บทที่ 2 หงส์หลงรักคางคก
“เธอเป็นใคร?”
“คุณไม่รู้จักเธอ? ซูเสวี่ยฉิงคุณหนูสามแห่งตระกูลซู ขณะนี้ดำรงตำแหน่งท่านประธานซีอีโอของซูซื่อ กรุ๊ป……”
ที่ริมขอบถนน ฉินอวี้เจี๋ยเห็นพิหยางหยางถูกหญิงงามน่าทึ่งผู้หนึ่งลากเข้าไปในห้องโถงใหญ่สำนักกิจการพลเรือน จึงอดทำหน้างุนงงไม่ได้
“เธอคือซูเสวี่ยฉิง? เธอลากพิหยางหยางเข้าไปทำอะไร?”
ไม่รู้เพราะเหตุใด เธอพลันรู้สึกสูญเสีย
ไม่กี่ปีมานี้ถึงแม้ว่าตระกูลฉินจะเจริญก้าวหน้าไม่เลว แต่เทียบกับตระกูลซูแล้ว มันก็เหมือนกับไก่ป่าเทียบกับหงส์
“จะทำอะไรได้? คงจะไม่ไปแต่งงานหรอกนะ?”
ฮวาหลิ่วปินหัวเราะฮ่าๆ ดังลั่น
ฉินอวี้เจี๋ยสายตาจดจ่อ เธอก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปแต่งงาน
คุณหนูสามแห่งตระกูลซู ผู้งดงามโดดเด่นรุ่นใหม่แห่งเมืองชิงเจียง
มีสมญานามว่าบุปผาประจำเมือง หนึ่งในห้าตระกูลใหญ่แห่งชิงเจียง ท่านประธานซีอีโอแห่งซูซื่อ กรุ๊ป
จะไปแต่งงานกับชายที่เธอเพิ่งหย่าด้วยได้อย่างไรกัน?!
เพียงแต่เธอสงสัยเหลือเกิน สตรีน่าภาคภูมิใจแห่งสวรรค์ผู้นี้ ทำไมถึงลากพิหยางหยางเข้าไปสำนักกิจการพลเรือนอย่างไร้เหตุผล?
“หรือตอนที่เขาตั้งแผง เคยไปหลอกคุณหนูสามตระกูลซูคนนี้?”
เธอพลันนึกออกเรื่องหนึ่ง จึงเอ่ยอย่างกังวลใจเล็กน้อย
ฮวาหลิ่วปินสีหน้าดำคล้ำ “คุณหย่ากับเขาไปแล้ว ยังเป็นห่วงเขาขนาดนี้?”
ฉินอวี้เจี๋ยอึ้งเล็กน้อย แล้วถอนหายใจทันที “ก็จริง ต่อไปเขาไม่เกี่ยวข้องกับฉันแล้ว……”
…………
เมื่อเห็นตราประทับนูนแจ่มชัดบนรูปเขากับซูเสวี่ยฉิง ในหัวสมองพิหยางหยางก็ยังงุนงงอยู่
“เอาล่ะ นับจากนี้ไป คุณคือสามีของฉัน ต่อไปต้องปฏิบัติหน้าที่ตนเอง ห้ามเล่นหูเล่นตากับผู้หญิงคนอื่น……”
แต่ซูเสวี่ยฉิงคล้ายกับโล่งเฮือกใหญ่ ยื่นทะเบียนสมรสให้เขา
พิหยางหยางรับทะเบียนสมรสมาอย่างสับสน ไม่ได้สนใจเลยว่าเธอพูดอะไร
เพียงแต่เมื่อกวาดตาเห็นชื่อบนทะเบียนสมรส ก็อึ้งเล็กน้อย
ซูเสวี่ยฉิงคุณหนูสามตระกูลซู ชื่อเสียงโด่งดังในชิงเจียง แม้ว่าจะไม่เคยเห็น แต่ก็เคยได้ยินมาก่อน
เมื่อสักครู่จดทะเบียนกับผู้หญิงคนนี้ด้วยความหุนหันพลันแล่น ตอนนี้กลับรู้สึกว่ามันฉุกละหุกไปหน่อย
นี่ตนก้าวสู่การแต่งงานครั้งที่สองแล้ว?
พิหยางหยางมองใบหย่าในมือซ้ายและทะเบียนสมรสในมือขวา มุมปากปรากฏรอยยิ้มขมขื่นน่าประหลาดนิดหน่อย
“การแต่งงานบ้าอะไรเนี่ย!”
ใครจะเชื่อ ภายในครึ่งชั่วโมง เขาได้ผ่านสองเหตุการณ์สำคัญในชีวิตอย่างการหย่าและการแต่งงานเนี่ยนะ?
นี่แหละคือการแต่งงานสายฟ้าแลบในความหมายที่แท้จริง
“ไปกันเถอะ พวกเขาต้องรออยู่แน่เลย”
ซูเสวี่ยฉิงเชิดคางงามละเอียดอ่อนขึ้น ควงแขนเขาอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วเดินเคียงไหล่ไปข้างนอก
“เฮ้ย ฉันบ้าไปแล้ว หรือโลกนี้บ้าไปแล้ว? ตอนแรกหย่ากับอดีตภรรยาที่งามเหมือนดอกไม้ จากนั้นก็แต่งงานกับหญิงที่เหมือนเทพธิดาบนสวรรค์……ผู้ชายคนนี้เป็นบุคคลต้นแบบของฉันล่ะ!”
“หนุ่มสาวสมัยนี้ ทำตามใจชอบเกินไปละ เรื่องสำคัญอย่างแต่งงานกับหย่าร้าง ทำอย่างกับเล่นจำลองชีวิต……”
เจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการจดทะเบียนสมรสให้พวกเขา จิตใจสับสนสักพักหนึ่ง สมองคิดจนพังก็ไม่เข้าใจ
“นึกแล้วเชียวว่าผู้ชายหล่อเกาะผู้หญิงกินง่าย……”
แต่มีคนผู้หนึ่งเหมือนจะเข้าใจหัวใจสำคัญของเรื่องราว
เห็นพิหยางหยางกับซูเสวี่ยฉิงจับมือกัน เดินมาจากแท่นบันไดอย่างสนิทสนม มุมปากฉินอวี้เจี๋ยก็กระตุก
“คุณอดีตภรรยา อดีตสามีคุณตอนนี้คือสามีฉันแล้ว คุณกรุณาจำประโยคหนึ่งเอาไว้ หย่ากันแล้ว ก็อย่ามารังควานสามีฉันอีก”
ซูเสวี่ยฉิงชูใบสมรสในมือขึ้น ราวกับประกาศอธิปไตยด้วยท่าทีวางตัวเหมือนราชินี แล้วกล่าวกับฉินอวี้เจี๋ย
ด้วยการปราบปรามจากออร่าทรงพลังของซูเสวี่ยฉิง ฉินอวี้เจี๋ยเกิดความรู้สึกหายใจไม่ออก
เมื่อสักครู่เธอกับฮวาหลิ่วปินยังเชื่อมั่น ซูเสวี่ยฉิงลากพิหยางหยางเข้าไป เพื่อคิดบัญชีกับเขา ไม่มีทางไปแต่งงานเด็ดขาด
แต่ใบสมรสอันเด่นชัดนี้ ตบเข้าหน้าเธออย่างโหดเหี้ยม
ผู้ชายที่ตนทิ้งไปราวกับรองเท้าผุพัง ยังไม่ทันตกสู่พื้น ก็ถูกคนปฏิบัติราวกับสมบัติล้ำค่า หยิบขึ้นมาอย่างสะอาดเอี่ยมอ่อง
แล้วอีกฝ่ายยังเป็นคุณหนูสามตระกูลซูผู้ชื่อเสียงโด่งดัง
นี่เป็นการเหน็บแนมเธอว่ามีตาหามีแววไม่ ไม่รู้จักหยกงามบนโลกงั้นเหรอ?
“พิหยางหยาง มิน่าล่ะนายถึงตอบตกลงหย่ากับฉันเร็วขนาดนี้ ที่แท้……เธอรออยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้ว!”
พิหยางหยางได้ยินประโยคนี้ ก็ปรายตามองฉินอวี้เจี๋ยกับฮวาหลิ่วปินอย่างเยือกเย็น
“เขาก็รอเธออยู่ตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“เราไม่เหมือนกัน……”
“ไม่เหมือนยังไง? หรือปล่อยให้ขุนนางอย่างเธอวางเพลิงได้ แต่ไม่ยอมให้ชาวบ้านอย่างฉันจุดตะเกียง?”(หมายถึง ห้ามผู้อื่นทำ ให้แต่พวกตนทำได้เท่านั้น)
ฉินอวี้เจี๋ยสำลักพูดไม่ออกอีกครั้ง
เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ พิหยางหยางที่ยามปกติยอมเธอลูกเดียว วันนี้ทำไมถึงเหมือนกลายเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง
“คุณซู คุณถูกไอ้เด็กนี่หลอกใช่ไหม? เขาก็แค่นักต้มตุน อาศัยปากเดียวพูดจาเหลวไหล หลอกลวงคุณตาคุณยาย……”
ถึงแม้ฉินอวี้เจี๋ยจะงามล่มชาติล่มเมืองเช่นกัน แต่เทียบกับซูเสวี่ยฉิงแล้ว มักรู้สึกว่าขาดพลังอำนาจนิดหน่อย
ฉะนั้นแล้ว เมื่อฮวาหลิ่วปินเห็นซูเสวี่ยฉิง จึงใจสั่นโครมคราม
โดยเฉพาะเห็นใบสมรสในมือซูเสวี่ยฉิง เขาขบฟันกรอดอย่างเกลียดชัง
ไอ้คนหลอกลวง ไอ้สวะ ไอ้ผู้ชายแมงดาคนหนึ่งในสายตาเขา ตอนแรกได้ครอบครองฉินอวี้เจี๋ยเทพธิดาในใจเขา ตอนนี้ก็ได้ครอบครองซูเสวี่ยฉิงราชินีในใจเขาเนี่ยนะ
ที่สำคัญสุดคือซูเสวี่ยฉิงเป็นฝ่ายมาหาถึงที่!
นี่แม่งจะไปหาเหตุผลที่ไหนวะ?
“ฉันรู้……”
น้ำเสียงซูเสวี่ยฉิงไม่แยแส แต่เด็ดเดี่ยวและหนักแน่น
“คุณรู้? แต่เขาก็แค่ไอ้สวะไม่มีอะไรดี แค่ไอ้แมงดาเกาะผู้หญิงกิน!”
“ฉันเต็มใจ……”
ฮวาหลิ่วปินสับสนอลหม่านอย่างสิ้นเชิง
เขาแทบจะคลุ้มคลั่ง
โลกนี้ยังมีเรื่องบ้าๆ แบบนี้อีกเหรอเนี่ย
“ที่รัก เรากลับบ้านกัน ฉันทำของอร่อยๆ ให้คุณกิน……”
ซูเสวี่ยฉิงควงแขนพิหยางหยางตลอดเวลา ทรวงอกตั้งตรงอย่างภูมิใจ แล้วเอ่ยอย่างอ่อนหวานและอ่อนโยน
ฮวาหลิ่วปิน ฉินอวี้เจี๋ยแค่รู้สึกว่าเสียวฟันจนปวดด้วยความอิจฉา
โดยเฉพาะฉินอวี้เจี๋ย เกิดอารมณ์หลากหลายผสมปนเป
แต่งงานมาสามปี เธอไม่รู้เลยว่าอะไรหม้อชามกระบวยถาด งานในครัว เป็นพิหยางหยางที่ทำเพียงลำพังเสมอมา
แต่ตอนนี้ คุณหนูสามดุจราชินีผู้หนึ่ง กลับเอ่ยว่าจะกลับบ้านไปทำอาหารให้เขาเองเนี่ยนะ ฉินอวี้เจี๋ยรู้สึกว่าตนเองใกล้จะบ้าแล้ว
ริมฝีปากเธออ้าออก ยังอยากเตือนซูเสวี่ยฉิงสักประโยค แต่ซูเสวี่ยฉิงควงแขนพิหยางหยาง พร้อมหันหลังเดินไปยังรถเฟอร์รารี่คันใหม่เอี่ยมของหล่อนแล้ว
“คุณมาขับ ต่อไปรถของฉัน คุณขับได้ตามสบายนะ……”
ขณะเดิน ซูเสวี่ยฉิงก็ยื่นกุญแจรถในมือให้พิหยางหยางไปด้วย แล้วเอ่ยอย่างอ่อนโยนเอาใจใส่
ใบหน้าฉินอวี้เจี๋ย กลายเป็นซีดเซียวโดยไม่รู้ตัว
เมื่อก่อน พิหยางหยางเดินชนมาเซอร์ราติ ควอตโตรปอร์เตคันนั้นของเธอนิดหน่อย เธอก็สั่งให้ล้างไปสามรอบ
แต่ตอนนี้……
ความรู้สึกสูญเสียภายในใจเธอ ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นทุกที ค่อยๆ กลายเป็นอารมณ์ประหลาดที่อธิบายได้ยาก
“ซูเสวี่ยฉิง คุณจะเสียใจภายหลังกับการตัดสินใจของคุณในวันนี้!”
ฉินอวี้เจี๋ยมองแผ่นหลังพิหยางหยางกับซูเสวี่ยฉิงที่เดินจากไป แล้วเอ่ยพึมพำ
……
“เป็นยังไงบ้าง หายโกรธหรือยัง?”
รถยนต์แล่นผ่านถนนใหญ่ กลายเป็นภูมิทัศน์งดงามสายหนึ่ง
เด็กหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดธรรมดาสามัญ นอกจากหน้าตาหล่อเหลา มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่ายากจน กำลังขับรถเฟอร์รารี่คันละหลายล้าน
หญิงงามผิวขาวหน้าตาดีขาเรียวยาว งดงามล่มเมืองผู้หนึ่งนั่งอยู่ด้านข้าง……
ภาพนี้ แปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
“แม่งเอ๊ย ฉันแย่ตรงไหนวะ?”
“ยุคสมัยนี้ คางคกก็คบกับหงส์ได้จริงด้วยแฮะ……”
“เพื่อนเอ๋ย รบกวนดูให้ชัด นี่มันหงส์หลงรักคางคกชัดๆ ……”
วัยรุ่นริมถนน เปล่งเสียงครวญคราง หากความอิจฉาสามารถฆ่าคนได้ พิหยางหยางคงตายไปนานแล้ว
รถหรู สาวสวย ความใฝ่ฝันของชายทุกคน ปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขาอย่างแท้จริง น่าเสียดาย น่าเศร้ามาก ที่ชายคนนั้นไม่ใช่ตนเอง
“คุณซู ถึงฉันจะไม่รู้ว่าจุดประสงค์คุณคืออะไร แต่ฉันแสดงละครกับคุณเสร็จแล้ว”
รถยนต์ขับออกมาจากถนนเส้นหนึ่ง จอดอยู่ขอบถนน พิหยางหยางเอ่ยขึ้นอย่างเฉยเมย
“คุณรู้เหรอว่านี่เป็นการแสดง?”
ซูเสวี่ยฉิงถามขึ้นโดยแสร้งประหลาดใจ
พิหยางหยางเผยรอยยิ้มขมขื่นเล็กน้อย “คนโง่ก็รู้ว่านี่เป็นการแสดง แต่ไม่ว่ายังไง ฉันก็ต้องขอบคุณคุณด้วยนะครับ”
พูดจบ เขาเตรียมจะเปิดประตู
“เดี๋ยวก่อน!”
“คุณจะทำอะไรอีก?” พิหยางหยางโยนทะเบียนสมรสไว้ที่เบาะนั่ง
“คุณจะไปไหน?”
ซูเสวี่ยฉิงคว้าพิหยางหยางเอาไว้ ในเสียงเจือเสน่หาเล็กน้อย พูดขึ้นอย่างร้อนใจ
“ฉัน……ฉันจะไปไหน ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณหรือเปล่า?”
“เกี่ยวสิ คุณเป็นสามีฉัน แถมคุณหล่อซะขนาดนี้ ถ้าเกิดถูกนังจิ้งจอกตัวไหนล่อลวงไป ฉันก็เสียเปรียบน่ะสิ?”
พิหยางหยางรู้สึกยุ่งเหยิง
ยัยนี่……จริงจังเหรอ?
แต่ประกายระยิบระยับในดวงตาซูเสวี่ยฉิง บอกเขาอย่างชัดเจนว่าทุกอย่างนี้เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ
“ฉันจะกลับไปหยิบของของฉันกลับมา”
พิหยางหยางถอนหายใจอย่างหมดหนทาง
“กลับไป? กลับไปบ้านอดีตภรรยาคุณ?”
ซูเสวี่ยฉิงดวงตากลอกวนไปมา แล้วเอ่ยถาม
พิหยางหยางพยักหน้า
“ได้ ฉันจะไปกับคุณ ถ้าเกิดอดีตแม่ยายคุณกลั่นแกล้งคุณ ฉันจะช่วยคุณด่าเธอจนติดฝาผนังเลย ให้อดีตพ่อตาคุณแงะไม่ออก ได้แต่มองตาปริบๆ”