บท
ตั้งค่า

ตอนที่2[พร้อมรัก]

คลั่งรักพายุร้าย

ตอนที่2

[พร้อมรัก]

ฉันมีชื่อว่า 'พร้อมรัก' ตอนนี้อายุยี่สิบปี เรียนอยู่ปีสองในสถาบันเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

ฉันจะย้อนอดีตให้ทุกคนเข้าใจก่อนนะคะ ตั้งแต่เล็กที่ฉันจำความได้ ฉันถูกทิ้งให้อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าค่ะ พ่อแม่ที่แท้จริงก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ทุกคนในสถานที่นี้ก็เรียกฉันว่า'บาร์บี้' เขาว่าฉันหน้าตาเหมือนตุ๊กตา ผิวขาวตาโตแก้มป่อง และแม่ครูที่ดูแลเลี้ยงดูพวกฉันมาตั้งแต่เล็ก ท่านบอกว่าฉันเป็นลูกครึ่ง แต่ก็ไม่รู้อีกนั่นแหล่ะว่าพ่อของฉันเป็นใครหน้าตาเป็นแบบไหน และเชื้อชาติอะไร ฉันก็ไม่อยากจะสืบหาประวัติของตัวเองนักหรอก ถ้าพวกเขารักฉันสักนิด เขาก็คงจะไม่คิดที่จะเอาฉันมาทิ้งในสถานที่แบบนี้อย่างแน่นอน

ย้อนไปเมื่อตอนที่ฉันอายุได้แปดขวบ มีสองสามีภรรยาคู่หนึ่ง ท่าทางจะฐานะดีได้นำอาหารและขนมเสื้อผ้าสวย ๆ มาเลี้ยงและแจกให้พวกฉัน พอทั้งคู่เห็นฉันท่านก็รักและเอ็นดูฉันมาก ท่านบอกว่าอยากได้ลูกสาว

จึงเข้าไปติดต่อขอรับฉันมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ตอนนั้นฉันก็ใจหายเหมือนกันคะ เพราะฉันมีความผูกพันธ์ กับเพื่อน ๆ และแม่ครูที่คอยสอนและดูแล พวกฉันมาตั้งแต่เล็ก

แม่ครูก็ปลอบโยนฉันบอกว่า ถ้าฉันได้มาอยู่กับครอบครัวนี้ จะทำให้ฉันมีอนาคต ได้กินดีอยู่ดีและจะได้เรียนหนังสือสูง ๆ 

เมื่อฉันได้รับฟังคำที่แม่ครูพูดและพร่ำสอน ฉันจึงตัดสินใจมาอยู่กับครอบครัวใหม่

คุณแม่คนใหม่ที่รับอุปการะฉันชื่อ คุณหญิงญาดา ส่วนคุณพ่อชื่อคุณอนันต์ ฉันเพิ่งรู้ว่าตระกูล 'ศิลปการสกุล' เป็นตระกูลที่รวยมาก 

วันแรกที่ฉันได้ก้าวเข้ามาอยู่ใน คฤหาสน์หลังใหญ่ฉันตื่นเต้นมาก แล้วฉันก็ได้ห้องนอนเป็นส่วนตัวต่างจากที่ฉันเคยอยู่อย่างลิบลับ ห้องนอนหรูเตียงนอนนุ่มเฟอร์นิเจอร์ครบครัน 

"หนูมาเป็นลูกสาวของแม่แล้วนะ แล้วแม่จะตั้งชื่อให้หนูใหม่ว่า 'พร้อมรัก' เข้าใจไหมลูก เพราะจะเน้นให้หนูรู้ว่า แม่และทุกคนที่นี่รักและต้องการหนูแค่ไหน" เสียงของคุณแม่ญาดายังก้องอยู่ในหูของฉันจนถึงทุกวันนี้

ฉันมาอยู่ที่นี่ฉันเพิ่งรู้ว่า มีพี่ชายสองคน พี่คนโตชื่อ'พีรพัฒน์' ชื่อเล่นว่าพี่ใหญ่อายุ 35ปี ส่วนคนรองชื่อพี่'พายุ' ชื่อเล่นว่ายุ อายุ30ปี พี่น้องห่างกันตั้งห้าปี แต่ส่วนสูงพอ ๆ กัน

"ยินดีตอนรับครับ ยัยหนูพร้อมรัก พี่ดีใจมากนะที่ได้เรามาเป็นน้องสาว" เสียงพี่ใหญ่ยังดังก้องกังวานพร้อมรอยยิ้ม ที่ส่งมาให้ฉันอย่างอบอุ่น

"อ้าว! ว่ายังไงละพี่ยุ จะไม่แสดง ความดีใจหน่อยเหรอที่มีน้องสาว" เสียงคุณอนันต์ผู้เป็นบิดา เอ่ยถามลูกชายคนเล็ก ที่เริ่มเป็นหนุ่มเต็มตัวด้วยวัยสิบแปดปี

"ครับคุณพ่อ อยู่ ๆ ก็มีน้องสาว ผมเตรียมตัวไม่ทันเลยครับ" เสียงเข้มเอ่ยพร้อมส่งสายตาวางเปล่ามาให้ฉัน 

"นี่! น้องหน้าตาออกจะน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้ พี่ยุจะไม่ดีใจเลยเหรอลูก" เสียงคุณแม่ญาดาเอ่ยถามลูกชายคนเล็ก ที่เอาแต่ทำสีหน้าเรียบเฉยใส่ฉัน

"เอ่อ! วันแรกก็แบบนี้แหล่ะคุณ อยู่ด้วยกันนานเข้า เดี๋ยวตายุมีแต่จะหลงน้องสาวละไม่ว่า" เสียงบิดาเอ่ยยิ้มน้อย ๆ 

ฉันมาอยู่ที่คฤหาสน์หลังนี้ ก็สุขสบายกว่าที่เก่าหลายเท่าพันเท่า ฉันได้สวมใส่เสื้อผ้าสวย ๆ  ราคาแพง และได้เรียนหนังสือในสถาบันเอกชนชื่อดัง มีเพื่อนระดับไฮโซ แต่ฉันก็ไม่ได้ทำตัวไฮโซไปกับเพื่อนหรอกคะ ฉันยังคงทำตัวกินง่ายอยู่ง่าย แต่งตัวธรรมดา และเงินทองที่คุณพ่อคุณแม่ให้ไว้ ใช้จ่าย อยู่ทุกวันฉันก็แบ่งเป็น เงินออมเอาไว้ส่วนหนึ่ง เพราะฉันคิดว่าชีวิตไม่มีอะไรที่แน่นอน มีขึ้นแล้วก็มีลงฉันไม่รู้ว่าทุกคนที่นี่ จะดีและเอ็นดูฉันไปได้นานแค่ไหน

พอฉันเริ่มโตขึ้นทุกคนก็ยังคงแสดงความรัก ความเอ็นดูกับฉันเหมือนเดิมทุกอย่าง พี่ใหญ่ก็แสดงออกว่ารักและห่วงฉันมากขึ้นกว่าเดิม 

"ว่ายังไงละเรา ฮึ! ยิ่งโตยิ่งสวยนะเนี่ย! แบบนี้พี่ใหญ่ต้องหาบอดี้การ์ดไปคอยเฝ้าแล้วละมั้ง" พี่พีรพัฒน์เอ่ยออกมา ขณะทุกคนอยู่บนโต๊ะอาหารพร้อมหน้ากัน

"พี่ใหญ่คิดถูกนะเนี่ย! คุณแม่ก็ชักจะเป็นห่วง หนูพร้อมแล้วสิ เริ่มโตเป็นสาวเดี๋ยวหนุ่ม ๆ ก็มาตามจีบกันเป็นขบวนแน่ ๆ " เสียงคุณญาดาเห็นด้วยกับความคิดของบุตรคนโต

"ฮึ ฮึ! ยัยหนูพร้อมรัก โตขึ้นดูสวย เหมือนคุณตอนสาว ๆ เลยนะคุณ" เสียงคุณอนันต์ มองลูกสาวแล้วปรายตาไปหาภรรยาแสนสวย

"นี่! คุณพูดอะไรออกมาไม่อายลูกบ้างเลย"

"จะอายอะไรละคุณ นั่งอยู่นี่ มีแต่ลูกของเราทั้งนั้น"

"ดูคุณพ่อจะรักคุณแม่มากนะครับ" บุตรคนโตเอ่ยขึ้น ทำให้นึกถึงตัวเองจนป่านนี้ เขาก็ยังไม่เคยลบเลือนใครบางคนออกไปจากความรู้สึกได้เลย

"ตายุนั่งทานข้าวเงียบเชียบจัง ไม่ห่วงน้องสาวกะเขาบ้างเหรอ" มารดาเอ่ยทักบุตรชายคนเล็ก ที่เอาแต่สนใจอาหารบนโต๊ะอย่างเดียว

"ก็งั้น ๆ แหล่ะไม่เห็นจะสวยตรงไหน หน้าตาก็เหมือนกับหนอนชาเขียว" คนที่เอ่ยออกมา ยังคงก้มหน้าก้มตาสนใจกับอาหารเหมือนเดิม

"หนูพร้อมเหมือนหนอนชาเขียวตรงไหนตายุ" มารดาเอ่ยถาม

"คุณแม่ก็ดูดี ๆ สิครับตาโต ๆ แก้มป่อง ๆ และแก้มนิ่ม ๆ หนอนชาเขียวชัด ๆ คุณแม่ไม่ต้องห่วงหรอกไม่มีใครกล้ามาจีบแน่นอน" ว่าจบก็ขอตัวลุกออกไปจากโต๊ะอาหารทันที

ฉันก็ได้แต่แอบมองตามแผ่นหลังของเขา ที่ก้าวเดินออกไปอย่างไม่เข้าใจ ว่าทำไมพี่พายุ ไม่ค่อยชอบขี้หน้าฉันเลย เขาไม่ค่อยพูดจากับฉัน ยิ่งเวลาอยู่ตามลำพังเขาก็จะทำสีหน้าบึ้งตึง แสดงกิริยาเย็นชาฉายชัดออกมา

พอฉันเรียนจบมัธยมปลาย คุณพ่อคุณแม่ก็จะส่งฉันให้ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ แต่ฉันก็ได้ปฏิเสธออกไป ฉันให้เหตุผลว่าฉันคงคิดถึงท่านทั้งสองคนมาก ถ้าให้ฉันไปเรียนไกลถึงต่างแดน

ฉันไม่เคยคิดจะอยากไปเรียนไกลถึงต่างแดน เพราะค่าใช้จ่ายในการเรียนและอื่น ๆ คงจะแพงมากน่าดู ฉันไม่อยากผลาญเงินที่พี่ชายทั้งสองคนเป็นคนหามา ฉันจึงขอเรียนต่ออยู่ในมหาวิทยาลัย เอกชนที่บิดามารดาเห็นสมควร

ช่วงนี้ปิดเทอมใหญ่ฉันคงได้แต่รอ เปิดเทอมเมื่อไหร่ฉันก็จะได้เข้าเรียนระดับปริญญา ฉันเป็นคนเรียนดีนะคะ เกรดเฉลี่ยได้สี่ทุกวิชา ถ้าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐบาลฉันมั่นใจว่าตัวเองจะสอบติดแน่นอน

ช่วงนี้คุณพ่อคุณแม่เดินทางไปเยี่ยม เพื่อนรักของท่านที่ต่างประเทศ ถ้าฉันจำไม่ผิดน่าจะเป็นอังกฤษ ฉันก็ไม่ค่อยจะแน่ใจสักเท่าไหร่ เพราะท่านทั้งสองออกเดินทางอยู่บ่อย ๆ 

พี่ชายทั้งสองคนก็ไปทำงานกันหมด ในบ้านที่ใหญ่โตคงเหลือฉันกับแม่บ้านอีกสองคน ด้านนอกก็มีคนสวนอีกคนหนึ่งชื่อลุงพุฒ

อยู่บ้านฉันก็หยิบตำราเรียนมาอ่านทบทวนทุกวัน ยามเบื่อหรือเหงาฉันก็หางานเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำอย่างเช่นช่วยแม่บ้านทำกับข้าว บางครั้งก็ไปจัดสวนหย่อมกับลุงพุฒด้านนอก

วันนี้ตอนค่ำพี่ชายใหญ่เลิกงาน ก็เดินทางกลับมาบ้านตามปกติ ถ้าไม่มีธุระต้องไปต่อที่อื่นพี่ใหญ่ของฉัน ก็จะกลับมาทานข้าวเย็นเป็นเพื่อนฉันทุกครั้ง ตั้งแต่คุณพ่อคุณแม่ไปต่างประเทศ 

ส่วนที่พายุรายนั้นไม่ต้องไปพูดถึง เขาไม่ค่อยชอบขี้หน้าฉันอยู่แล้ว เลิกงานก็คงไปคลุกอยู่กับสาว ๆ ที่ผับ เพื่อนสนิทของเขานั้นแหล่ะ ที่ฉันรู้ไม่ใช่ว่าฉันจะติดตามชีวิตของเขาหรอกนะ แค่ฉันได้ยินคุณแม่ญาดาบ่นให้ได้ยินอยู่บ่อย ๆ 

หลังจากฉันแยกตัวกับพี่ใหญ่ ขณะเรานั่งดูทีวีอยู่ด้วยกันที่ห้องโถงชั้นล่าง เพื่อให้อาหารที่ทานเข้าไปได้ย่อย พอได้เวลาก็ขึ้นมาอาบน้ำเตรียมตัวนอน เราสองคนก็เดินขึ้นบันไดมาพร้อม ๆ กัน แล้วพี่ใหญ่ก็เดินมาส่งฉันเข้าห้องนอน

"อาบน้ำแล้วรีบเข้านอนนะครับ สาวน้อยของพี่ หลับฝันดีนะ" พี่ใหญ่ยังคงแสดงความรักความเอ็นดูให้ฉัน อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ด้วยการยกมือขึ้นมาลูบไล้ที่ศีรษะของฉันเสมอ

"ขอบคุณค่ะ พี่ใหญ่ก็ฝันดีเช่นกันนะคะ" ฉันเอ่ยออกไป ก่อนที่พี่ใหญ่จะผละออกจากหน้าประตู แล้วกดล็อคประตูห้องให้ฉันอย่างแน่นหนา

ฉันเดินมานั่งลงที่เตียงนุ่มด้วยหัวใจที่เป็นสุข อย่างน้อยชีวิตของฉันก็ยังมีคุณพ่อคุณแม่ และพี่ใหญ่ที่รักและเอ็นดูฉันอย่างจริงจัง ขีวิตฉันก็ยังดูมีค่ามีความสุขกว่าเมื่อตอนเด็ก ๆ เยอะ

เมื่อมองนาฬิกาหัวเตียงเห็นว่าจะสามทุ่มเข้าไปแล้ว ฉันจึงลุกขึ้นเตรียมตัวเข้าไปอาบน้ำ พออาบเสร็จก็ออกมาหาเสื้อกับกางเกงชุดนอนมาสวมใส่ ชึ่งเป็นชุดที่พี่ใหญ่เคยซื้อมาฝากอยู่หลายชุด เมื่อตอนที่เขาได้ไปเที่ยวที่เชียงใหม่เมื่อเดือนที่ผ่านมา

ฉันกำลังคิดว่าฉันโชคดีกว่าเพื่อน ๆ หลายคนที่อยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ฉันยังมีคุณพ่อคุณแม่ และพี่ชายใหญ่ที่รักและเอ็นดูฉันอย่างจริงใจ แค่นี้ชีวิตฉันก็มีค่าขึ้นมาเยอะแล้ว ฉันเปิดรอยยิ้มออกมาบาง ๆ เมื่อนึกถึงพี่ชายคนโต ตอนเวลาอยู่ใกล้แล้ว รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ก่อนจะหลับตาลงด้วยความสุข

 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel