ตอนที่ 7
และลูกกำลังถูกคนทั้งโลกทอดทิ้ง
โซเฟียรำพึงออกมาเป็นเสียงถอนใจเบาๆ
เดลเดินมาทันได้ยิน เขาทรุดร่างสูงใหญ่ลงบนเก้าอี้อีกตัวที่ยังว่าง มองดูเธอทอดสายตาอาลัยให้กับผืนฟาร์มที่กำลังจะร้างลงในเร็ววัน
แม้เพิ่งจะผ่านช่วงเวลาแห่งความสุขมาได้ไม่นาน ทว่าเดลก็จับความรู้สึกเศร้าที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังดวงตาคมประกายของโซเฟียได้ อดไม่ได้ให้นึกถึงประโยคหนึ่งที่เคยได้ยินว่า ‘ความสุขมักจะอยู่กับเราไม่นาน’
“มีข่าวเศร้า...เรื่องคีธ” เขาเปรยขึ้นลอยๆ สายตาห่วงใยลอบชำเลืองรอดูว่าเธอจะทำสีหน้าเช่นไร
เดลนิ่งรออยู่ชั่วครู่ ฆ่าเวลาในช่วงสั้นๆด้วยการควักบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ วางลงบนโต๊ะ
โซเฟียดึงบุหรี่ในซองที่เดลเพิ่งวางเอาไว้ออกมาจุดสูบ ทั้งที่จริงเธอสูบไม่เป็น แต่ทำไปเพียงต้องการประชดประชันชีวิตมากกว่า
เดลแปลกใจที่เห็นเธอไม่แสดงอารมณ์ยินดียินร้ายกับข่าวของคีธผู้เป็นสามี แต่เขาก็ยังคงเล่าถึงเรื่องราวที่ได้ยินมาจากนายอำเภอ
“มีคนลือกันว่ามีการดักปล้น”
“ที่ไหน” เธอถาม น้ำเสียงไม่ได้แสดงอาการอยากรู้นัก
“ที่คิมเบอร์เลย์ เกิดเหตุยิงกันตายนั่น” เดลบอก มองดูโซเฟียสำลักควันบุหรี่ค่อกแค่ก ก่อนจะเอื้อมเขี่ยก้นบุหรี่ลงในขวดน้ำอัดลมที่มีก้นบุหรี่เก่าๆของเดล ทับถมกันอยู่ในนั้น
คีธเป็นสามีของโซเฟีย เขาหายสาบสูญไปเกือบปี ภายหลังจากรับงานไล่ต้อนฝูงปศุสัตว์จากนายทุนคนหนึ่ง เพื่อจะย้ายฝูงสัตว์ไปยังที่ราบสูงคิมเบอร์เลย์
แต่มีข่าวน่าเศร้าออกมาในภายหลังว่าการเดินทางในครั้งนั้น กองคาราวานที่มีคีธร่วมอยู่ด้วย ถูกกองโจรดักปล้นระหว่างทาง เกิดการสู้รบและล้มตาย กระเจิดกระเจิงทั้งคนและฝูงสัตว์ แต่ยังไม่มีใครยืนยันรูปพรรณสัณฐานว่าคีธเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่เสียชีวิต
ทว่าระยะเวลาสองปีกว่าที่เขาหายไปจากชีวิตของเธอกับลูก โซเฟียคิดว่ามันก็นานพอที่จะยืนยันได้ถึงความมีหรือไม่มีชีวิตอยู่ของเขา
“คีธคงไม่กลับมาแล้ว” โซเฟียรำพึงออกมาลอยๆ พ่นควันบุหรี่สีเทาออกมาสู่บรรยากาศอันเวิ้งว้าง อันที่จริงเธอทำใจได้ตั้งแต่ปีแรกๆที่เขาหายไป แม้ครั้งหนึ่งเธออาจจะเคยรอคอยการกลับมาของเขาแทบทุกลมหายใจ แต่คีธก็ไปนานเกินกว่าที่เธอจะหลอกตัวเองอยู่ได้ว่าเขายังไม่ตาย หรือไม่เช่นนั้น…คีธคงทิ้งเธอและลูกสาว หนีไปมีครอบครัวใหม่ที่ไหนสักแห่ง ในถิ่นฐานที่ดีกว่าฟาร์มซึ่งกำลังแล้ง รอวันร้างลงเรื่อยๆ
“ขอโทษที่ฉันไม่มีเวลามาดูเธอกับลูก” เดลดีดบุหรี่อีกมวนออกมาจากซอง คาบคาไว้ที่ริมฝีปากรกไรหนวด จุดไม้ขีดไฟ ค้อมศีรษะเอามือป้องเปลวไฟที่สว่างวาบจับเสี้ยวใบหน้าคมสันของเขา ก่อนจะสูบลึกแรง มองเห็นความอัดอั้นที่ปะปนออกมากับควันบุหรี่ พ่นผุยออกมาริมฝีปากช้าๆ
เดลกล่าวราวกับว่าโซเฟียกับซาบรีน่าคือภาระรับผิดชอบของเขา
“คุณเองก็ต้องทำงาน...ชีวิตทุกวันต้องกินต้องใช้ ข้าวปลาอาหารล้วนต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อแรงงาน แค่แวะมาให้เห็นหน้า...ซาบรีน่าก็ดีใจจนเนื้อเต้น” เธอกล่าวอย่างเข้าใจในความเหนื่อยยากของเดล อ้างว่าเป็นซาบรีน่า ทั้งที่จริงคนที่ดีใจจนเนื้อเต้น น่าจะเป็นตัวเธอเองมากกว่า
เดลยังไม่มีครอบครัว ฐานะของเดลค่อนข้างยากจน หาเช้ากินค่ำ ตอนที่คีธยังอยู่ เดลไปมาหาสู่ครอบครัวนี้ในฐานะเพื่อนสนิทของคีธ แม้เมื่อครู่…เขาอาจทำเกินหน้าที่เพื่อน ซึ่งทั้งเดลและโซเฟียต่างก็รู้สึกผิดอยู่ในใจด้วยกันทั้งคู่ รับรู้ได้จากทุกครั้งที่มองตากัน
“พรุ่งนี้ก็ต้องไปอีกแล้ว”
เดลรำพึงเบาๆ บ่นถึงงานใหม่ที่เพิ่งตกลงรับเอาไว้ สีหน้าละล้าละลังเหมือนอยากค้างคืนกับเธอ ทั้งที่เคยขอหลายครั้ง แต่โซเฟียก็ปฏิเสธทุกครั้ง
“ผมค้างคืนที่นี้ได้ไหม” เดลยังไม่ละความพยายาม ลองดูอีกครั้ง แววตาของเขาดูเว้าวอนจนเธอแทบใจอ่อน แต่สุดท้ายเธอก็ใจแข็งเหมือนทุกครั้ง
“อย่าเลยเดล...กลับไปเยี่ยมพ่อแม่คุณเถอะ นานๆจะได้เจอกัน” โซเฟียกล่าวด้วยความเข้าใจ ในความรู้สึกของคนรอ ทั้งที่ลึกๆในใจ เธออยากรั้งเขาเอาไว้ใจจะขาด เธอรู้ว่าพ่อแม่ของเดลอยู่ในวัยชรามาก อาศัยอยู่อีกเมือง ในฟาร์มเล็กๆแห่งหนึ่ง เลี้ยงชีพด้วยพืชผักที่พอจะหาได้จากฟาร์ม มีความจนเป็นมรดกตกทอดมาถึงเดลซึ่งเป็นลูกชายคนเดียว
ทว่าในความเป็นคนจนนั้น เดลก็ได้ศักดิ์ศรีความเป็นคนสู้ชีวิตมาจากพ่อ ไม่เคยสยบยอมให้กับความข้นแค้นของชีวิต กระเสือกกระสนทุกทาง กับอุปสรรคที่ชีวิตกำลังถูกทดสอบ