ตอนที่ 4
‘คือต้องการไขข้อคับข้องใจจากพินัยกรรมที่ผูกเงื่อนปมขึ้นในใจของไรอันตลอดมา นับตั้งแต่ได้ยินเรื่องเด็กสาวผู้เป็นปริศนาคนนั้น?’
“บอกกับคุณทนายให้รอสักครู่ ผมกำลังจะลงไปเดี๋ยวนี้”
ไรอันกล่าวกับสาวใช้ ทอดสายตามองไปที่สวนดอกไม้ข้างเรือนรับแขกหลังเล็ก สวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพรรณ หลากสีสัน ที่ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับคฤหาสน์ กลิ่นหอมของมันรวยรินอยู่ในสายลมระรื่น
วูบหนึ่งในความคิดคำนึง
ชายหนุ่มรู้สึกคิดถึงแม่ขึ้นมาจับใจ เพราะมันคือ ‘สวนดอกไม้ของแม่’ ที่พ่อเป็นคนสร้างเอาไว้ให้กับแม่ แม้วันนี้มันจะเป็นเพียงอนุสรณ์ของความรักของพ่อกับแม่ก็ตาม
ที่เรือนรับแขกหลังเล็ก
อาหารคาวหวานถูกตระเตรียมเอาไว้เพียบพร้อม ที่โต๊ะใกล้ๆ กับสวนดอกไม้ ซึ่งไรอันให้เหตุผลในการเลือกตั้งโต๊ะบริเวณนั้นว่าบรรยากาศยามเย็นของสวนดอกไม้ที่คฤหาสน์แห่งนี้ สวยงามราวกับสวนสวรรค์ที่ถูกเนรมิตขึ้นบนดิน
สวนที่สร้างขึ้นด้วยความรักของพ่อที่มีต่อแม่ มีกุหลาบหลากสีสันหลายสายพันธ์ เป็นสวนที่เปรียบเสมือนบ้านและถิ่นที่อยู่อาศัยของเหล่าผีเสื้อและภู่ผึ้งจำนวนมาก บินวนเวียนมาทายทักทายเกสรอันฉ่ำหวานของมวลดอกไม้มิเว้นวัน
“Heaven on earth” คือคำเปรียบเปรยที่ไรอันใช้เรียกสวนดอกไม้แห่งนี้ ซึ่งนมช้อยมักจะได้ยินบ่อยๆ
“คุณท่านคีรีได้ฝากให้ผมจัดการเรื่องรับตัวเด็กมาอุปการะ เอ่อ...ถ้าคุณไรอันพร้อม ผมจะดำเนินการเรื่องไปรับตัวเด็กมาเลยนะครับ”
คุณประภาษขออนุญาต
“เรื่องนี้เช่นกัน ที่ผมตั้งใจนัดคุณประภาษมาคุยในค่ำนี้”
กล่าวพลางเดินนำไปที่โต๊ะอาหารตรงหน้า
เป็นโต๊ะทรงกลมเล็กที่จัดไว้อย่างจงใจให้ใกล้ชิดและเป็นกันเอง
บรรยากาศรายรอบจึงดูผ่อนคลายลงไปมาก
“ผมเดาได้ว่าคุณไรอันคงสงสัยเช่นกัน ถึงความเป็นมาของเด็กสาวคนนี้”
“คุณประภาษกล่าวเหมือนรู้ใจผม”
ไรอันเอ่ย
“ต้องขอโทษด้วยที่มีความจำเป็นให้ต้องปิดบังคุณไรอันมาจนถึงวันนี้”
ทนายประภาษเริ่มเกริ่น
“ซึ่งเป็นเพราะความประสงค์ของคุณคีรี ซึ่งคุณคีรีเองก็เพิ่งทราบเรื่องเด็กสาวคนนี้เพียงเดือนเดียว และก่อนหน้าที่ท่านจะเสียชีวิตได้ไม่นาน ท่านสั่งให้ผมร่างพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นมาทันที จะว่าไปก็เหมือนเป็นลางสังหรณ์ก่อนที่ท่านจะมาเสียชีวิต ต้องขอโทษจริงๆ ที่ผมจำต้องปิดบังเอาไว้”
คุณประภาษเอ่ยขอโทษอีกครั้ง
“ข้อนั้นผมเข้าใจ ที่ต้องปิดบังเอาไว้เป็นเพราะคุณประภาษได้สัญญาไว้กับคุณพ่อ”
ไรอันชำเลืองไปยังนมช้อยที่เดินยิ้มหน้าชื่นเข้ามาช้าๆ
“เชิญคุณไรอันกับคุณทนายกับที่โต๊ะอาหารเลยค่ะ”
นมช้อยกล่าว
“เชิญครับ”
ไรอันผายมือไปที่โต๊ะอาหาร
เป็นสัญญาณเชื้อเชิญ ซึ่งมีอาหารน่ารับประทานหลายอย่างเรียงรายรออยู่ตรงหน้า
ภายหลังจากเวลาครู่ใหญ่ๆได้ถูกใช้ไปบนโต๊ะอาหาร
ไรอันกวาดสายตามองหาสาวใช้ที่เดินเข้ามารับคำสั่งเบาๆ จากคนเป็นนาย ก่อนจะเดินลับกลับเข้าไปในบ้านอย่างรู้จังหวะ และกลับออกมาอีกครั้งพร้อมกับโรมานี กองติ (Romani Conti) ไวน์ฝรั่งเศสชื่อก้อง หมักบ่มใน ปี ค.ศ.1970 ราคาขวดละเกือบแสน
เพราะไรอันรู้ว่ามันจะช่วยให้บรรยากาศในการสนทนาตามประสาผู้ชายเป็นไปอย่างออกรสชาติ
ครู่เดียวไวน์ที่ถูกเก็บเอาไว้ภายใต้อุณหภูมิต่ำกว่า 12 องศาก็ถูกรินลงแก้วใสใบบางตรงหน้าคุณทนาย กลิ่นหอมอ่อนๆ ของมัน ลอยอวลไปทั่วโต๊ะอาหาร เรียกความกระหายให้กับปากคอได้อย่างเหลือเชื่อ
“เชิญครับ” ไรอันกล่าว
“ขอบคุณครับ”
ทนายประภาษจับที่ก้านแก้วอย่างคนที่คุ้นเคยกับไวน์ เหมือนรู้ว่าอุณหภูมิที่ฝ่ามือจะทำให้รสชาติของไวน์เปลี่ยนแปลงไป
พลางหันไปสบตาไรอันด้วยแววตาครุ่นคิด
หมุนไวน์เบาๆไปมา 4-5 รอบ สูดกลิ่นหอมของมันแรงลึก จิบเบาๆเข้าไปหนึ่งอึก กำซาบรสชาติของมันด้วยการทิ้งค้างเอาไว้ในปาก 3-4 วินาที กลั้วเอาไว้ใต้ลิ้นเบาๆ แล้วค่อยๆ ปล่อยให้มันละเลียดลงสู่ลำคออย่างมีศิลปะ สมกับที่ไรอันให้เกียรติรับรองมื้อค่ำด้วยการเปิดไวน์ราคาขวดละเกือบแสน
“คิดอยู่แล้วเชียวว่าคุณไรอันต้องอยากรู้เรื่องเด็กผู้หญิงคนนี้?”
ทนายประภาษทำสีหน้าครุ่นคิด
ก่อนที่ไวน์แก้วที่สองจะละเลียดลงลำคอตามไปติดๆ
“ในฐานะผู้ปกครอง ก็เป็นสิ่งที่ผมควรจะรู้ไม่ใช่หรือครับ?”
ไรอันลูบคาง พลางคิด