ตอนที่ 3
ไรอัน…ในฐานะผู้ปกครองของเธอทุกประการ ไปจนกว่าเด็กสาวคนนี้จะเติบโตจนบรรลุนิติภาวะเมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ เมื่อนั้นก็ถือเป็นอันสิ้นสุดภาระรับผิดชอบของคุณไรอัน ในฐานะผู้ปกครองของเธอตามที่พินัยกรรมได้ระบุ”
นั่นคือข้อความในตอนท้ายของพินัยกรรมที่ระบุเอาไว้
ด้วยฐานะอันมั่งคั่งของไรอัน ทำให้เขาไม่ได้หนักใจกับเรื่องที่จะรับเด็กสาวคนหนึ่งมาอุปการะมาก
ไปกว่าความฉงนใจ ‘ถึงที่มาที่ไปของเด็กสาวคนนี้?’
และมันทำให้ไรอันต้องหันไปมองหน้านมช้อยอย่างต้องการคำตอบ
ก่อนจะหันกลับมาประสานสายตากับทนายประภาษด้วยแววตาคาดคั้นถึงคำตอบเช่นกัน เพราะไรอันไม่ใช่ผู้ชายที่จะปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในความสงสัยได้นาน
“แค่เลี้ยงดู ให้การศึกษา และเป็นผู้ปกครองไปจนกว่าเธอจะบรรลุนิติภาวะ…แค่นั้นเองหรือ?”
ไรอันถามถึงข้อสงสัยที่ยังค้างคาอยู่ในใจ
“ครับ... ภายหลังจากนั้นก็เป็นสิทธิ์ของเธอที่จะตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตของเธอเอง”
ทนายตอบ
“ผมยอมรับเงื่อนไขในพินัยกรรมทุกอย่าง ไม่มีปัญหาเรื่องอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่เด็กสาวคนนี้”
ไรอันกล่าว ก่อนจะเสร็จสิ้นการอ่านพินัยกรรมที่ใช้เวลาเกือบชั่วโมง
“ขอบคุณคุณประภาษที่มาทำหน้าที่สำคัญนี้แทนคุณพ่อ”
ไรอันกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม
“เป็นหน้าที่ของผมครับ”
ทนายประภาษยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก
“หากวิญญาณของคุณพ่อรับรู้ ท่านก็คงหมดห่วง”
ไรอันรำพึง
“วันนี้…คงเป็นวันที่ท่านมองลงมาจากสรวงสวรรค์อย่างเป็นสุข”
ทนายประภาษเสริมขึ้นเบาๆ
“อืม...ถ้าคุณประภาษว่าง เย็นนี้ผมอยากจะเชิญคุณประภาษมาทานข้าวเย็นกับผมสักมื้อ เพื่อตอบแทนที่คุณประภาษเป็นธุระจัดการเรื่องพินัยกรรมให้เป็นไปตามเจตจำนงของคุณพ่อ”
ไรอันกล่าวเชื้อเชิญด้วยน้ำใสใจจริง
“เป็นเกียรติกับผมมากกว่าครับ…คุณไรอัน”
“แล้วเจอกันตอนค่ำนะครับ”
ไรอันระบายยิ้มบางๆ ก่อนที่ทนายประภาษจะขอตัวกลับ
ทนายประภาษเป็นคนที่คุณคีรีผู้เป็นพ่อของไรอันไว้เนื้อเชื่อใจตลอดมา
นอกจากจะให้ตำแหน่งที่ปรึกษาในเชิงกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจ อีกสถานะหนึ่ง คุณประภาษก็เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่คุณคีรีให้ความไว้วางใจ คุณประภาษคือเพื่อนที่คอยให้คำปรึกษาซึ่งมากกว่าในเรื่องกฎหมาย ตราบจนถึงวาระสุดท้ายของคุณคีรี
ครู่เดียวทนายประจำตระกูลก็ลากลับ
นมช้อยเดินตามไปส่งถึงหน้าประตูบ้าน ทิ้งร่างสูงใหญ่ของคนเป็นนายที่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้
ไรอันจ้องมองดูภาพของพ่อกับแม่ที่ประดับไว้ข้างผนังด้วยแววตาที่มีประกายเศร้าเจือเคล้าเอาไว้ด้วยความคิดถึงที่ผุดพรายขึ้นมาอย่างมิอาจหักห้าม ก่อนที่ในห้วงคิดสุดท้ายจะวกวนไปหยุดอยู่กับคำถามที่ว่า
‘เด็กสาวปริศนาคนนั้นเป็นใคร? หรือมีความลับอะไรเกี่ยวพันกับผู้เป็นบิดา?’
เพราะไรอันเห็นว่าคุณประภาษจะให้ความกระจ่างถึงที่ไปที่มาของเด็กสาวผู้มาพร้อมกับปริศนาคนนี้ให้กับเขาได้ เด็กสาวที่ชื่อของเธอปรากฏอยู่ในพินัยกรรมอย่างไม่มีที่ไปที่มา?
ใกล้ค่ำที่คฤหาสน์
ลำแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ทอดทอนุ่มนวลในยามใกล้ค่ำ อุ่นอวลไปทั่วบริเวณของคฤหาสน์ น้ำพุที่ลานด้านหน้า ฉีดพุ่งขึ้นเป็นสาย ก่อนจะโค้งตัวร่วงหล่นลงกลางสระน้ำที่รายล้อมไปด้วยกอบัวหลากสีสัน
สายน้ำพุที่พวยพุ่งอยู่เป็นประจักษ์ประจำตั้งแต่ไรอันเริ่มจำความได้ ยังคงอยู่คู่คฤหาสน์หลังงามแห่งนี้ ผ่านกาลเวลามานานแค่ไหนนั้น…คราบตะใคร่น้ำสีเขียวที่เกาะจับสลับไปตามลวดลายปูนปั้นที่สลักเสลาเป็นรูปกลีบบัวรอบบริเวณฐานกลมกว้างของแท่นน้ำผุ ก็ช่วยยืนยันถึงอายุขัยและความเก่าแก่ของมันได้เป็นอย่างดี
“คุณไรอันคะ…คุณไรอัน”
สาวใช้เรียกชื่อของคนเป็นนายเบาๆ
“หืม…มีอะไรรึ!”
ไรอันละสายตาจากหนังสือพิมพ์ตรงหน้า หันมาตามเสียงเรียก
“ คุณประภาษมาถึงแล้วค่ะ”
สาวใช้รายงานเพียงสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
ถึงเวลานัดรับประทานอาหารเย็นของไรอันกับทนายประภาษ ตามเจตจำนงของไรอัน ซึ่งไม่เพียงอยากตอบแทนที่คุณประภาษทำหน้าที่ทนายของตระกูลได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
หากไรอันยังประสงค์สิ่งอื่น