หลงกล
หงเหวินปลดสายรัดเอวออกค่อยๆ กดเอวลงไปช้าๆ เปาหลิวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด หงเหวินกับใช้มือสองข้างดันขาเนียนให้แยกออกจากกันกดบั้นเอวลงไปเบาๆ กลัวว่าอีกคนจะเจ็บปวดมากไปกว่านี้เพราะรู้สึกถึงความคับแน่นจนเขาแทบสะกดใจไม่ไหวแทบจะเปล่งเสียงร้องครางออกมา
“ในที่สุดข้าก็เป็นคนแรกของเจ้า”
กดริมฝีปากกับปากบางที่ อ้าปากออกเหมือนคนที่กำลังเหนื่อยหอบ
“ปล่อย ปล่อย ปล่อยข้าไปเถิด ข้าไม่ไหวแล้วใต้เท้าได้โปรด ยะยะ อย่าาาา”
ไม่ทันแล้ว หงเหวินรู้สึกตัวไม่อาจสะกดกลั้นความเสียวซ่านได้อีกต่อไป ปล่อยให้ทุกอย่างไหลไปตามทางของมันขยับกายเร่งเร่าจังหวะรัวเร็ว
น้ำตาอุ่นไหลรินที่ดวงตาสองข้างเสียงครางดังลั่นป่า ทั้งเจ็บปวดและสุขสม เปาหลิวแทบจะหยุดหายใจ แต่หาใช่แค่นั้น ร่างเล็กถูกพลิกคว่ำหงายเปลี่ยนท่าไม่ซ้ำกัน หงเหวินตักตวงความหฤหรรษ์จากเรือนร่างงดงามของเปาหลิว ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เปาหลิวยังคงส่งเสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวดและเสียวซ่าน อยากให้ คืนนี้ผ่านไปเสียทีแต่เหมือนช่างนานเหลือเกิน ไม่รู้กี่ชั่วยามที่ถูดตักตวงรสสวาทไม่สร่างซา น้ำตาเหือดแห้งดวงตาหลับพลิ้ม หงเหวินแกะผ้าผูกตา มองใบหน้างดงามที่หลับตาพลิ้ม ใบหน้าที่แสดงความเหนื่อยล้าจากศึกครั้งใหญ่นี้
“แม้ยามหลับยังงดงามเพียงนี้”
ปลด เอาเชือกที่รัดข้อมือออกปรากฏรอยแดงช้ำเขาให้ขี้ผึ้งถูวนไปมาให้ก่อนจะเอนกายลงนอนข้างๆ กอดรัดเปาหลิวไว้แน่น
“ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ เจ้าทำข้าติดใจเสียแล้ว”
หงเหวินปกติจะเพียงแค่คนละคืน คืนละครั้ง แล้วจ่ายเงิน แต่กับเปาหลิวทำไมเขารู้สึกหวงแหนรู้สึกว่านางคือของของเขาไม่อาจปล่อยให้นางเป็นของคนอื่นหรือไกลจากสายตาเขา หวังจะกักขังนางไว้ที่นี่จนกว่าจะหนำใจ
เปาหลิว ขยับกายช้าๆ ปวดระบมไปหมดทั้งตัวดังถูกใครทุบมา ลืมตามองคนตรงหน้าภาพที่เห็นคือใบหน้าหล่อเหลาของหงเหวินที่เปลือยเปล่ากอดก่ายเปาหลิวไว้เปาหลิวกัดฟันจนเป็นสันนูน คุณชายมากรักฟ่านหงเหวิน
คุณชายที่น่าเดียดฉันท์ครั้งหนึ่งเคยมาสู่ขอเปาหลิวแต่กลับถูกเปาหลิวพูดจากเหน็บแนมว่า ชาตินี้ไม่มีทางแต่งกับเขาไม่มีทางเป็นของเขา เมื่อคืนเป็นเขาไม่ผิดแน่โทสะพลุ่งพล่านเมื่อคิดว่าเขาผูกตาเขาจงใจใช้ชื่อใต้เท้าฮง เขาตั้งใจที่จะเหยียบย่ำเปาหลิวในยามที่ไม่อาจหันหน้าไปพึ่งใคร เป็นเปาหลิวที่ปล่อยตัว เคลิ้บเคลิ้มไปกับรสสวาทของ..ของ..คุณชายมากรักผู้นี้ช่างน่าอายยิ่งนัก เปาหลิวหลับตาไล่หยาดน้ำตาผุดลุกขึ้นจากแท่นนอนอุ่นจากอ้อมแขนอบอุ่น คว้าอาภรณ์มาสวม หงเหวินพลิกตัวไขว่คว้าร่างเปลือยข้างๆ เขา แต่พบเพียงความว่างเปลาลุกขึ้นนั่งบนแท่นนอน
“เจ้าจะไปไหน เจ้าเป็นของข้าแล้วข้าไม่ให้ไป ก็ไปไหนไม่ได้”
เปาหลิว หอบเสื้อคลุมไว้ในมือวิ่งออกจากห้องไม่เหลียวหลัง อีกคนวิ่งตามมาตัวเปล่าเปลือย เปาหลิววิ่งอย่างไม่คิดชีวิตไม่อยากเห็นหน้าไม่อยากพูดกับเขาทั้งเจ็บใจ เสียใจและอับอายวิ่งไปก็ปาดน้ำตาไป เขาจะเย้ยหยันเปาหลิวเพียงไหน เขาจะดูถูกเปาหลิวเพียงไหนที่เอาตัวเข้าแลกเพื่อหวังเงินทอง เช่นนั้นเขาจึงล่อลวง อาศัยความเปราะบางของร่างกายหญิงสาวที่ไม่เคยต้องมือชาย เล้าโลมจนเปาหลิวคล้อยตามเขา หากรู้ว่าเป็นเขา ไม่สิเขาอยากให้เปาหลิวอับอาย ปาดน้ำตาที่ไหลริน วิ่งด้วยแรงทั้งหมดลงเขาไปเรื่อยๆ ไม่รู้ทิศทาง ทั้งอับอายสับสนและเจ็บที่ใจ
หนึ่งปีผ่านไป
“ฮูหยินที่สี่บ้านตู้”ท่านกวงประสานมือตรงหน้าเปาหลิว
“ไม่ต้องเกรงใจ ลุงกวง ข้าแค่อยากจะมาขอซื้อบ้านเสิ่นคืนจากท่านลุงก็แค่นั้น”
เปาหลิวเอ่ยปากสีหน้าเรียบเฉย ใบหน้ายังงดงามไม่เปลี่ยนหากแต่แววตาเศร้าสร้อยลงไปก็เท่านั้น
“คุณหนูโชคดี ได้เป็นฮูหยินที่สี่บ้านตู้ แล้วยังมีทายาทตัวน้อยให้กับท่านตู้อีก ฮ่าาาา บ้านเสิ่นข้าน้อยจึงอยากมอบเป็นของขวัญรับขวัญคุณชายน้อย”
“เกรงใจไปแล้วคุณชายน้อยมีของรับขวัญมากมายท่านลุงกวงไม่ต้องเกรงใจ”
ผายมือให้สาวใช้ยกหีบทองมาวางตรงหน้า
“สามพันชั่ง”ท่านลุงกวงผลักหีบทองส่งคืน
“บ้านตู้ หยิบยื่น ผลกำไรให้ข้าน้อยมากมาย ท่านตู้เองก็แบ่งปันผลประโยชน์ให้ข้าน้อย ทองสามพันชั่งนี้ไม่อาจรับไว้”
เปาหลิวยิ้มมีเงินทองนับว่าเรื่องต่างๆ ง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ
“เช่นนั้นข้าจะให้แม่นม ย้ายของเข้าไปในบ้านเสิ่นและข้าเองจะเข้าไปอยู่ที่นั่น”
ลุงกวงยิ้ม แต่ภายในใจกระหยิ่มยิ้มย่อง ว่าสิ่งที่หงเหวินให้เขาทำ เขาทำให้เรียบร้อยแล้ว