาม ผมจะเรียกคุณว่าดาเฉยๆ”เขามองหน้าเธออย่างจริงจัง
“ไม่ค่ะ”เธอเองก็ปฏิเสธเสียงแข็งเช่นเดียวกัน
“งั้นก็เรียกผัว”
“หยาบคาย”
“หยาบคายตรงไหน ผมพูดเรื่องจริง ก็เรา...”
“หยุดเลยนะ!”
“เค๊ ไว้เรียกตอนอยู่บนเตียงก็ได้ เผื่อคุณสะดวกตอนนั้น”เขาพูดออกมาหน้าตาเฉยโดยไม่สนใจหญิงสาวที่ยืนอ้าปากหวอ จากนั้นเธอก็ส่ายหน้าแล้วเดินยกถาดใส่ของไปหลังเคาน์เตอร์
ภาคินัยมองท่าทางของเธอก็ลุกขึ้นไปยืนพิงกับเคาน์เตอร์พร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงยียวน
“อ้อ แล้วผมก็ไม่อนุญาตให้คุณไปกับไอ้หน้าหวานนั่น”
“ฉันก็ไม่ได้ขออนุญาตนี่คะ"
“แต่ผมไม่ -ให้ -ไป"เขาพูดเน้นออกมาทีละคำอย่างเด็กเอาแต่ใจ
“ห้ามได้ก็ลองดูค่ะ” หญิงสาวพูดกับเขาแล้วหันกลับมาจัดการหน้าที่ของตัวเองต่อโดยไม่ทันเห็นว่าชายหนุ่มกำลังก้าวฉับๆไปหาเธอแล้วรีบดึงตัวหญิงสาวให้หันมา
พร้อมกับก้มลงไปขบเม้มลำคอระหงฝากฝังรอยแดงไว้หลายจุดราวกับคนเสียสติ โดยคนตัวเล็กพยายามผลักเขาให้ออกห่างจากตัว แต่กลับสู้แรงคนตัวสูงไม่ได้แม้แต่น้อย
เมื่อชายหนุ่มพึงพอใจกับฝีมือตัวเองก็ปล่อยให้เธอเป็นอิสระ หญิงสาวตวัดตามองเขาอย่างไม่พอใจและรู้สึกโกรธจนต้องกัดฟันเข้าหากันแน่น
"ถ้าอยากใส่บิกินี่ก็โชว์รอยที่ผัวทำไว้ด้วยก็แล้วกัน"ดวงตาคมกริบมองเธออย่างไม่พอใจ
"สมัยนี้เขามีคอนซิลเลอร์ปกปิดรอยแถมยังกันน้ำได้ด้วยนะ เผื่อคุณยังไม่รู้"