บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 ราชครูฟางหลี่ถง

น้องสาวตัวเล็กและหลานฮูหยินหันไปยิ้มให้ น้ำตาของน้องสาวหลั่งไหลออกมาด้วยความปลื้มใจ นางนึกไม่ถึงว่าจะมีวันที่ได้นั่งร่วมโต๊ะกับพี่สาวที่ไม่เคยยอมรับนางมาก่อน

“ร้องไห้ทำไม เจ้าจะโตเป็นสาวแล้ว ร้องไห้แบบนี้เดี๋ยวไม่สวยนะ”

หยุนเฟยหันไปเช็ดน้ำตาให้นาง ฮูหยินถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ นึกไม่ถึงว่านางตกน้ำไปครั้งนี้ฟื้นขึ้นมาราวกับเป็นอีกคนที่พวกนางไม่เคยรู้จักมาก่อน

“ดูท่านสิ ท่านก็ร้องไห้อีกคน แกงไก่นั่นคงเค็มแล้วกระมัง ฮ่า ๆ”

เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นครั้งแรกในห้องของฟางหยุนเฟยทำเอาคนด้านนอกทั้งแม่นมถงและสาวใช้คนอื่น ๆ แปลกใจจนต้องมามุงดูอยู่หน้าห้อง นอกจากพวกนางจะนั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกันแล้วยังคุยกันอย่างสนุกสนานอีกด้วย

“แม่นม นี่ข้าหูฝาดไปหรือไม่”

“นั่นสิเจ้าคะ ข้ามิได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่ที่เห็นพวกนางสามคนนั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกัน”

แม่นมถงไม่ได้ตอบสิ่งใด นางกำลังยืนร้องไห้อยู่ตรงหน้าห้องพร้อมกับความปลาบปลื้มใจแทนฮูหยินคนเก่าที่เสียไปแล้ว หากว่าวันนี้นางเห็นคงยินดีที่บุตรสาวสามารถใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้เสียที อย่างน้อยกับคนในจวนเดียวกันก็ยังดี

“พวกเราไปเถอะ อย่าไปรบกวนพวกนางเลย”

บ่ายวันนั้น

ท่านราชครูเมื่อประชุมราชสำนักเสร็จแล้วก็เร่งกลับมาที่จวนเพื่อมาเยี่ยมอาการบุตรสาวในทันที ฮูหยินส่งคนไปแจ้งเขาหลังจากการประชุมราชสำนักที่กินเวลาไปเกือบครึ่งเช้าเรื่องการจัดการชาวบ้านที่อพยพหนีภัยสงครามที่จิงโจวมาที่รอบนอกเมืองหลวงจนแทบจะเกิดการจลาจลเพื่อแย่งสิ่งของบรรเทาภัย

“หยุนเฟยลูกพ่อ เจ้าฟื้นแล้วงั้นหรือ”

ผู้เป็นบิดาพรวดพราดเข้ามาในห้องที่นางนั่งอยู่กับแม่นมเพื่อสอบถามเรื่องราวของเจ้าของร่างเดิม เมื่อหันไปมองผู้เป็นบิดาที่สูงอายุแต่ยังคงดูดีอยู่มาก

เขาเป็นขุนนางระดับเอกที่ถวายงานใกล้ชิดฝ่าบาทแต่ใบหน้าที่ใจดีและรอยยิ้มที่อบอุ่นนั่นทำให้นางรู้ได้ทันทีเมื่อร่างนั้นน้ำตาไหลเมื่อเห็นหน้าของเขา

“ท่านพ่อ”

“เจ้าฟื้นแล้ว เจ้าหลับไปสามคืนเต็ม ๆ รู้หรือไม่ว่าพ่อกับ..ลูกพ่อ พ่อเป็นห่วงเจ้าแทบตาย”

“ลูกสบายดีแล้วเจ้าค่ะ เมื่อเช้านี้ท่านน้าเอาไก่ตุ๋นโสมมาให้ลูกกินด้วย อร่อยมากเลยเจ้าค่ะ”

ท่านราชครูนิ่งไปราวกับไม่เชื่อว่าพึ่งได้ยินสิ่งใด เขาหันไปมองแม่นมถงที่ยิ้มและพยักหน้าให้ท่านราชครูซึ่งหันมามองหน้าของบุตรสาวที่ยิ้มกลับมาด้วยสีหน้าที่สดชื่นขึ้น เขาราวกับได้น้ำทิพย์ชโลมใจเมื่อได้ยินนางเอ่ยถึงฮูหยิน รองเช่นนี้

“เจ้า…ยังเจ็บตรงไหนอีกหรือไม่ ท่านหมอว่าอย่างไรแล้วต้องกินยาอะไรบำรุงเพิ่มบ้าง ข้าจะ…”

“ท่านพ่อ ท่านอย่าได้ห่วงเลยเจ้าค่ะ ท่านน้าจัดแจงทั้งหมดนั่นให้ข้าแล้วท่านไม่ต้องลำบากหรอกเจ้าค่ะ”

“ท่านน้างั้นหรือ นี่เจ้า….หยุนเฟย เจ้ากับอี้เหนียง…”

“ท่านพ่อ ท่านกับท่านน้าก็แต่งงานกันมาสิบกว่าปีจนหลีเม่ยเติบโตมาจะถึงวัยปักปิ่นแล้วนะ ข้าเองก็ควรจะยอมรับได้แล้วมิใช่หรือเจ้าคะ”

“หยุนเฟย พ่อดีใจยิ่งนัก ดีใจมากที่เจ้าปลอดภัย”

“นายท่านขอรับ”

“หืม…ว่าอย่างไรพ่อบ้านเจา”

“ท่านอ๋องเสด็จมา บอกว่ามาเยี่ยมคุณหนูขอรับ”

“อ้อ เข้าใจแล้วอีกเดี๋ยวข้าจะไปถวายการต้อนรับ”

สีหน้าของท่านราชครูมิได้ยินดีเท่าใดนักที่ผู้มาเยือนมาถึงจวนเช่นนี้ ฟางหยุนเฟยเองก็พอจะทราบว่าท่านอ๋องที่พวกเขาเอ่ยถึงก็คือพระเอกในนิยายผู้นั้น ที่จะสั่งฆ่านางในอีกไม่กี่ตอนในนิยาย

แต่ครั้งนี้นางจะไม่ให้มันเกิดขึ้น นางจะต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม นั่นคือ “ไม่ไปยุ่งกับเขาอีก” เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้

“หยุนเฟย เจ้ายังไม่หายดี พ่อจะไปต้อนรับท่านอ๋องเอง”

“ท่านพ่อ ลูกอยากเข้าเฝ้าท่านอ๋องเองเจ้าค่ะ”

“แต่ว่า…เฮ้อ…เขาคงมาเพราะฝ่าบาทให้มา และอาจจะมาบอกเจ้าเรื่องการหมั้น”

“เจ้าค่ะ ลูกเองก็จะคุยกับเขาเรื่องการหมั้นเช่นกัน”

“หยุนเฟย ในเมื่อท่านอ๋องไม่ประสงค์จะแต่งงานกับเจ้า เรื่องนี้พ่อว่า….”

“ท่านพ่อเจ้าคะ ให้ลูกไปคุยกับท่านอ๋องผู้นี้เองเถิดเจ้าค่ะ”

“เป็นเพราะข่าวที่เจ้าประกาศออกไปว่าจะหมั้นหมายกับท่านอ๋อง จึงทำให้เจ้าถูกลอบทำร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ครั้งเดียวก็เกินพอ พ่อเองก็ไม่อยากเสียเจ้าไปเช่นนี้ หยุนเฟยเจ้าเชื่อพ่อเถอะนะ บุรุษในใต้หล้านี้เจ้าชอบผู้ใดพ่อจะไม่ว่าเลย แต่คนอย่างท่านอ๋องผู้นี้ จิตใจเขายากแท้หยั่งถึงแม้ว่าจะเป็นพระราชนัดดาของฝ่าบาท แต่ว่า…”

เพราะเหตุนี้นี่เองฟางหยุนเฟยจึงถูกลอบทำร้าย ถูกผลักให้ตกน้ำเพราะทั้งเมืองหลวง นางเป็นคนที่น่าหมั่นไส้และถูกเกลียดชังจากวงสังคมชั้นสูงมากที่สุดอีกทั้งไม่แน่ว่าการลอบทำร้ายในครั้งนี้ ท่านอ๋องผู้นี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่

“ท่านพ่อ ลูกประสบภัยครั้งนี้ย่อมรู้ดีว่าสิ่งใดที่สำคัญกับลูกมากที่สุดเจ้าค่ะ ที่ลูกอยากไปพบท่านอ๋องก็เพราะอยากจะทราบว่าพระองค์คิดเช่นไรกับเรื่องนี้ และคนร้ายที่ก่อเหตุ พวกท่านได้ตามสืบหาอยู่หรือไม่ หรือว่าเพียงเพราะเป็นข้าที่ถูกผลักตกน้ำ จึงมิมีผู้ใดคิดจะสืบหาผู้ที่เป็นคนก่อเหตุ”

“เรื่องนี้….คือว่า….”

นางเข้าใจไม่ผิดจริง ๆ แม้บิดาจะมีอำนาจและเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาท แต่เรื่องเหตุลอบทำร้ายบุตรสาวที่เอาแต่ใจและน่าหมั่นไส้เช่นฟางหยุนเฟยนั้น ก็แทบจะไม่มีผู้ที่สนใจเลย

ต่อให้นางตายไปก็คงจะมีเพียงราชครูฟางเท่านั้นที่เสียใจกับนาง หรืออย่างน้อยก็มีหลานอี้เหนียงและฟางหลีเม่ย น้องสาวต่างมารดาของนางอีกคน

“ข้านึกแล้วไม่มีผิด เรื่องนี้คงมิมีผู้ใดใส่ใจจะสืบหาจริง ๆ สินะเจ้าคะ”

“หยุนเฟย พ่อพยายามสืบหาสุดกำลังแต่ว่า….เหตุการณ์เกิดขึ้นในวังหลวง แต่ละคนก็ปิดปากเงียบสนิทแม้ว่าพ่อจะมีเส้นสายในนั้นมาก แต่เพราะ….”

ท่านราชครูหันมามองใบหน้าที่รู้ตัวเองดีของบุตรสาว แต่บัดนี้นางมิใช่ฟางหยุนเฟยคนเดิมอีกต่อไปแล้ว นางมิใช่คนที่น่ารังเกียจผู้นั้นที่จะทำเป็นไม่สนใจว่าผู้ใดจะฆ่านางได้ หากมีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งต่อไป ในเมื่อทุกคนอยากให้นางตาย นางก็จะลากคอผู้ที่คิดร้ายกับนางออกมาเพื่อแก้แค้นให้เจ้าของร่างเดิมให้จงได้ วิญญาณของนางจะได้ไปยังที่ที่สงบเสียที

“ท่านพ่อ เรารีบไปกันเถอะเจ้าค่ะ ปล่อยให้เชื้อพระวงศ์รอนานคงไม่เหมาะสมนัก”

“เจ้า…จะไปพบพระองค์จริง ๆ งั้นหรือ”

“เจ้าค่ะ ลูกมีเรื่องจะคุยกับเขาเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”

ฟางหยุนเฟยเดินตามผู้เป็นบิดาไปยังห้องโถงที่มีแขกคนสำคัญรออยู่ แม้ว่าหยุนเฟยยืนกรานกับตัวเองหนักแน่นว่าจะต้องออกห่างจากอีตาพระเอกในเรื่องนี้ แต่เมื่อมาพบหน้าเขาจริง ๆ แล้วก็ถึงกับสะดุดกับใบหน้าที่หล่อเหลาตรงหน้าที่หันมามองนาง

ใบหน้าสะอาด จมูกโด่งรับกับใบหน้ารูปไข่ ริมฝีปากหนาสีเข้ม และดวงตาดุจพยัคฆ์ที่จ้องมองมายังหยุนเฟยราวกับจ้องศัตรูอยู่ นางเข้าใจผิดแล้วที่บอกว่าท่่านอ๋องไม่ได้ชอบนาง เพราะดูจากสายตาที่มองมาที่นางนั้น ไม่ใช่ว่าไม่ชอบแต่ว่า “เขาเกลียดนาง” เลยด้วยซ้ำไป

“ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel