บทที่6
ฮึก ฮึก
เสียงร้องไห้ปานแทบขาดใจตายของต้นน้ำดังอยู่ในความมืดมีเพียงแสงสว่างอันเลือนรางจากดวงจันทร์ลอดผ่านทานหน้าต่าง ปลายนิ้วมือเลื่อนสไลด์มองรูปถ่ายในโทรศัพท์ มองผู้ชายที่เป็นรักแรกและรักเดียวของเธอพลันน้ำตาไหลอาบหน้าดวงตาหมองเศร้า หลายวันมาแล้วที่ไม่สามารถติดต่อเข้าได้แต่ก็ยังมีข่าวคราวของอีกฝ่ายให้เธอได้เห็นผ่านสื่อบนโทรศัพท์
"คุณทำแบบนี้กับหนูได้ยังไง ฮึก"คำบอกรักแสนหวานชื่นในคือพระจันทร์เต็มดวง สองชายหญิงหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกันมันยังคงเป็นภาพตราตรึงในความรู้สึกของเธอ
'เธอรักฉันไหมต้นน้ำ'
'รักค่ะ หนูรักคุณ'หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยคำเธอแน่ชัดกับความรู้สึกของตัวเธอที่มีต่อผู้ชายตรงหน้า
'ถ้าเธอรักฉันจริงก็อย่าปฏิเสธฉันเลยนะ ยอมเป็นของฉัน'
'ถะ...ถ้าคุณสัญญาว่าจะรักและมีแค่หนู'
'ฉันสัญญา'ชายหนุ่มสอดฝ่ามือลูบไล้ไปตามต้นขาด้านในจนถึงใจกลางความสาว ความบริสุทธิ์ในวัยสาวต้นน้ำมอบให้เขาด้วยความเต็มใจภายในโรงแรมม่านรูดซึ่งอยู่ห่างออกไปจากโรงเรียนเพียงไม่ถึงสิบกิโล ซึ่งที่แห่งนั้นมันเปรียบเสมือนรังรักของเขาและเธอในตลอดหลายเดือนซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับการที่เธอต้องขาดเรียนจนทางโรงเรียนต้องส่งจดหมายมาถึงผู้ปกครอง
"คุณหลอกหนู"เธอกำซองจดหมายสีขาวซึ่งเป็นจดหมายของทางโรงเรียนที่ส่งมาในก่อนหน้านี้ถึงสองฉบับ มันคงเป็นความดีที่ยังคงเหลืออยู่เมื่อเธอกลับมาถึงบ้านหลังจากเสร็จความรักใคร่ในแบบฉบับหนุ่มสาว ซองสีขาวสอดอยู่ตรงตู้จดหมายหน้ารั่วทำเอาหัวใจดวงน้อยของเธอเต้นสั่นด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นสัญลักษณ์ของโรงเรียนประทับไว้เด่นหรา ก่อนที่พ่อกับแม่และน้องชายจะมาเห็นเธอต้องรีบจัดการกับมัน
'หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ภายในขณะนี้ค่ะ'
"คุณคิดจะเฉดหัวหนูทิ้งอย่างนั้นจริง ๆ สินะคะ"นัยน์ตาอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว เธอต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่องเธอจะไม่ยอมเสียคนรักเสียพ่อของลูกไปเด็ดขาด
ในยามดึกเงียบสงัดทุกคนภายในบ้านต่างหลับกันหมดมีเพียงแต่เธอเท่านั้นที่นั่งรอเวลานี้ หญิงสาวในชุดรัดกุมก้าวเท้าออกจากห้องนอนด้วยความระมัดระวัง เธอตั้งมั่นว่าคืนนี้จะไปคุยกับคนรักให้รู้เรื่อง สองเท้าเล็กก้าวขาลงบันไดใช้ความชำนาญมองเส้นทางผ่านความมืดมิดก่อนจะพาตัวเองมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตู
"เดี๋ยวหนูจะกลับมานะคะ พ่อแม่"
ตึก ตึก
สองเท้าภายใต้รองเท้าหุ้มส้นสีดำเดินย้ำเท้าไปตามเส้นทางที่คุณเคยด้วยความระมัดระวังว่ากลัวว่าใครจะผ่านมาเจอแล้วจำเธอได้
ต้นน้ำถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเดินมาถึงถนนใหญ่มีรถวิ่งผ่านไปมาในยามค่ำคืน
"ไปไหนครับ"
"ไปหมูบ้านวรินทราค่ะ"หญิงสาวมองกระจกหลังรถแท็กซี่ ไม่มีใครตามมาและคนในบ้านคงยังไม่รู้ตัวว่าเธอหนีออกมาเพื่อจะไปหาพ่อของลูก
"ถึงแล้วครับ"
"นี่ค่ะ เงิน"เธอเปิดประตูลงจากรถแท็กซี่เมื่อจ่ายเงินเสร็จ ใบหน้าซีดเซียวไร้ความน่าดึงดูดเหมือนในตอนแรงเงยมองบ้านหลังใหญ่ตรงหน้าด้วยแววตายากจะคาดเดา
"มาหาใครครับ"บอดี้การ์ดเฝ้าเวรยามอ่อนถามเมื่อเห็นหญิงสาวคนหนึ่งมายืนอยู่ตรงหน้าประตูรั้วในยามค่ำมืดดูท่าทางไม่น่าไว้ใจ
"หนูมาหาคุณชัชชัยค่ะ"ต้นน้ำถอดหมวกกับที่ปิดปากออกให้บอดี้การ์ดได้เห็นใบหน้าของเธออย่างชัดเจน
"คุณต้นน้ำ"
"คุณชัชชัยอยู่ไหมคะ"เธอถามย้ำมองผ่านประตูรั้วเข้าไปก็เห็นรถคันหรูที่แสนคุ้นเคยจอดนิ่งอยู่
"อยู่ครับ แต่ตอนนี้ท่านกำลังพักผ่อนเชิญคุณต้นน้ำมาใหม่วันพรุ่งนี้จะดีกว่านะครับ"
"ไม่ได้ค่ะ น้ำมีเรื่องด่วนต้องการคุยกับเขา"
"แต่ตอนนี้ท่าน"
"ถ้าพี่ไม่ไปตามเขาออกมาพบ น้ำจะบอกให้คนทั่วทั้งประเทศได้รู้ว่าใครคือพ่อของเด็กในท้อง"เธอไม่ได้ขู่แต่ถ้าเขายังไม่ออกมาพบเธอในตอนนี้พรุ่งนี้ก็เตรียมตัวเป็นข่าวใหญ่ลงหน้าหนังสือพิมพ์ได้เลย
"ถ้าอย่างนั้นคุณน้ำยืนรออยู่ตรงนี้สักครู่นะครับ"แม้จะมีสีหน้าหนักใจแต่สุดท้ายแล้วบอดี้การ์ดคนนั้นก็ยอมทำตามคำสั่งของเธอ
"แม่จะสู้เพื่อหนูนะลูก"ฝ่ามือเล็บลูบลงบนหน้าท้องนูนให้ความรักผ่านลูกน้อยในท้อง
เพียงแค่ยืนรอไม่นานก็มีร่างใหญ่คุ้นตาเดินออกมาพร้อมกับบอดี้การ์ดอีกสองคน ชายหนุ่มผู้มีรูปร่างสูงใหญ่ด้วยวัยกลางคนแม้อายุจะเข้าใกล้เลขห้าแต่รูปลักษณ์ใบหน้ายังคงอยู่ในวัยหนุ่ม
"เธอมาทำอะไรที่นี่"แววตาเรียบนิ่งไร้อารมณ์และความรู้สึกของอีกฝ่ายยิ่งทำให้ต้นน้ำรู้สึกประหม่า เธอหลับตากำหมัดแน่นพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเอง
"หนูโทรศัพท์มาหาคุณตั้งหลายสาย แต่คุณกลับไม่ยอมรับแถมยังปิดเครื่องหนี คุณทำแบบนี้ได้ยังไง"
"ฉันทำอะไร"
"ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้"ต้นน้ำมองผู้ชายตรงหน้าด้วยแววตาแห่งความผิดหวังเมื่อเขาทำราวกับว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นความผิดของเธอแค่เพียงฝ่ายเดียว
"ทั้ง ๆ ที่หนูยอมคุณทุกอย่าง ไหนบอกว่ารักกันไงแล้วทำไมถึงใจร้ายทำกับหนูแบบนี้"
"หึ เด็กน้อย"ชัชชัยมองหน้าเด็กสาวมุมปากกระตุกยิ้มสายตาคมกวาดไล่มองตั้งแต่ใบหน้าต่ำลงมาถึงหน้าท้อง
"เธอคิดว่าคนอย่างฉันจะรักเด็กผู้หญิงใจแตกอย่างเธอจริง ๆ เหรอ"หัวใจดวงน้อยบีบรัดแทบจะหายใจไม่ออกเมื่อได้ฟังคำพูดที่ออกมาจากปากของผู้ชายที่เธอมอบหัวใจให้
"คะ...คุณโกหก คุณรักหนู"
"ฉันไม่ได้รักเธอเลยต้นน้ำ"ยิ่งเขาพูดคำว่าไม่รักน้ำตาของเธอยิ่งไหลออกมา
"ละ...แล้วคุณทำแบบนี้กับหนูทำไม คุณมาทำดีกับหนูมาหลอกให้หนูรัก มาบอกรักให้หนูดีใจทำไม ฮือออ"เด็กสาวล้มตัวนั่งคุกเข่าบนพื้นปูร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสารด้วยความปวดใจ
"ฮึก มาทำดีกับหนู มาหลอกให้หนูรักทำไม"
"ก็ใครมันจะไปคิดล่ะว่าเด็กอย่างเธอจะโง่เชื่อคำพูดของคนอย่างฉันจริง ๆ "ชัชชัยนั่งลงตรงหน้าแววตาของเขาเรียบนิ่งไร้ความรู้สึก
"ก็เห็นว่าเป็นถึงประทานนักเรียนดีเด่น แต่ก็ไม่นึกว่าจะทำตัวง่ายแบบนี้ หึ"
"หนูเกลียดคุณ"
"เชิญเลย ตามสบาย"ชัชชัยหยัดกายลุกขึ้นยืนมองร่างผอมแห้งของต้นน้ำด้วยแววตาขบขัน
"ตกลงคุณจะไม่รับผิดชอบชีวิตของหนูกับลูกใช่ไหม"ต้นน้ำมองหน้าเพื่อน'สนิท'ของพ่อด้วยความคับแค้นใจ
"เธอเป็นใครแล้วฉันเป็นใคร ทำไมฉันต้องรับผิดชอบชีวิตของเด็กผู้หญิงใจแตกแบบเธอด้วยแม่หนูต้นน้ำ"ไร้ซึ่งศีลธรรมจากผู้ชายอย่างชัชชัยเธอพลาดเองที่ไปเชื่อลมปากผู้ชายโง่ทุ่มเททั้งใจและกายให้ผู้ชายสารเลวคนนี้
"ถ้าคุณไม่ยอมรับผิดชอบหนูและลูกในท้อง หนูจะบอกให้ทุกคนได้รู้ถึงความเลวที่คุณทำเอาไว้"
"เรื่องรับผิดชอบเธอตัดทิ้งไปได้เลยเพราะมันจะไม่มีวันเกิดขึ้น"
"..."
"ส่วนเรื่องเด็กในท้องแน่ใจเหรอว่ามันคือลูกของฉัน"
"คุณ"
"เด็กใจแตกแบบเธอนอนกับผู้ชายไปทั่ว หึ แล้วจะมาโยนความผิดว่าฉันเป็นพ่อของเด็กในท้องได้ยังไงกัน"
"สารเลว"
"หึ กลับไปซะแล้วอย่าเสนอหน้ามาที่นี่อีก ส่วนเด็กในท้องถ้าไม่มีปัญญาเลี้ยงก็ไปเอาออกซะ ถึงมันจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของฉันจริง แต่อย่าหวังว่าฉันจะยอมรับมัน"วาจาร้ายกาจไม่ต่างอะไรกับมีดนับพันเล่มเสียงลงกลางใจของต้นน้ำ ชัชชัยมองหน้าเธอด้วยแววตาเรียบนิ่งไม่หลงเหลือความรักให้แก่กันเหมือนครั้งเก่าก่อนที่เขาจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้านหลังใหญ่โดยไม่คิดจะหันกลับมามอง เมียตัวน้อยกับลูกในท้องที่อยู่ตรงนี้
'ไปเอาเด็กออกซะ มันไม่ใช่ลูกของฉัน'
เช้าวันต่อมา จริยาตื่นมาด้วยหัวใจเต้นสั่นระรัวใบหน้าปีกชื้นลมหายใจหอบถี่เมื่อเธอฝันถึงเรื่องไม่ดี
"เป็นอะไรไปคุณ"ผู้เป็นสามีสะดุ้งตัวตื่นมองหน้าซีดเซียวไร้สีเลือดของภรรยา
"เดี๋ยวค่อยเล่าค่ะ ตอนนี้เราสองคนไปที่ห้องของลูกก่อน"จริยาหรือว่าต้นฝน แม่ของลูกรีบก้าวขาลงจากเตียงเปิดประตูห้องนอนสาวเท้าเร็วไปยังห้องนอนของลูกสาวที่ปิดอยู่โดยมีผู้เป็นสามีวิ่งตามหลังมาติด ๆ
"ต้นน้ำ เปิดประตูให้แม่หน่อยลูก ต้นน้ำ"ผู้เป็นแม่ทุบประตูส่งเสียงเรียกลูกสาวด้วยความร้อนรน น้ำตารื้นเมื่อไร้เสียงตอบรับ
"เป็นอะไรไปฝน ลูกเป็นอะไร"
"ฝนฝันเห็นลูกไม่มีหัว ฮึก คุณคะ"
"เกิดอะไรขึ้นครับ พ่อแม่"เสียงทุบประตูหนัก ๆ ทำให้ต้นกล้าที่พึ่งตื่นรีบเปิดประตูวิ่งมาหาทั้งสอง
"กล้า พังประตูห้องพี่ เดี๋ยวนี้"
"ใจเย็นฝน ลูกอาจจะไม่ได้เป็นอะไรก็ได้"
"ฮึก ไม่ ต้นกล้าพังประตูห้องพี่เดี๋ยวนี้"
"ครับ ๆ "เนื่องจากต้นน้ำแอบขโมยกุญแจสำรองนอนไปสุดท้ายต้นกล้าจึงต้องใช้กำลังพังประตูตรงหน้า
ปึง ปึง ปึง
"ฮึก ต้นน้ำ"
"ใจเย็น ๆ ฝน ลูกจะต้องไม่เป็นอะไร"
ปึง โคร้ม
กรี้ดด
"ต้นน้ำ ฮึก ลูกแม่"ผู้เป็นแม่ร้องไห้ใจแหลกสลายเมื่อได้เห็นศพลูกสาวอันเป็นที่รักแขวนคอตายอยู่ตรงหน้า
ฝันร้ายของเธอได้กลายเป็นจริง