บทที่5
ผู้เป็นแม่มีสีหน้าหนักใจเป็นอย่างมากเมื่อพบว่าลูกสาวล็อกประตูจากด้านในขังตัวเองอยู่ในห้องนอนเพียงลำพัง แม้จะเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากลูกสาว
"เป็นอะไร"ผู้เป็นสามีที่กลับมาจากบริษัทเอ่ยถามภรรยาที่นั่งอยู่บนโซฟาแสดงสีหน้าเคร่งเครียดไม่สู้ดี
"ก็ลูกน่ะสิ ล็อกประตูขังตัวเองอยู่แต่ในห้องดิฉันเรียกเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมตอบ"คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินคำบอกเล่า คนเป็นแม่ยิ่งร้อนใจเข้าไปใหญ่กังวลไปต่างต่างๆ นานา
"ลูกยิ่งแพ้ท้องอยู่ด้วย ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน"สามีได้แต่ยืนฟังคิดในใจว่าเขาทำรุนแรงกับลูกไปหรือเปล่าแต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ต้นน้ำทำมันเป็นเรื่องซึ่งไม่สมควร
"กล้า ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ"น้ำเสียงอ่อนหวานดังขึ้นมาจากทางด้านหลังก่อนที่ร่างของวาดฝันจะเดินเข้ามาหย่อนกายนั่งลงบนพื้นหญ้าตรงข้างสนามฟุตบอลในเวลาเลิกเรียน
"เราแค่มานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย แล้วเธอล่ะทำไมถึงยังไม่กลับบ้าน เดี๋ยวคุณน้าก็ว่าเอาหรอก"
"หึ พ่อน่ะไม่มาสนใจฉันหรอก ตอนนี้คงกำลังมีความสุขอยู่กับผู้หญิงคนใหม่ของท่านอยู่"วาดฝันถอนหายใจยามเมื่อพูดถึงบิดา แม้เธอจะเกิดมาบนกองเงินกองทอง มีทรัพย์สินมากมากมายแต่ก็ไม่เคยได้รับความสุขจากอ้อมกอดของผู้ให้กำเนิดอย่างมารดา ตลอดเวลามีแต่ผู้เป็นพ่อคอยให้ความสุขและความอบอุ่นแก่เธออย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
"อย่าไปว่าคุณน้าเลย ท่านแก่แล้วคงอยากมีใครมาช่วยดูแล"
"จะหาใครมาช่วยดูแลฉันไม่ว่าอะไรหรอก ขอแค่ไม่เอาพวกผู้หญิงแบบนั้นเข้ามาอยู่ในครอบครัวของฉันก็พอ"
"คิดมาก"ต้นกล้าวางฝ่ามือลงบนศีรษะเล็กพร้อมโยกไปมา ดวงตาอ่อนโยนมองใบหน้ายิ้มกริ่มของแฟนสาวราวกับต้องมนต์สะกด
"อีกไม่กี่วันก็จะครบรอบหนึ่งปีที่เราเป็นแฟนกัน ฝันมีอะไรจะให้กล้าด้วยนะ"
"อะไร"
"ไม่บอกหรอก รอลุ้นเอาเอง"
"อย่าบอกนะว่าเป็นไม้ตียุงเหมือนปีที่แล้วอีก"
"บ้าน่า ปีที่แล้วเป็นของขวัญสำหรับเพื่อน แต่ปีนี้เป็นของขวัญสำหรับแฟนมันต้องพิเศษหน่อยสิ"วาดฝันว่าอย่างอารมณ์ดี ความน่ารักและรอยยิ้มสดใสของเธอพอที่จะทำให้ต้นกล้าลืมเรื่องความเครียดลงไปได้บ้าง
ต้นกล้ากับวาดฝันเป็นเพื่อนซึ่งสนิทกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ เพราะพ่อของเขาและเธอเป็นเพื่อนซี้มาตั้งแต่สมัยเรียน แต่ความเป็นเพื่อนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นคนรู้ใจซึ่งทั้งครอบครัวทั้งสองฝ่ายก็รู้เห็นและไม่คัดค้านแต่ถึงอย่างนั้นต้นกล้าก็ยังให้เกียรติวาดฝันไม่คิดล่วงเกินอย่างมากก็แค่หอมแก้มจูงมือเวลาไปไหนมาไหนด้วยกัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาจนเป็นที่อิจฉาของใครหลาย ๆ คนในโรงเรียน
"แล้วนี่จะเดินกลับพร้อมฉันหรือจะโทรเรียกคนขับรถให้มารับ"ต้นกล้าหยัดกายลุกขึ้นยืนมือไปให้วาดฝันจับแถมยังช่วยปัดเศษฝุ่นเศษหญ้าออกจากกระโปรงของเธอรวมถึงตัวเอง
"เดินกลับพร้อมกับกล้าดีกว่า ช่วงนี้เราไม่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันเลยฝันอยากมีเวลาอยู่กับกล้านาน ๆ"
"งั้นเอากระเป๋ามา เดี๋ยวกล้าถือให้"
"ไม่เป็นไร ฝันถือเองได้ของกล้าก็หนักมากพอแล้ว"
"ตัวเท่าลูกแมว แล้วดูกระเป๋า"เด็กสายเรียนดีอย่างวาดฝันทำปากยื่นแต่ก็ไม่ยอมส่งกระเป๋าจนต้นกล้าต้องชิงไปคล้องสะพายไว้บนไหล่
"ชิ อยากช่วยนักก็ช่วยแบกไปให้ถึงบ้านเลยนะ"
"ได้ครับ คุณผู้หญิง"ต้นกล้าตอบรับพร้อมกับส่งยิ้มยียวน ทั้งคู่เดินออกจากประตูโรงเรียนทั้งสองเดินไปตามถนนเส้นเล็กลัดเลาะไปตามเส้นทาง ระยะห่างจากโรงเรียนกับบ้านใช้เวลาเดินทางสิบห้านาทีก็ถึง
"คิดแล้วหรือยัง เรียนจบจากที่นี่แล้วจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเรียนคณะอะไรต่อ"หญิงสาวถามขึ้นในขณะที่ทั้งจับมือก้าวขาเดินไปบนเส้นทาง
"ก็ว่าจะเรียนมหาลัยใกล้ ๆ บ้านนี่แหละ"
"มหาลัยใกล้บ้าน มีแต่ของรัฐบาลทำไมไม่ไปเรียนมหาลัยเอกชนล่ะ"ต้นกล้าเหลือบสายตาไปมองหน้าแฟนสาว ก่อนที่เขาและเธอจะเดินเลี้ยวเข้าซอยบ้านของวาดฝันซึ่งบ้านแต่ละหลังนั้นล้วนเป็นของคนร่ำรวยมีเงินทองใช้ทั้งชาติก็ไม่หมดเช่นเดียวกับครอบครัวของวาดฝัน
"ว่ายังไงล่ะกล้า ถ้ากล้าไปเรียนมหาลัยเอกชนเราสองคนก็จะได้เรียนที่เดียวกันไง"
กึก
"ฝัน"ต้นกล้าหยุดชะงักหันมามองหน้าแฟนสาว
"เธอก็รู้ว่าครอบครัวของเราไม่ได้รวยอะไร ที่เราเข้าเรียนโรงเรียนนี้ก็เพราะเราได้ทุนนักกีฬา"ต้นกล้ามองหน้าแฟนสาวพลางถอนหายใจ ถึงแม้ว่าพ่อของเขาจะเป็นเจ้าของบริษัทแต่ท่านก็มีภาระต้องดูแลลูกน้องมากมาย และไหนจะส่งเสียงพี่สาวฝาแฝดให้เรียนถึงโรงเรียนชื่อดังซึ่งค่าเทอมแพงหูดับกว่าโรงเรียนที่เขากับวาดฝันเรียนในตอนนี้เสียอีก
"ฝันรู้ ฝันขอโทษ ฝันก็แค่อยากให้กล้าเรียนที่เดียวกัน"หญิงสาวพูดเสียงอ่อยพลางก้มหน้ามองพื้นด้วยความรู้สึกผิด
"ถึงเราไม่ได้เรียนมหาลัยเดียวกัน แต่เราก็ยังนัดเจอกันได้นี่"เห็นแฟนสาวสีหน้าสลดเขาก็อดที่จะปลอบใจเธอไม่ได้
"เอาอย่างนี้ไหม กล้าจะลองไปสอบมหาวิทยาลัยเดียวกับฝัน ได้หรือไม่ได้ค่อยว่ากันอีกที"สุดท้ายแล้วเขาก็เป็นผู้ชายที่พ่ายแพ้ให้กับแฟนสาวอยู่ดี วาดฝันยิ้มตาหยี่คล้องท่อนแขนซบลงบนไหล่กว้างด้วยความดีใจ
"ฝันรักกล้าที่สุดเลย"
"หึ ๆ กล้าก็รักฝันเหมือนกัน"วาดฝันใจเต้นแทบจะทะลุออกมา ทั้งสองเดินคล้องแขนไปยังบ้านหลังใหญ่สุด ซึ่งอยู่ท้ายซอยบรรยากาศยามบ่ายคล้อยเติมเต็มไปด้วยความว่ารักจากปากของทั้งคู่ แม้จะไม่มีใครรู้และคาดถึงว่าอีกไม่นานทั้งสองแทบจะมองหน้าไม่ติดกัน