ตอนที่5 ไร้เดียงสา
ตอนที่5 ไร้เดียงสา
ทั้งสองต่างแยกย้ายออกไปทำหน้าที่ของตัวเอง ณิชาเดินออกไปหน้าปากซอยเพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อเดินทางไปเรียน ส่วนซันเดย์ก็ขับรถไปทำงานตามปกติ
“วันนี้ช่วงบ่ายนายจะออกไปตรวจไซซ์งานไหมครับ” เตมินเอ่ยถามเมื่อทั้งสองเดินออกจากห้องประชุมหลังจากประชุมความคืบหน้าของโครงการเสร็จ
“ไป เตรียมแปลนที่ฝ่ายสถาปนิกแก้ไขไปด้วย”
“ครับ”
ซันเดย์เดินตรวจสอบความเรียบร้อยของโครงสร้างด้วยตัวเองทั้งที่มีวิศวกรรับผิดชอบโครงการนี้อยู่แล้ว แต่ชายหนุ่มก็มาตรวจความเรียบร้อยด้วยตัวเองทุกครั้ง
“โซนโน้นช่างกำลังขึ้นโครงสร้างคุณซันเดย์อย่าเดินเข้าไปเลยครับมันอันตราย” วิศวกรหนุ่มเอ่ยเตือนซันเดย์ถึงพื้นที่ด้านในที่เป็นพื้นที่อันตราย
“ฉันเข้าไปดูแป๊บเดียว ตรงนั้นสถาปนิกเปลี่ยนแปลนใหม่แก้ไขเรียบร้อยหมดทุกจุดหรือยัง”
“เรียบร้อยครับ”
“ฉันเข้าไปดูหน่อย” พูดจบเท้ายาวก็สาวเท้าเดินดุ่ม ๆ เข้าไปยังโซนพื้นที่ก่อสร้างที่ขึ้นป้ายเตือนชัดเจนว่าตรงนี้เป็นเขตก่อสร้างผู้ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้า
“กำชับคนงานด้วยว่าอย่ามักง่ายหรือหละหลวมในการทำงาน เพราะบ้านคนไม่ได้อยู่แค่ห้าปีสิบปี บางคนใช้เงินเก็บทั้งชีวิตเพื่อซื้อบ้านสักหลังไว้อยู่อาศัยช่วงบั้นปลายสุดท้ายของชีวิต เพราะฉะนั้นให้คิดเสมอว่าบ้านที่กำลังสร้างอยู่นั้นเป็นบ้านของตัวเอง” ซันเดย์มักจะย้ำคำนี้กับลูกน้องเสมอเพราะเขาให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยมาเป็นอันดับหนึ่ง
“นายระวังครับ” เตมินร้องตะโกนขึ้นเสียงดังกระชากดึงคนเป็นนายหลบท่อนไม้ที่ใช้เป็นไม้นั่งร้านหล่นลงมาจากชั้นสอง
“โอ๊ย!” แขนด้านซ้ายของซันเดย์โดนท่อนไม้หล่นใส่ที่หัวไหล่ เสื้อเชิ้ตฉีกขาดเลือดสีแดงสดไหลซึมออกมา
“นายเป็นยังไงบ้างครับ เอารถออกพานายไปโรงพยาบาล” เตมินรีบลุกขึ้นมาดูคนเป็นนาย และตะโกนสั่งคนงานที่อยู่ละแวกนั้นเสียงนั้น
ปี๋ป่อ ปี๋ป่อ ปี๋ป่อ
เสียงรถพยาบาลฉุกเฉินที่ซันเดย์เตรียมสแตนด์บายตลอดที่ไซซ์งานกำลังพาตัวเองไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดตอนนี้
“คนไข้เป็นอะไรมาคะ”
“ไม่หล่นใส่แขนที่ไซซ์งานก่อสร้างครับ” พยาบาลประจำรถฉุกเฉินรายงานอาการบาดเจ็บของชายหนุ่ม
“เข็นคนป่วยเข้าไปด้านในเลยค่ะ”
ซันเดย์ได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนที่เตมินจะทำเรื่องย้ายไปยังโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่ซันเดย์เป็นหมออยู่ที่นั่นเพื่อรักษาตัวต่อ
“อีกห้านาทีคุณหมอจะเข้ามาตรวจอาการนะคะ” พยาบาลหน้าห้องแจ้งชายหนุ่มที่นั่งหน้าซีดอยู่บนรถเข็นคนไข้ สีหน้าไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่
“ลีลาแม่งฉิบหาย” เสียงเรียบกล่าวทักทายหมอหนุ่มที่สวมชุดกาวน์สีขาวเดินเข้ามา
“รอนิดรอหน่อยทำเป็นจะตาย ไหนกูดูแผลหน่อยต้องตัดแขนทิ้งไหม ศัลยแพทย์ประสาทมือหนึ่งของโรงพยาบาลจะหมดอนาคตเพราะความบ้าคลั่งไม่เข้าเรื่องเดินเข้าไปในไซต์งานแบบนั้นไหม” โดเมนแกะผ้าพันแผลที่เจ้าหน้าที่พันไว้ตอนปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่โรงพยาบาลต้นทางออก
“ตัดแขนมึงสิไอ้ห่า ไอ้หมอไม่มีจรรยาบรรณ” ซันเดย์ว่าสวนกลับทันที
“เอ๋าไอ้ห่าด่ากูเฉย เตมินฉันว่าไม้มันหล่นใส่ผิดที่ไปหน่อยนะ” หมอหนุ่มหันไปพูดกับเตมินที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ห่าง ๆ
“ผิดที่ยังไงครับ โดนเส้นสำคัญเหรอครับ” เตมินถามขึ้นด้วยความตกใจนึกว่าเจ้านายตัวเองจะแขนหักหรือพิการ อาชีพหมอที่ซันเดย์รักไม่ต่างจากอาชีพวิศวกรต้องจบลงหรือไม่
“เปล่า น่าจะโดนปากมันมากกว่า เดี๋ยวให้คนพาไปเอกซเรย์ไม่แน่ใจว่าหัวไหล่หลุดหรือเปล่า” หลังจากตรวจดูโดยละเอียดก็ต้องส่งไปเอกซเรย์อีกรอบเพื่อความมั่นใจ
“ทำไมต้องเอกซเรย์มึงตรวจเองไม่รู้หรือไงว่าหลุดหรือไม่หลุด อย่างนี้ไม่ต้องเรียนหมอก็ได้แค่ส่งไปเอกซเรย์ทั้งหมดก็จบ” ซันเดย์พูดขึ้นด้วยความหงุดหงิดหลังจากที่เสียเวลาหลายชั่วโมงกับการตรวจร่างกายแต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่แน่นอนว่าแขนเขานั้นได้รับบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน หลายครั้งที่เขารบเร้าขอดูผลตรวจเองก็โดนบ่ายเบี่ยงทุกครั้ง
“กูเป็นหมอไม่ได้มีพลังวิเศษสามารถมองทะลุเนื้อหนังมังสาคนได้ ถ้าเกิดกระดูกร้าวแค่จับดูมันบอกไม่ได้ว่าร้าวหรือไม่ร้าว ถ้าไม่งั้นเขาจะคิดค้นเครื่องเอกซเรย์ขึ้นมาทำไม แล้วทำไมกูต้องมาอธิบายเรื่องปัญญาอ่อนพวกนี้กับมึงด้วยนี่ มึงเองก็เป็นหมอ หรือไม้หล่นใส่แขนแต่กระทบถึงสมอง” โดเมนอธิบายออกไปอย่างใจเย็น ในความเป็นหมอก็พอเข้าใจว่าเพื่อนอาจจะวิตกกังวลและอยากรู้ว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ก่อนที่จะบอกอาการแน่ชัดแก่คนไข้ได้คนเป็นหมอก็ต้องตรวจดูให้ละเอียดจนแน่ใจเสียก่อน
ซันเดย์ถูกเจ้าหน้าที่พาไปยังห้องเอกซเรย์ที่อยู่ชั้นสามของโรงพยาบาล เมื่อตรวจทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ถูกพามายังห้องพักผู้ป่วยVIP ที่อยู่ชั้นบนสุดของโรงพยาบาล ทั้งที่หลังจากเอกซเรย์เสร็จเขาก็ขอดูผลทันทีแต่โดนปฏิเสธจากเจ้าหน้าที่ห้องเอกซเรย์เพราะผลตรวจคนไข้ต้องเป็นหมอประจำตัวคนไข้เท่านั้นที่สามารถดูได้
“นายอยู่คนเดียวได้ไหมครับผมต้องเข้าไปเคลียร์งานด่วนที่บริษัท อีกครึ่งชั่วโมงณิชาจะมาอยู่เป็นเพื่อนครับ” เตมินเดินเข้ามาสีหน้าไม่ค่อยดีนักหลังจากได้รับโทรศัพท์จากพนักงานที่บริษัทว่าโครงการที่กำลังก่อสร้างอยู่มีปัญหาเขาต้องเข้าไปจัดการด้วยตัวเอง
“มึงบอกเธอเหรอว่ากูอยู่ที่โรงพยาบาล”
“ครับ ผมพึ่งโทรบอกเธอเมื่อกี้เพราะผมอาจจะอยู่เคลียร์งานดึก เลยขอให้เธอมาอยู่เป็นเพื่อนนายก่อนครับ”
“กูไม่ใช่เด็กที่ต้องมีคนคอยเฝ้าตลอดเวลา” ซันเดย์ตอบกลับน้ำเสียงไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธออกไป
“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“แล้วไอ้โดเมนมันจะขึ้นมาตอนไหน” ก่อนที่เตมินจะหันหลังเดินออกไปซันเดย์ก็ถามขึ้น
“คุณโดเมนแจ้งว่าอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงครับ ตอนนี้ติดประชุมด่วนอยู่ครับ”
“ลีลาแม่งจริง ๆ เป็นหมอภาษาอะไรปล่อยให้คนไข้รอนานขนาดนี้”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ซันเดย์เหลือบมองนาฬิกาบนฝาผนังและคำนวณเวลาหลังจากที่เตมินออกไปก็เกือบจะครึ่งชั่วโมงพอดี คนที่กำลังเคาะประตูอยู่ที่หน้าห้องนั้นคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเด็กในการปกครองของเขา
“สวัสดีค่ะ คุณเป็นยังไงบ้างคะ”
“ไม่ได้เป็นอะไรมากไม่ต้องทำหน้าดีใจขนาดนั้น ฉันยังไม่ปล่อยให้เธอเป็นอิสระง่ายขนาดนั้นหรอก ยังไงก็ต้องได้ผลตอบแทนกับเงินที่จ่ายไป” คำพูดร้ายกาจพ่นออกจากปากชายหนุ่ม อาการหงุดหงิดที่ต้องมานั่งรอนอนรอนานหลายชั่วโมงส่งผลให้ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่จึงพ่นคำร้ายกาจพวกนั้นใส่เด็กสาว
“หนูแค่ถามดูเพราะความเป็นห่วงค่ะ” เด็กสาวน้ำตาคลอเบ้าเบนหน้ามองไปทางอื่นไม่กล้าสบตากับชายหนุ่ม
“ฉันหิวน้ำ รินน้ำมาให้หน่อย”
“นี่คะ” แก้วน้ำพร้อมหลอดดูดส่งไปตรงหน้าชายหนุ่มแต่ก็ยังไม่ได้อยู่ในระดับพอดีที่ชายหนุ่มจะก้มลงดูดได้
“แขนฉันเจ็บอยู่ ยกขึ้นมาสูงกว่านี้”
“เจ็บแค่ข้างเดียว อีกข้างก็ยังใช้งานได้ดีอยู่ หรืออยากให้เป็นเหมือนกันทั้งสองข้างกูช่วยสนองให้ได้นะ” เสียงทุ้มของโดเมนดังมาจากหน้าประตู คุณหมอหนุ่มในชุดกาวน์ยาวสีขาว มี Stethoscope (หูฟังหมอ) คล้องอยู่ที่คอเดินตรงเข้ามายังเตียงคนไข้
“กว่าจะเสด็จมาได้นะ นึกว่าต้องจัดพานดอกไม้ธูปเทียนไปอัญเชิญ” สายตาคมตวัดตำหนิเพื่อนรัก
“ก็มาแล้วนี่ไง อย่ามาทำเป็นงอนเหมือนเด็ก มึงไม่ใช่สาว ๆ ที่กูต้องตามง้อ” โดเมนว่ากลับอย่างคนอารมณ์ดี สายตามองเด็กสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังซันเดย์
“แขนกูอยู่ตรงนี้จะมองห่าอะไรด้านหลัง”
“เด็กคนนี้ใคร”
“เด็กในการปกครอง” ซันเดย์ให้คำตอบเพื่อนโดยไม่มีอะไรต้องปกปิด เขาไม่ได้บังคับเด็กสาวมาแต่ทั้งสองมีการทำข้อตกลงและยอมรับกันทั้งสองฝ่าย และอีกอย่างณิชาก็ใกล้จะบรรลุนิติภาวะในอีกไม่กี่วัน
“เด็กมันอายุเท่าไหร่” โดเมนละสายตาจากเด็กสาวมารอคำตอบจากเพื่อนรัก เพราะดูจากหน้าตาแล้วยังไงอายุก็ยังไม่ถึงยี่สิบถึงจะดูโตเป็นสาวแล้วก็เถอะ
“ยังไม่ยี่สิบ” ซันเดย์ตอบออกไปสั้น ๆ
“ไอ้ห่าซัน อย่าบอกนะว่ามึงไปหลอกเด็กที่อายุยังไม่ถึงสิบแปดมา” โดเมนถามกลับเสียงดัง
“กูไม่ได้บ้ากามขนาดนั้น อีกไม่กี่วันเด็กนี่ก็ยี่สิบแล้ว มึงจะโวยวายทำไม” ซันเดย์ส่ายหัวอย่างเอือมระอากับความขี้โวยวายของเพื่อน
“แล้วไป แล้วนี่เตมินไปไหน ปกติตัวติดกับมึงตลอด”
“งานที่บริษัทมีปัญหา” ตอบเพียงแค่นั้นโดเมนก็พอเข้าใจได้
“แล้วคืนนี้จะให้พยาบาลเข้ามาเฝ้าไหม”
“ไม่ต้อง”
“หนูชื่ออะไรครับ” โดเมนหันไปถามเด็กสาวที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังซันเดย์
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อณิชาค่ะ” เด็กสาวกล่าวทักทายคนที่อาวุโสกว่าอย่างมีมารยาท
“สวัสดีครับ พี่ชื่อหมอโดเมนนะครับเป็นเจ้าของโรงพยาบาลนี้และเป็นเพื่อนรักกับไอ้ซันเดย์ด้วย” โดเมนแนะนำตัวกับเด็กสาวด้วยถ้อยคำสุภาพและให้เกียรติกับอีกฝ่ายโดยไม่เลือกว่าเธอจะเป็นใคร
“แนะนำตัวกันพอหรือยัง สรุปแขนกูเป็นอะไร” ซันเดย์พูดขัดขึ้น
“กระดูกร้าว เดี๋ยวให้หมอมาเข้าเฝือกให้ วันหลังอย่าเสือกเข้าไปตรงที่เขาทำงานกันอยู่อีก”
“แล้วทำไมมึงไม่ทำให้กูตอนนี้” น้ำเสียงไม่พอใจถามขึ้นอีกครั้ง
“กูไม่ว่าง อีกครึ่งชั่วโมงกูมีผ่าตัด” โดเมนให้คำตอบที่คนฟังไม่พอใจเอาเสียเลย
“กูนั่งรอมึงมาเป็นชั่วโมง มึงแค่เดินมาบอกว่ากูแค่กระดูกร้าว แล้วยังจะให้หมอคนอื่นมาเข้าเฝือกให้กูเนี่ยนะ กูขอย้ายโรงพยาบาลตอนนี้เลย” เสียงเข้มบอกออกไปสีหน้าไม่พอใจเอามากที่เพื่อนเห็นความกังวลของเขาเป็นเพียงเรื่องสนุก
“กูติดประชุมด่วน อีกอย่างกูก็บอกเตมินมันไปแล้วว่ามึงไม่ได้เป็นอะไรมาก ประชุมเสร็จกูจะเดินมาหาอีกทีมึงจะน้อยใจอะไรนักหนา ผ่าตัดเสร็จกูมาใส่ให้ก็ได้แต่กูกลัวว่ามันจะดึกไม่อยากกวนเวลาพักผ่อนของมึง” โดเมนพยายามอธิบายเหตุผลให้เพื่อนฟังอย่างใจเย็น
“ไม่ต้อง! ถ้ามีผ่าตัดก็ให้หมอคนอื่นมาทำ ชีวิตคนสำคัญกว่า” ซันเดย์ตอบกลับมาเสียงเรียบ เข้าใจทุกอย่างตามที่โดเมนบอก
“งั้นระหว่างนี้ก็ให้ณิชาเช็ดตัวให้ก่อน อีกครึ่งชั่วโมงกูจะให้หมอเข้ามาเข้าเฝือกให้ กูขอไปเตรียมตัวเข้าห้องผ่าตัดก่อน ฝากดูแลไอ้ซันด้วยนะณิชา” ประโยคแรกพูดกับซันเดย์ประโยคหลังหันไปบอกกับณิชา
“ค่ะ”
“คุณจะเช็ดตัวตอนนี้เลยไหมคะ”
“จะรออะไรล่ะ”
“เดี๋ยวหนูไปเตรียมน้ำใส่กะละมังมาก่อนนะคะ คุณรอแป๊บหนึ่ง”
“ไม่ต้อง เข้าไปเช็ดในห้องน้ำเลย ฉันอยากล้างตัวด้วย” เสียงเข้มออกคำสั่งก่อนขายาวจะเดินดุ่ม ๆ ไปยังห้องน้ำโดยมีเด็กสาวเดินตามหลังไปติด ๆ
“ถอดเสื้อออกสิ ถ้าไม่ถอดจะเช็ดยังไง” ณิชายื่นมือไปปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด เผยให้เห็นอกแกร่งที่มีรอยช้ำอยู่ข้างอกด้านซ้าย ณิชาไล่สายตาสำรวจว่ามีจุดไหนที่โดนกระแทกอีกบ้าง
“มัวแต่มองเมื่อไหร่จะเสร็จ อย่ามาหื่นตอนนี้มันใช่เวลาไหม”
“เปล่านะคะ หนูแค่ดูว่าแขนคุณมีตรงไหนที่ช้ำอีกบ้าง หนูจะได้ระวัง” ณิชารีบปฏิเสธออกไปทันที
“แต่ที่เธอกำลังมองอยู่ เขาเรียกว่าหน้าอก”
“ตรงนี้ค่ะ ตรงนี้ของคุณมีรอยช้ำอยู่” นิ้วเรียวเล็กสัมผัสไปตรงหน้าอกด้านข้างที่มีรอยช้ำขนาดใหญ่
“อย่าจับณิชา ถ้าไม่อยากจบแค่เช็ดตัว”