บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 สมน้ำสมเนื้อ

@เกาะเสม็ด

สองสาวเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่บนเตียงสีขาวสะอาดภายในบังกะโลหลังขนาดกลางกำลังรื้อของออกจากกระเป๋าเดินทางเพื่อจัดวางให้เป็นระเบียบ หลังจากพึ่งมาถึงได้ไม่นาน

ทอฝันมองใบหน้าของดารินที่กำลังง่วนอยู่กับของตรงหน้าแล้วครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่เป็นเวลาหลายนาทีพร้อมเอ่ยถามออกมา

“แกมีเรื่องอะไรในใจใช่มั้ย”

“เปล่านี่”ดารินเงยหน้าสบตาเพื่อนแวบหนึ่งแล้วก้มลงไปจัดการของต่อ

“แน่ใจ?”

ทอฝันยังคงมองใบหน้าหวานพร้อมกับหรี่ตาราวกับจับผิด แต่ทว่าก็ไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะรู้นิสัยของเพื่อนดี ถ้าหากดารินอยากพูดก็จะพูดมันออกมาเองโดยไม่ต้องไปคาดคั้นอะไร

“ฉัน..” ดารินเห็นสีหน้าของเพื่อนก็อ้ำอึ้งเพราะไม่รู้จะเริ่มยังไง

“ไว้แกพร้อมแล้วค่อยบอกก็ได้” ทอฝันพูดอย่างเข้าใจแล้วระบายรอยยิ้มบาง

“คือว่า...” หญิงสาวรวบรามกล้าแล้วตัดสินใจเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่พึ่งเกิดขึ้นให้เพื่อนฟังเพราะทอฝันรู้เรื่องราวเมื่อสองเดือนก่อนอยู่แล้วจึงอธิบายไม่นานก็เป็นอันรู้เรื่อง

และเรื่องราวทุกอย่างที่ได้ถ่ายทอดออกมาจากปากของดารินก็จบลงพร้อมกับเสียงถอนหายใจอย่างหนัก

“ฉันอยากจะด่าแกจริงๆ”

“ด่าได้ เต็มที่เลย” ดารินยอมจำนนด้วยสีหน้ากังวลใจ

ครั้นเห็นสีหน้าของเพื่อน ทอฝันก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ แต่กลับถอนหายใจออกมา

“แกบอกว่าผู้ชายคนนั้น คือคนที่ฉันเห็นในคาเฟ่ใช่มั้ย เขาหล่อมากเลยนะแก แต่โคตรหยิ่งอะ” ทอฝันพูดออกมาตามสิ่งที่เห็น

“อือ บางครั้งก็น่ากลัวด้วย” หญิงสาวยกมือขึ้นมาทำท่าขนลุกขนชันเมื่อนึกถึงหน้าของเขา

“ฉันหวังว่าแกจะมีความสุขนะ ถือว่าไปหาประสบการณ์ชีวิต”ทอฝันพูดติดตลกแต่ภายในใจกลับรู้สึกกังวลใจไม่น้อย

“แกนี่!”

“ฉันหยอกน่า หรือให้ฉันไปยืมเงินพี่หมอกมาก่อนมั้ย”

“ไม่เป็นไรหรอก เงินไม่ใช่น้อยๆนะ แล้วนายนั่นก็คงจะไม่ใจร้ายกับฉันมาก แค่ปีเดียวเอง”เธอพูดราวกับว่ากำลังปลอบใจตัวเองอยู่

“ถ้าเขารังแกมากเกินไปก็บอกนะ ฉันจะหาทางช่วยแกเอง”

“ขอบใจน๊า”

ทอฝันพยักหน้าน้อยๆ ไม่นานทั้งสองก็นั่งพูดคุยกันอีกสักพัก จนเวลาล่วงเลยมาถึงเวลาบ่ายคล้อย จึงเห็นว่าเหมาะแก่การออกไปถ่ายรูปและเล่นน้ำทะลกันแล้ว

“เราไปถ่ายรูปอวดชาวโซเชียลกันดีกว่า”

ทอฝันลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบชุดบิกินี่ให้ดาริน จากนั้นทั้งสองก็เข้าไปเปลี่ยนและตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเอง

ดวงอาทิตย์ส่องแสงสดใสตัดกับน้ำทะเลเบื้องหน้ากลายเป็นสีฟ้าสวย ชายหาดปกคลุมไปด้วยเม็ดทรายเล็กละเอียด หญิงสาวในชุดบิกินี่ทูพีชสีเขียวครามอวดผิวขาวสะกดทุกสายตา กำลังเดินทอดน่องไปตามแนวชายหาด ผมสีน้ำตาลอ่อนปล่อยปลิวสยายไปตามแรงลม เท้าเล็กเดินย่ำทรายท่ามกลางเกลียวคลื่นสีขาวที่กระทบเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่า

เหล่าบรรดานักท่องเที่ยวบริเวณนั้นต่างหันมาให้ความสนใจกับสองสาวสุดเซ็กซี่ที่กำลังหยุดยืนถ่ายรูปกันเป็นแถว โดยบางคนก็ส่งรอยยิ้มให้พวกเธอกันไม่ขาด

ดารินยืนโพสท่าต่างๆโดยมีทอฝันทำหน้าที่กดถ่ายรัวๆ ใบหน้าหวานหันมองกล้องหลังของโทรศัพท์มือถือพร้อมกีบฉีกยิ้มกว้างด้วยความสดใส

“หันข้างหน่อย”

ทอฝันในชุดบิกินีสีดำตะโกนบอกเพื่อนเพื่อให้หญิงสาวเปลี่ยนท่าได้พร้อมกดถ่ายอีกครั้ง

“นั่งหันหลัง แบบนั้นแหละ สวยมาก”

ดารินทำตามสิ่งที่เพื่อนบอกแล้วนั่งหันหลังให้กล้องเป็นท่าสุดท้าย จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปหาทอฝันแล้วดูรูปภาพที่ได้ถ่ายไป

“ไหน ดูรูปหน่อย”

“สวยแบบไม่ต้องแต่งเพิ่มไปเลยสิคะ”

“สวยจริงๆ ด้วย”ดารินเอ่ยชมตัวเองเสียงหวาน

“แหม ไม่ถ่อมตัวเลยนะ”

ดารินหัวเราะเบาๆแล้วเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนสาวหันไปฉีกยิ้มกว้างสบตาอยู่กับหนุ่มคนหนึ่ง

“ไปยืนสิ แล้วก็มองกล้องนี่ ไม่ใช่มองแต่ผู้ชาย อย่าลืมเช็ดน้ำลายออกด้วย”

“สยามเมืองยิ้มไงแก เพราะฉะนั้นตอนเห็นผู้ชายเราก็ต้องยิ้ม”

ดารินส่ายหน้าให้กับข้ออ้างนั้น แล้วเริ่มถ่ายรูปกันอีกครั้ง จนเวลาล่วงเลยไปสักพัก

ทว่าริมฝีปากของทอฝันที่ยิ้มอยู่ในตอนแรกกลับกลายเป็นรอยยิ้มแห้ง สายตาจับจ้องไปทางด้านหลังของดารินและเห็นว่ามีร่างสูงของคนสองคนกำลังเดินมุ่งหน้ามาทางพวกเธออย่างเร่งรีบ

“แก” ทอฝันเรียกเพื่อนเสียงแผ่วพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอ

“ว่าไง ยิ้มให้กล้องหน่อยสิ”

“มาแล้ว”

“อะไรมา?”

หมับ! อ้ะ

หญิงสาวอุทานออกมาเสียงดัง เมื่อแขนของเธอถูกกระชากเข้าหาร่างสูงของใครคนหนึ่ง จนโทรศัพท์มือถือหล่นลงบนผืนทราย

“คุณ!” หญิงสาวเงยหน้ามองชายหนุ่มที่อยู่ในชุดสูทที่มีเสื้อเชิ้ตสีขาวอยู่ด้านในกับกางเกงสแล็คสีดำด้วยดวงตาเบิกกว้าง 'ตามมาถึงนี่เลยเหรอเนี่ย'

ภาคินัยไม่พูดพร่ำทำเพลงช้อนร่างเล็กขึ้นพาดบ่าอย่างรวดเร็วราวกับเป็นสิ่งของไร้น้ำหนักแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น โดยมีเสียงของทอฝันตะโกนตามมาด้วยความเป็นห่วง แต่เธอกลับถูกอคินรั้งไว้

ร่างสูงรีบเดินไปยังบังกะโลของตัวเองอย่าง โดยมีร่างเล็กดิ้นขลุกขลักตามมาด้วยเสียงแสบแก้วหูไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง ภาคินัยจึงใช้มือใหญ่ฟาดลงบนก้นกลมสวยอย่างแรง

เพี๊ยะ!

“โอ้ย เจ็บนะ”

“เจ็บก็อยู่นิ่งๆ”เขาพูดเสียงลอดไรฟันพร้อมกับเดินมุ่งหน้าไปเรื่อยๆ

พลั่ก! อั๊ก

ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้อง เขาก็โยนร่างเล็กลงบนเตียงอย่างแรง จนหญิงสาวรู้สึกจุก

“ชอบโชว์นักหรือไง”

“คุณจะบ้าเหรอ มาทะเลก็ต้องใส่บิกินี่สิ จะให้ใส่ชุดแม่ชีเหรอ ฉันไม่ได้จะมาบวช”

“ปากดี ถ้าอยากใส่ก็ใส่สิ แต่ผมต้องเห็นแค่คนเดียว คนเดียวเท่านั้น!”

“คุณมันบ้า ถอยไป ฉันจะกลับห้อง”หญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงพยายามจะออกไปจากห้อง ทว่าชายหนุ่มกลับมาขวางไว้แล้วพูดขึ้น

“หึ ผมอุตส่าห์รีบบึ่งรถมาจากบริษัทเลยนะ ตั้งกี่ชั่วโมงคิดดู จะให้ปล่อยไปง่ายๆ ได้ยังไงกัน”

ชายหนุ่มถอดเสื้อสูทโยนลงพื้นแล้วใช้มือรูดเนกไทออก โดยสายตายังคงจับจ้องไปที่ใบหน้าของเธอ

หญิงสาวเห็นดังนั้นก็มองเขาอย่างไม่ไว้ใจและคิดหาวิธีออกไปจากห้อง แต่ทว่าชายหนุ่มกลับรวบแขนทั้งสองข้างของเธออย่างรวดเร็วแล้วกดราบลงกับเตียง ใช้เนกไทมัดข้อมือเล็กไว้แล้วผูกกับเสาหัวเตียงเพื่อไม่ให้เธอหนี

“กรี๊ด! ปล่อยนะ”

หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ เขาก็เดินไปนั่งลงบนโซฟา ยกขาขึ้นมาไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์แล้วมองไปยังผิวเนียนละเอียดที่อยู่ในท่าและชุดสุดแสนจะล่อแหลม

“มองอะไร โรคจิต”

“ก็ใส่ให้มองไม่ใช่เหรอ” เขาไล่สายตามองเธออยู่อย่างนั้นราวกับกำลังกวนประสาท

“บอกว่าให้ปล่อย!”เธอเริ่มตะเบ็งเสียงใส่เขาอย่างหงุดหงิดอยู่หลายนาทีจนรู้สึกเหนื่อย แต่จู่ๆเธอคิดว่าการทำแบบนี้มันล้วนแล้วแต่เปล่าประโยชน์ทั้งสิ้น จึงหยุดดิ้น หยุดโวยวาย คิ้วสวยได้รูปค่อยๆขมวดขึ้นเหมือนจะคิดอะไรออก

“ฉันเจ็บ ปล่อยได้มั้ย”คนที่ถูกผูกติดอยู่กับหัวเตียง ส่งสายตาให้เขามองไปที่มือของเธอซึ่งมีรอยแดงเป็นปื้น

ชายหนุ่มจับจ้องไปที่ใบหน้าของเธอด้วยแววตาเขม็ง 'เขาไม่ชอบคนดื้อ และไม่เชื่อฟังที่สุด แต่ผู้หญิงคนนี้มักจะทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ จนบางครั้งก็รู้สึกว่าตัวเองอารมณ์เดือดง่ายผิดปกติ'

“ผมชอบคนที่เข้าใจอะไรง่ายๆและเชื่อฟัง”

“เข้าใจแล้วค่ะ ครั้งหน้าจะไม่ดื้อแล้วด้วย พี่ภามปล่อยดาเถอะนะ”

หญิงสาวอ้อนวอนเขาด้วยน้ำเสียงที่ชายหนุ่มไม่เคยได้ยินมาก่อน ความใจแข็งเพราะอยากสั่งสอนคนไม่เชื่อฟังในตอนแรกกลับอ่อนยวบลง

ภาคิน้ยมองเธออย่างใช้ความคิด ทว่าเมื่อมองไปที่ใบหน้าของเธอก็อดที่จะใจอ่อนไม่ได้จริงๆ กระทั่งภาคินัยตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปแกะเชือกออก ไม่นานเขาก็ปล่อยให้เป็นอิสระ

หญิงสาวลุกขึ้นออกจากเตียงแล้วหยุดยืนเว้นระยะเล็กน้อยพร้อมกับสบตามองเขาด้วยรอยยิ้มกว้าง

จังหวะนั้นเองที่เธอส่งเข่าไปปะทะความเป็นชายของเขาอย่างแรงด้วยความไม่พอใจกับการกระทำที่สุดแสนจะเอาแต่ใจก่อนหน้านี้

“โอ๊ย!”ภาคินัยกุมความเป็นชายพร้อมกับค่อยๆทรุดลงบนพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด เขาพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นเพื่อจะจัดการกับเด็กแสบคนนี้

“อยู่นิ่งๆสิคะ จะได้ไม่เจ็บ”

“ดาริน!”

ชายหนุ่มกัดฟันกรอดเรียกชื่อเธอแล้วเงยหน้ามองใบหน้าหวานอย่างคาดโทษ เขาจะไม่มีวันหลงกลผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว ไม่มีวัน!!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel