บท
ตั้งค่า

บทที่ 17 ทบทวน

(กลับมาช่วงเวลาปัจจุบัน)

ในวันที่ฮ่องเต้นนำนางมาส่งไว้ที่ตำหนักริมบัวแล้วเสด็จกลับไปพร้อมกับอุ้ยกงกง นางกำนัลนำสำรับที่จัดเตรียมไว้มาวางบนโต๊ะอาหารและปรนนิบัติรับใช้นางอย่างดี ฟ่านเยว่ซินจัดการทานอาหารเย็นจนอิ่มท้อง ด้วยเพราะไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ช่วงเที่ยง ดีว่านางทานมื้อเช้าที่คอนโดของโรเบิร์ตมาก่อนแล้ว ไม่งั้นมีหวังไม่มีแรงวิ่งหนีแน่นอน

โรเบิร์ต! นางลืมเขาไปเสียสนิท

ฟ่านเยว่ซินมองไปที่นิ้วนางข้างซ้ายก็เห็นแหวนเพชรที่ส่องประกายวับวาว นางถอดออกมาดูก่อนจะหาที่เก็บให้มิดชิด

ป่านนี้เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง คงตามหานางไปทั่วแน่นอน นางคิดอย่างรู้สึกผิดในใจต่อคู่หมั้นหนุ่ม ถ้านางไม่กลับมานี่ คืนนี้คงเป็นคืนที่นางกับเขาจะร่วมรักกันอย่างลึกซึ้งเป็นครั้งแรก เพราะนอกจากคบหาอย่างเป็นทางการแล้วยังเป็นว่าที่เจ้าสาวอย่างเป็นทางการด้วย โรเบิร์ตเป็นคนหัวโบราณกว่าที่ใครๆ คิด

หากเขาจะเริ่มต้นใหม่กับคนอื่นนางก็ยินดี นางไม่อาจรู้เลยว่านางจะได้กลับไปที่โลกนู้นไหมหรือจะรอดกลับไปไหม เพราะเป้าหมายนางคือเอาคืนพวกมันทุกคน ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม

นางเคยเผชิญความตายมาแล้ว มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด คงไม่แย่หากจะต้องเผชิญกับมันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้นางจะลากพวกเขาลงไปพร้อมกัน

นางมีหนี้ที่ถูกติดค้างและพวกเขาต้องจ่ายคืนให้กับนาง

หลังจากกินจนอิ่ม นางอยากอาบน้ำแล้วพักผ่อนโดยไม่ให้นางกำนัลเข้ามาช่วย ถ้าไม่ใช่คนที่นางไว้ใจ นางจะไม่ให้มายุ่งกับกิจส่วนตัวเด็ดขาด นางกำนัลจึงช่วยเตรียมอ่างน้ำให้แล้วออกไป

ระหว่างอาบน้ำเย่ว่ซินคิดในใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป หมากกระดานนี้จะเริ่มเดินอย่างไรดี นางไม่เหลือพรรคพวกเลย นางกำนัลส่วนตัวเมื่อชาติก่อนไม่รู้ป่านนี้ไม่ตั้งตัวอยู่ที่ไหน เหลือแต่หยุนซีที่นางเห็นเขาอยู่ข้างกายฮ่องเต้ แต่เขาคือคนที่นางไม่อยากให้เข้ามายุ่งที่สุด เขามีหน้าที่การงานที่ดีจะเอาอนาคตมาผูกไว้กับนางไม่ได้ เดินหมากพลากแม้สักตัวเดียวย่อมหมายถึงชีวิต

เมื่อไม่มีคนคอยช่วยเหลือ...ยิ่งต้องคิดให้รอบคอบ

ฟ่านเยว่ซินลุกขึ้นจากอ่างน้ำหลังจากแช่น้ำจนสดชื่น นางก็เดินเข้าไปในห้องนอน เอนกายลงบนเตียงนุ่ม แม้จะไม่มีแอร์เหมือนโลกนู้น แต่ลมธรรมชาติของที่นี่ก็ให้ความรู้สึกเย็นสบาย หน้าร้อนของที่นี่ก็ไม่ร้อนเหมือนโลกนู้นราวกับมีแอร์ธรรมชาติเปิดพัดตลอดเวลา นี่คงเป็นอีกสิ่งที่นางนึกชอบของโลกนี้ก็คือสภาพอากาศ ช่วงหน้าหนาวถึงจะมีหิมะตกและหนาวสักหน่อยแต่ก็ไม่แย่นัก

ยี่สิบกว่าปีที่จากไป ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าไม่คุ้นชินเลย หลังจากนางตายไปมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เพราะเหตุอันใดคนในโลกนี้ยังดูไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่

ความรู้สึกเหมือนเดินทางไปยังมัลติเวิร์สคล้ายหนังดังเรื่องนึง

รู้สึกเหมือนลืมอะไรไปสักอย่าง เยว่ซินลุกจากที่นอนตรงไปยังกองเสื้อผ้าที่นางใส่ติดตัวมา นางจำได้ว่ากระเป๋านางฝากไว้กับโรเบิร์ตฉะนั้นสิ่งที่ติดตัวมามีแค่เสื้อผ้าแล้วก็แหวน แต่นางไม่คิดเช่นนั้น ราวกับมีอีกสิ่งที่เผลอลืมไป

ใช่แล้ว หนังสือนั่น!?

จำได้ว่าไม่ได้เอาปาใส่พวกทหาร แสดงว่าตกอยู่ในที่ๆ นางซ่อนตัว

ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ค่อยไปหา แค่คืนเดียวคงไม่หายไปไหน

นางกลับมาทิ้งตัวลงนอนกับฟูกนุ่มอีกครั้ง หนังตาก็ค่อยๆ ปิดลงอย่างช้าๆ หญิงสาวค่อยๆ กลับเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรื่นรมย์

เช้าตรู่สองวันต่อมา

“พระชายาได้เวลารับประทานอาหารเช้าแล้วเพคะ” ฟ่านเยว่ซินได้ยินจากอีกฟากของประตูพลันสะดุ้งตื่นด้วยสีหน้าที่ยังงัวเงีย นางหันไปมองฝาผนังก็นึกขึ้นมาได้ว่าโลกนี้ไม่มีนาฬิกา เลยไม่รู้ว่าตอนนี้ยามใดแล้ว

นางลุกไปเปิดประตูเห็นนางกำนัลยืนค้อมกายรอรับคำสั่งอยู่ นางกำนัลเงยหน้ามาเห็นสภาพของพระชายา ก็รู้ได้ทันทีว่าพึ่งตื่นนอน

“หม่อมฉันซวงซวง ได้รับหน้าที่ดูแลพระชายา หม่อมฉันได้เตรียมน้ำอาบให้พร้อมแล้ว เรียนเชิญพระชายาเพคะ” นางกำนัลเอ่ยแนะนำตัวก่อนจะผายมือไปยังห้องอาบน้ำแล้วเดินตามพระชายาเข้าไปอำนวยความสะดวก แต่ถูกสั่งให้รออยู่ด้านนอก นางจึงรอพระชายาอาบน้ำจนเสร็จเพื่อนำพาไปยังห้องอาหาร

"ยามใดแล้ว"

"ทูลพระชายา ยามเฉินเพคะ ทรงหลับไปหนึ่งวันสองคืนเต็มๆ หม่อมฉันพยายามมาปลุกแต่ไม่ทรงตื่น ทรงรู้สึกเจ็บป่วยตรงไหนบ้างหรือไม่เพคะ"

"ไม่เป็นไร ข้าเพียงแต่อดนอนมาหลายวัน"

บนโต๊ะมีข้าวสวยร้อนๆ กับกับข้าวสองสามอย่าง นางหยิบตะเกียบคีบมาลิ้มชิมรสจนพอใจ อาหารในวังหลวงยังรสชาติดี ถึงจะสู้กับความจัดจ้านด้านรสชาติดั่งอาหารไทยที่นางชอบกินไม่ได้ แต่ก็ยังถือว่าเลิศรส เมื่อวานมัวแต่หิวจัดจนไม่ทันได้ละเมียดละไมชิมรสชาติเท่าไหร่ อาหารตรงหน้าค่อยๆ หมดลง นางกำนัลยืนอยู่ไม่ไกลรอปรนนิบัติรับใช้ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ ไม่นึกเลยว่าพระชายาจะกินเก่งขนาดนี้ ของที่เตรียมมาเพียงพอสำหรับสองหรือสามคนเลยด้วยซ้ำ

หลังจากมื้อเช้าได้ผ่านพ้นไป ฟ่านเยว่ซินตัดสินใจจะไปที่สวนนั่นอีกครั้ง นางต้องการไปหาหนังสือเล่มนั้น ตัวการที่พานางมาอยู่ที่นี่

พอนางกำลังจะเดินออกจากประตูหน้าที่มีขันทียืนเฝ้าอยู่

"ถวายบังคมพระชายา จะทรงเสด็จไปไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ" ขันทีหันมาคุกเข่าขวางด้านหน้านาง

ฟ่านเยว่ซินไม่ตอบแต่ใช้มือส่งสัญญาณให้พวกเขาถอยไป ขันทีทั้งสองต่างมองหน้ากันเหมือนสื่อสารกันทางจิตว่าจะทำอย่างไรดี เมื่อวานฮ่องเต้มีรับสั่งไม่ให้นางออกไปไหน โดยไม่ผ่านการเห็นชอบจากพระองค์ก่อน

ฟ่านเยว่ซินทำท่าปัดมือออกเพื่อย้ำให้ถอยไปอีกครั้ง แต่ทั้งคู่ยังคงคุกเข่าตรงหน้า มือข้างนึงแตะบนพื้นพลางก้มหน้าอยู่อย่างนั้นเป็นสัญญาณว่าพวกเขาปฏิเสธที่จะฟังคำสั่ง

"พวกเจ้าไม่คิดจะถอยไปแต่โดยดีใช่ไหม" ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางเปิดปาดพูดกับคนในภพนี้ด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด พวกเขาทำให้นางหงุดหงิด

"พระชายาอย่าทรงกริ้ว ฝ่าบาทมีรับสั่ง หากพระชายาจะเสด็จไปที่ใด ต้องได้รับอนุญาตจากพระองค์ก่อนพ่ะย่ะค่ะ" พวกขันทีได้แต่บอกพระชายาตามที่รับคำสั่งมา

"ฝ่าบาทคิดจะขังข้ารึ"

"ไม่ใช่เช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงห่วงความปลอดภัย เกรงว่าพระชายากลับมาไม่นานอาจจะไม่คุ้นเคยภายในวัง"

"พวกเจ้าถอยไป" พระชายายกมือชี้หน้า สายตาดูน่ากลัวไม่เหมือนพระชายาคนเดิมที่พวกเขาเคยพบ ขันทีสองนายจำต้องถอยไปยืนด้านข้างเพื่อให้พระชายาเดินผ่านไปได้และเร่งรุดไปกราบทูลฝ่าบาท

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel