บทที่ 12 ร่างกายเปียกในคืนที่ฝนตก
บทที่ 12 ร่างกายเปียกในคืนที่ฝนตก
“แต่ว่า เธอไม่ใช่ว่ายังไม่แน่ใจในตัวของฝ่ายชายไม่ใช่หรอ?”
เซิ่งหวั่นซิงคิ้วขมวด พูดอย่างเป็นห่วงว่า “ไม่อย่างงั้นเธอพาฉันไปเจอเขาสิ เดี๋ยวฉันช่วยดูว่าเขาเป็นคนยังไงบ้าง หรือไม่ก็เลิกกันตอนนี้เลย เดี๋ยวลูกฉันช่วยเธอเลี้ยงเอง!”
“เขารักฉันมาก แต่ฉันเอาแต่กังวลว่าตัวเองจะไม่เหมาะกับเขา!”
สวี่โน่หย่าเม้มปากแอบยิ้ม แววตาที่ลึกซึ้งจ้องมองไปที่เซิ่งหวั่นซิง “อืม อันที่จริง คนคนนี้เธอก็รู้จัก!”
“ฉันก็รู้จัก?” เซิ่งหวั่นซิงยิ่งอยากรู้ “ใคร? เพื่อนร่วมงานในบริษัท หรือว่า?”
ในตอนนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของสวี่โน่หย่าก็ดังขึ้น
พอสวี่โน่หย่าเห็นสายที่โทรมาก็ยิ้มหวานขึ้นมาทันที รับสาย น้ำเสียงหวานออดอ้อนเรียกออกมาว่า: “สามีขา มีอะไรหรอคะ?”
ทางเดินตรงนั้นไม่มีคน เสียงผู้ชายในสายโทรศัพท์ที่ดังออกมา
เซิ่งหวั่นซิงฟังแล้ว ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงนี้?
“หวั่นซิง โทษทีนะ!”
เซิ่งหวั่นซิงยังอยากจะถามว่าฝ่ายชายนั้นชื่ออะไร แต่สวี่โน่หย่าก็บอกลากับเธอแล้ว แล้วค่อยๆเดินไปทางห้องน้ำ น้ำเสียงที่พูดคุยกับแฟนหนุ่มที่อยู่ในสายโทรศัพท์นั้นหวานจนทำให้เธอขนลุกซู่ไปทั้งตัว
“ผู้หญิงที่กำลังมีความรักอยู่นั้นน่ากลัวจริงๆ” เซิ่งหวั่นซิงพูด หลังจากนั้นก็เอาเรื่องพวกนี้พักไว้ก่อน แล้วลงตึกไปกินข้าวที่ร้านอาหาร
ช่วงเย็น เซิ่งหวั่นซิงส่งข้อความไปหาลู่หันเฉิน แต่ก็ไม่มีข้อความตอบกลับ
เธอก็ลองโทรไปหาอยู่หลายสาย แต่ก็ไม่มีคนรับสาย ในใจก็รู้สึกแปลกๆ
ปกติลู่หันเฉินไม่เคยเป็นแบบนี้ วันนี้เขาเป็นอะไรไปหรือเปล่า?
ระหว่างที่เธอยังสงสัยอยู่ ก็ถึงเวลาเลิกงานแล้ว พอเดินไปถึงหน้าประตูของสถานี ก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าข้างนอกนี้ฝนตกลมแรงมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
เซิ่งหวั่นซิงกำลังคิดอยู่ว่าจะโทรให้พ่อมารับดีไหม ไม่ทันใดก็มีรถสีดำคันใหญ่ขับเข้ามาจอดอยู่ตรงหน้าเธอ
เซิ่งหวั่นซิงเงยหน้าขึ้นมามอง หน้าต่างรถกำลังเปิดได้ครึ่งหนึ่งพอดี เธอและลู่ซื่นสิงที่กำลังขับรถอยู่นั้นก็ได้สบตากัน
แววตาที่ลึกซึ้งคู่นั้นก็ทำให้เธอใจเต้นโดยไม่มีสาเหตุ
ลู่ซื่นสิง?!
ทำไมทุกครั้งที่เห็นหน้าเขา หัวใจของเธอก็จะเต้นเร็วขึ้น?
เต้นจนราวกับว่าจะกระโดดออกมายังไงอย่างงั้นเลย!
เซิ่งหวั่นซิงสงบสติอารมณ์ พยายามทำตัวเองให้นิ่งเข้าไว้
ลู่ซื่นสิงเห็นเธอเปียกโชกจนเสื้อติดกับผิว เขาหน้าคิ้วขมวด “ขึ้นรถ ฉันไปส่ง”
“อาชาย...สาม ไม่เป็นไรค่ะ” เซิ่งหวั่นซิงยิ้มตอบไปอย่างเก้ๆกังๆ “คุณไปก่อนเลยค่ะ นี่ก็เป็นทางผ่านของพ่อฉัน เดี๋ยวฉันให้พ่อมารับค่ะ”
เธออุส่าห์หายคิดฟุ้งซ่านไปแล้วหลายวัน ทำไมถึงซวยที่ต้องมาเจอกันอีกแล้ว
เซิ่งหวั่นซิงพูดจบ ก็เห็นหน้าต่างรถเลื่อนขึ้น เธอคิดว่าลู่ซื่นสิงจะขับรถออกไปแล้ว
ยังไม่ทันได้โล่งอก คิดไม่ถึงว่าลู่ซื่นสิงจะเปิดประตูรถ กางร่มมาทางเธอ ร่างสูงใหญ่ยืนบังฝนอยู่ข้างๆเธอ น้ำเสียงนิ่งเฉยและเย็นชา “ขึ้นรถ”
เซิ่งหวั่นซิง:“……”
เธอยอมแล้ว หลังจากนั้นก็เดินตามหลังลู่ซื่นสิงแล้วขึ้นรถไป
ลู่ซื่นสิงหันไปหยิบผ้าเช็ดจากหลังเบาะแล้วยื่นให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ” เซิ่งหวั่นซิงรับมา ใช้ผ้าเช็ดนั้นเช็ดตัวและเสื้อผ้าที่เปียกฝน และเพิ่งจะเห็นเสื้อชีฟองของตัวเองที่เปียกโชก จนโครงของชุดชั้นในโผล่ออกมา
สีหน้าของเธอร้อนผาวขึ้นมาทันที เธอรีบเอาผ้าเช็ดผืนนั้นมาปิดไว้
โอ้แม่เอ้ย ยังดีนะที่ขึ้นรถของลู่ซื่นสิง ไม่อย่างนั้นถ้ายังยืนรอรถที่นั่นอยู่ มีหวังคงจะอายน่าดู
ลู่ซื่นสิงเอื้อมมือไปเปิดแอร์อุ่น และไม่ตั้งใจที่จะมองไปที่ตรงนั้นของเซิ่งหวั่นซิง เดรสของเขาที่เปียกโชก ปลายกระโปรงก็ไม่ได้ตั้งใจพับเปิดขึ้นมา เผยขาเรียวยาวขาวเนียนของเธอ ทั้งสวยและน่ามอง
เขามองไปแวบหนึ่งถึงกับคอแห้ง รีบย้ายสายตาไปมองที่อื่น ลูกกระเดือกนั้นขยับขึ้นลง