บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ผมแค่อยากเจอคุณ

สองเดือนต่อมา...



“ฉันว่ารถคันนั้นมันคุ้นๆ นะ แกว่ามั้ย?”

ทอฝันที่กำลังง่วนอยู่กับการพิมพ์งานวิจัยหน้าแล็ปท็อปในตอนแรกเงยหน้าขึ้นพร้อมกับใช้มือนวดหลังคอตัวเองเบาๆ เพื่อบรรเทาความเมื่อยล้าที่เกิดจากการจดจ่ออยู่กับงานเป็นเวลานาน

สายตาของเธอหันไปเห็นรถยุโรปสีดำเงาคันหรูซึ่งจอดชิดริมฟุตบาทอยู่ไม่ไกลจากใต้ตึกคณะบริหารธุรกิจที่พวกเธอกำลังนั่งอยู่พร้อมเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกแปลกใจ

เจ้าของใบหน้าหวานที่กำลังจ้องหน้าจอแล็ปท็อปพร้อมกับจรดนิ้วเรียวลงบนแป้นพิมพ์อย่างตั้งใจในตอนแรกหยุดลง ดารินเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปมองตามสิ่งที่ทอฝันพูด ครั้นพอเห็นรถคันนั้นเธอก็ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วก็จำได้ว่าเป็นคันเดิมที่มักจะมาจอดอยู่บริเวณนั้นประจำและทุกครั้งที่พวกเธอนั่งตรงนี้ก็จะเห็นทุกครั้ง

“อืม ฉันก็เห็นรถคันนี้บ่อยเหมือนกัน”

“เขาแอบมามองใครรึเปล่าวะ” ทอฝันมองหน้าดารินอย่างจริงจังแล้วพึมพำด้วยความสงสัย ทว่าอยู่ดีๆ เธอก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงกลั้นหัวเราะ

“หรือว่าคนที่อยู่ในรถคันนั้นจะแอบชอบฉัน”

“แหม~ แกแอบไปโปรยเสน่ห์ใส่ใครมารึไง”ดารินพูดพร้อมกับย่นจมูกใส่เพื่อนด้วยความหมั่นไส้

“ฉันล้อเล่นน่า แกก็รู้ว่าฉันไม่ได้สนใจใครอยู่แล้ว แกเองรึเปล่าเถอะที่ไปหว่านเสน่ห์ใส่ใครเข้า”

ดารินส่ายหน้ารัวๆ ทันทีหลังจากได้ยินคำพูดของเพื่อนสาว เพราะเธอไม่ได้คุยหรือคบหาดูใจกับใครเลยแม้แต่คนเดียว ทว่า จู่ๆ เรื่องราวของผู้ชายคนนั้นเมื่อสองเดือนก่อนก็ผุดขึ้นมาในความคิด ดารินพยายามสลัดความคิดที่เกิดขึ้นให้ออกไปเพราะเธอไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าเป็นเขา

เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นเธอกับเขาได้พูดคุยทำความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว และไม่มีเหตุผลอะไรที่หนุ่มหล่ออย่างเขาจะมาตามติดชีวิตเธอ

“อย่าไปสนใจเลย เรารีบทำวิจัยให้เสร็จเถอะ จะได้กลับบ้านกัน” ดารินพูดด้วยน้ำเสียงสดใสเพื่อกลบความรู้สึกภายในใจตัวเองแล้วใช้สายตาจดจ่อไปยังหน้าจออีกครั้ง

“ก็ฉันสงสัยนี่นา” ทอฝันพึมพำเสียงแผ่วแล้วมองไปที่รถคันนั้นอีกครั้ง จากนั้นก็ก้มลงพิมพ์งานในส่วนของตัวเองต่อ

คนที่บอกเพื่อนให้รีบทำงานกลับหันไปมองรถคันเดิมอีกครั้งก็เห็นว่ามันกำลังเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ กระทั่งหายไปจากบริเวณนั้นในที่สุด เธอจึงกลับมาให้ความสนใจกับงานตรงหน้าต่อ

อีกสามชั่วโมงต่อมา งานของทั้งสองก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ ครั้งนี้จะเป็นการส่งวิจัยครั้งสุดท้าย หลังจากถูกแก้มาแล้วถึงสองรอบ และในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าก็จะมีการสอบปลายภาคเพื่อสิ้นสุดการศึกษาปีที่สามของพวกเธอ

สองสาวในชุดนักศึกษากระโปรงทรงเอเหนือเข่า เดินไปส่งงานไว้บนโต๊ะอาจารย์เสร็จก็เดินออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังลานจอดรถที่มีรถมินิคูเปอร์สีฟ้าสดใสของทอฝันจอดเด่นอยู่ ก่อนสองสาวจะขึ้นรถ ทอฝันที่รู้สึกหิวเนื่องจากเป็นเวลาบ่ายสามแล้วหันไปพูดกับเพื่อนน้ำเสียงออดอ้อนพร้อมทำตาปริบๆ

“แก ไปกินชาบูกันมั้ย?”

“วันนี้ฉันต้องไปทำงานนะ พอดีพี่อีกคนเค้าขอลา เลยต้องไปแทน โทษทีนะแก”

“เหรอ ไม่เป็นไร ไว้วันหลังก็ได้ งั้นเดี๋ยวฉันไปส่งแกที่ทำงานก่อนแล้วกัน”

"ขอบใจน๊า"

ทั้งสองขึ้นรถแล้วมุ่งหน้าไปยังสถานที่ทำงานของดารินซึ่งเป็นคาเฟ่เล็กๆที่อยู่ภายในซอย เธอทำงานที่นี่มาตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง จนกระทั่งตอนนี้เธอกำลังจะจบปีสามในอีกไม่กี่วัน

หญิงสาวจะมาทำงานสัปดาห์ละห้าวันสลับกับพนักงานอีกคน หรือแล้วแต่จะตกลงกัน เพื่อหาค่าขนมเล็กๆน้อยๆ แต่ยิ่งพอถึงช่วงใกล้สอบ จำนวนวันที่ต้องทำก็น้อยลงเพื่อจะได้มีเวลาอ่านหนังสือมากขึ้น เธอแค่อยากมีผลการเรียนดีอย่างสม่ำเสมอเพื่อหวังไว้ว่าเมื่อเรียนจบ จะได้เข้าทำงานในบริษัทใหญ่ๆ

หลังจากทอฝันมาส่งเธอเสร็จก็กลับไป ดารินจึงรีบเข้าไปในร้านเพื่อทำหน้าที่ของตัวเองต่อ

“แกดูรถคันนั้นสิ สวยมากเลย”

“ฉันว่าคนขับต้องหล่อแน่นอน”

ลูกค้าโต๊ะหนึ่งภายในร้านที่กำลังนั่งพูดคุยกันเรียกความสนใจให้กับดารินไม่น้อย มือเล็กกำลังเลื่อนไปเปิดตู้จะเติมขนมชะงักพร้อมกับเงยหน้ามองตาม ก็เห็นว่าเป็นรถคันเดิมอีกแล้ว ยิ่งเธอเห็นรถคันนี้หลายๆครั้งก็เริ่มตงิดใจมากขึ้นและพยายามบอกให้ตัวเองระวังตัวเข้าไว้

กระทั่งถึงเวลาเลิกงานซึ่งเป็นเวลาเกือบสองทุ่ม หญิงสาวเดินออกมาจากร้านก็เห็นว่ารถคันเดิมยังคงจอดอยู่ จึงรีบจ้ำอ้าวเพื่อเดินออกไปหน้าปากซอยที่เป็นถนนใหญ่ ทว่าประตูจากฝั่งคนขับถูกเปิดออกมาพร้อมกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเธอไม่รู้จักและไม่คุ้นหน้า

ชายคนนั้นรีบเดินมาขวางเธอไว้พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“สวัสดีครับ คุณดารินใช่มั้ยครับ”

หนุ่มในชุดสูทสีดำ หน้าตาหล่อเหลามองหน้าหญิงสาวนิ่งอย่างรอคำตอบ แม้ว่าความเป็นจริงเขาจะรู้ข้อมูลทุกอย่างของเธอแล้วก็ตาม

“ค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ” เธอมองหน้าผู้ชายคนนั้นด้วยความสงสัยแล้วหันไปมองบริเวณรอบๆ เพราะหากว่าเกิดอะไรขึ้นจะได้ขอความช่วยเหลือได้ แต่ดูเหมือนว่าร้านอาหารแถวนั้นจะปิดหมดแล้ว

“ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ผมไม่ได้จะทำอะไร พอดีเจ้านายของผมต้องการเจอคุณนะครับ” อคินเห็นท่าทางของเธอก็บอกจุดประสงค์ที่เขามาปรากฏตัวอยู่ตรงนี้และต้องคอยตามติดชีวิตเธออยู่เกือบสองเดือนเต็ม

เขารู้เรื่องราวทุกอย่างของเจ้านายกับผู้หญิงคนนี้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อสองเดือนก่อนและไม่แปลกใจเลยที่เจ้านายของเขาจะให้มาคอยตามดูเธอ และจากการที่เขาตามเธอมานานก็เห็นว่าหญิงสาวเป็นคนที่ดูไม่มีพิษมีภัยอะไรแถมยังสดใสและน่ารักอีกด้วย

“คะ?” เธอมองเขาอย่างไม่เข้าใจ

“คุณภาคินัยต้องการเจอคุณครับ” เขาบอกเธออีกครั้ง

หญิงสาวได้ยินชื่อนั้นก็ถึงกับหน้าถอดสี เพราะเธอจำได้ดีว่าชายหนุ่มที่ชื่อภาคินัยคือใคร แต่เธอกับเขาก็ตกลงกันรู้เรื่องแล้วตั้งแต่วันนั้น มีอะไรที่จะต้องคุยกันอีก เธอยืนคิดแล้วบอกปฏิเสธชายหนุ่มตรงหน้า

“แต่ฉันไม่ต้องการเจอเขาค่ะ ขอโทษนะคะ”

หญิงสาวพูดจบก็รีบเดินไปจากตรงนั้นเพื่อไปขึ้นรถโดยสารหน้าปากซอย ทว่าชายหนุ่มกลับเดินมาขวางเธอไว้อีกครั้ง จนหญิงสาวต้องเม้มปากเข้าหากันแล้วเงยหน้ามองเขา

“หลีกไปเถอะค่ะ”

“ไปกับผมเถอะนะครับ คุณภามต้องการเจอคุณจริงๆ”

ดารินไม่สนใจคำพูดของเขาแล้วพยายามเดินต่อไป แต่เหมือนฟ้าฝนจะกลั่นแกล้งเพราะแค่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวเม็ดฝนเม็ดเล็กก็โปรยลงมาจากบนฟ้า และบริเวณนั้นก็ไม่มีที่ให้หลบเสียด้วย

เนื่องจากคาเฟ่ที่เธอพึ่งออกมา เจ้าของร้านได้ทำการปิดและกลับบ้านไปแล้ว หญิงสาวจึงรีบเดินต่อเพราะคิดว่าอาจจะถึงหน้าปากซอยก่อนที่ฝนจะตกลงมามากกว่านี้ แต่มันกลับกระหน่ำลงมาเรื่อยๆ จนเสื้อนักศึกษาที่สวมอยู่เริ่มเปียก

“ขึ้นรถเถอะครับ ตกหนักแน่ๆ”

หญิงสาวหันไปมองหน้าเขาสลับกับสายฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องก็ตัดสินใจขึ้นรถพร้อมกับถามอคินอีกเล็กน้อย จากนั้นรถก็เคลื่อนตัวออกไป

ไม่นานรถก็มาจอดบริเวณลานจอดโดยมีอคินเดินนำไปบนเพนต์เฮ้าส์หลังใหญ่ที่ดูเรียบหรู เธอหันมองระหว่างทางเดินด้วยความรู้สึกตื่นตาตื่นใจไม่น้อย

กระทั่งลิฟต์เปิดออกก็เห็นบริเวณห้องโถงกว้างตรงหน้าเป็นลำดับแรกและสิ่งต่อมาที่เธอเห็นคือชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนสีเข้มสบายๆหันมามองเธอด้วยสีหน้าราบเรียบ

หญิงสาวเดินไปหยุดยืนตรงหน้าเขาแล้วถามออกมาอย่างไม่เต็มเสียงนักเพราะเธอไม่ได้เจอเขาเลยตั้งแต่วันนั้น

“คุณมีอะไรจะคุยกับฉันเหรอคะ” เธอมองหน้าเขาแค่แวบเดียวแล้วเสมองไปทางอื่น

“นั่งลงสิ”

“ขอบคุณค่ะ” เธอนั่งลงตามที่เขาว่าพร้อมกับใช้มือลูบสัมผัสผิวไปมา เนื่องจากอากาศในนี้ค่อนข้างหนาวและเสื้อเธอก็เปียกไปมากเหมือนกัน

“ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง” จู่ๆ เขาก็ถามในสิ่งที่ทำให้เธอค่อนข้างแปลกใจ

“เอ่อ ก็สบายดีค่ะ” ในเมื่อเขาให้เลขาตามติดเธอขนาดนั้น ยังจะต้องถามอีก หญิงสาวคิดในใจ

“…” ชายหนุ่มหันไปมองหน้าเลขาของตัวเองแล้วส่งสัญญาณว่าให้ออกไปก่อน จากนั้นก็หันกลับมาพูดกับหญิงสาวตรงหน้าต่อ

“ผมแค่อยากเจอคุณ”

“เจอทำไมคะ” ดารินเลิกคิ้วมองเขาอย่างไม่เข้าใจ

ชายหนุ่มมองมือเล็กที่ลูบสัมผัสผิวตัวเองอยู่บ่อยครั้งแล้วไล่สายตาไปยังเสื้อนักศึกษาที่เปียกจนแนบผิวซึ่งเห็นบราสีดำด้านในก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง จนเธอต้องมองตามว่าเขาจะทำอะไร

“เดี๋ยวพาไปเปลี่ยนชุด ตัวซีดหมดแล้วนั่น”

“ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ”

ภาคินัยไม่ฟังคำปฏิเสธ เขาถือวิสาสะจับมือเธอให้ลุกขึ้น หญิงสาวรีบดึงมือตัวเองกลับราวกับโดนของร้อน ทว่าเมื่อเห็นสายตาคมกริบที่มีแววจริงจังมองอยู่ เธอจึงลุกขึ้นแล้วเดินตามไปอย่างว่าง่าย ตอนนี้ขนกายของเธอลุกซู่ ไม่รู้ว่าหนาวจากหยาดน้ำฝน หรือรังสีความดุที่แผ่ซ่านมาจากคนตัวสูงกันแน่

ชายหนุ่มพาเธอเดินเข้าไปยังห้องนอนขนาดใหญ่ที่ตกแต่งด้วยสีขาวสลับทองดูสบายตาแล้วพาไปยังห้องแต่งตัวที่อยู่ด้านใน เขาใช้มือเลื่อนประตูตู้เสื้อผ้าออก จนเห็นเสื้อผ้าผู้หญิงมากมายซึ่งมีหลากหลายแบบและหลากสีดูละลานตา

“อยากใส่ตัวไหนก็เลือกเอา”

หญิงสาวมองหน้าเขาสลับกับเสื้อผ้าพวกนั้นด้วยความสงสัย หากมีเสื้อผ้าผู้หญิงมากมายขนาดนี้ อาจจะหมายถึงเขามีคนรักแล้วอย่างนั้นหรือ ดารินยืนนิ่งพร้อมกับครุ่นคิด

ภาคินัยเห็นเธอนิ่งไปก็พูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังเป็นพิเศษ

“เสร็จแล้วก็รีบออกมา จะได้คุยกันถึงเรื่องของเรา”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel