ตอนที่ 6 ลูกค้าหน้างอ
ตอนที่ 6
ลูกค้าหน้างอ
“เดือนหน้าเจ้ลื้อมา อย่าลืมทำความสะอาดให้ด้วยล่ะ” ชายแก่วัยหกสิบปลายๆ หันหน้ามามองลูกสาวคนเล็กหลังจากที่ตักแกงใส่จานตนเองแล้วเสร็จ
แฟนท์ชะงักมือเล็กน้อยขณะที่กำลังตักข้าวเข้าปาก ร้อยวันพันปีพี่สาวของเธอจะยอมกลับมาบ้าน ทั้งๆ ที่กรุงเทพฯ – ชลบุรี อยู่ใกล้แค่เอื้อม
“มากี่วัน?” ร่างบางถามผู้เป็นพ่อขณะที่นั่งทานอาหารมื้อเย็นด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา จะยกเว้นก็แต่ฟ้าใสพี่สาวคนกลาง
“เจ้ลื้อน่ะเขาหยุดยาว พักร้อน น่าจะกลับมาอยู่นี่เป็นเดือน”
“มาแล้วก็หวังว่าจะช่วยงานป๊าบ้างนะ” ที่พูดแบบนั้นไปก็เพราะว่ารู้นิสัยของพี่สาวตัวเองว่าเป็นคนอย่างไร
“อีมาพักผ่อน นี่ลื้อจะให้อีมาช่วยอั๊วทำไมกัน เจ้ลื้อเขามาเหนื่อยๆ นะ”
“ทีอั๊วเลิกงานมาเหนื่อยๆ ยังช่วยป๊ากับม๊าเก็บร้านได้เลย”
“นี่ลื้อ...”
“พอๆๆ พอกันทั้งคู่เลยนะ กินข้าวอยู่แท้ๆ จะทะเลาะกันทำไม ห๊ะ?” สุดท้ายแล้วม๊าของแฟนท์ก็ทนไม่ไหว เลยต้องรีบเบรกทั้งคู่เอาไว้ก่อนที่จะทานข้าวกันไม่ลงไปมากกว่านี้
ก่อนจะตามมาด้วยพี่ชายคนโตอย่างเฮียเฟย ที่นั่งเงียบมานานมากแล้ว “ป๊าแค่บอกให้ทำความสะอาดห้องให้พี่เค้า อย่าสาวความกันให้มาก”
ก็ใช่สิ อย่างเจ้ฟ้าไม่ว่าจะทำอะไรก็ดีไปหมดในสายตาของคนในบ้านไปทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่คนนั่งเงียบอย่างเฮียเฟยตอนนี้หรอก
ใครๆ ก็โอ๋พี่สาวเธอกันทั้งนั้น เห็นแบบนี้แล้วแฟนท์ก็อดสงสัยไม่ได้เลยจริงๆ ว่าถ้าหากตนเองเรียนเก่งและได้เป็นเด็กทุนไปเรียนนอกอย่างพี่สาวของเธอบ้าง ป่านนี้คนในบ้านจะมองเธอเปลี่ยนไปแล้วก็ได้
วันต่อมา...,
@ตลาด
11.30 น.
แม่ค้าทั้งสองยังขายของที่ตลาดของเฮียซานมาเรื่อย ๆ และดูเหมือนว่าจะขายดีมากกว่าที่เคยคิดเอาไว้เสียอีก กวยจั๊บญวนเป็นเมนูโปรดของเพื่อนสนิทอย่างผิงอยู่แล้ว การได้ทำของที่ตนเองชอบขายให้คนอื่น มันเลยทำให้คนที่นั่งทานที่ร้านหรือแม้กระทั่งคนที่ซื้อกลับบ้านติดใจในรสชาติได้ไม่ยากนัก
“โต๊ะ 3 ไข่ 1 ไม่ไข่ 1 นะผิง”
“โอเคๆ”
ออเดอร์วันนี้เยอะจนหัวหมุนตั้งแต่เช้า ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาต่างก็ตั้งตารอคิวของตัวเองที่โต๊ะ แม้ทั้งคู่จะเคลียร์ออเดอร์ได้เร็วก็จริงอยู่ ทว่ามากันไม่ขาดสายจนไม่ได้นั่งแบบนี้ บางทีก็เริ่มจะรับมือไม่ทันแล้ว
“น้องคนสวยจ๊ะ โต๊ะพี่ไม่ต้องรีบทำก็ได้นะจ๊ะ เพราะพี่กับเพื่อนรอได้ ฮ่าๆๆ” ชายร่างท้วมตะโกนบอกคนที่ทำหน้าที่คอยเสิร์ฟอย่างแฟนท์
“จ้า” แฟนท์ตอบเมื่อตอนยกถาดไปเสิร์ฟให้โต๊ะข้าง ๆ ชายร่างท้วมนั่นด้วยท่าทีประหม่า เมื่อรับรู้ถึงสายตาของคนพูดเมื่อครู่นี้ มันฟ้องว่าเขากำลังมองมาที่เธออย่างแทะโลม
ที่ร้านขายดีแบบนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากลูกค้าประเภทนี้นี่แหละ ที่ไม่รู้ว่าอยากตั้งใจมาลิ้มรสชาติของกวยจั๊บหรือเพราะว่าตั้งใจมาเต๊าะแม่ค้าที่ร้านนี้กันแน่ แต่กระนั้นก็ว่าไม่ได้ ในเมื่อรายได้ที่ทำให้ขายดีแบบนี้ก็มาจากเงินของพวกคนกลุ่มนี้ทั้งนั้น
ระหว่างมัวแต่รับออเดอร์ให้ลูกค้าอยู่นั้น แฟนท์เลยไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครบางคน กำลังนั่งมองตัวเองอยู่ทางฝั่งโต๊ะมุมสุดของร้าน ชายหนุ่มร่างสูงผู้เป็นเจ้าของตลาด นั่งกอดอกเพ่งมองและขบกรามไปมา
ตอนนี้ชลากรมีเวลาพักทานมื้อเที่ยงแค่ 40 นาที ก่อนที่จะเข้าออฟฟิศเพื่อเคลียร์บัญชีต่อ เพราะนี่ก็ใกล้จะสิ้นเดือนแล้ว เขาเลยต้องเร่งมือทำงาน และการที่คนอย่างเขาอยากมาลองกวยจั๊บรสเด็ดจากร้านที่เพิ่งเปิดใหม่ มันทำให้เขาเสียเวลาไปแล้วหลายนาที หนำซ้ำยังทำให้หงุดหงิดไปน้อยเลยที่คนแน่นร้านวุ่นวายกันแบบนี้
“อรึ่ม! รับออเดอร์ทางนี้หน่อย” เสียงทุ้มเรียกหญิงสวยคนที่ทำหน้าที่เสิร์ฟและคอยรับออเดอร์ ซึ่งก็คือแฟนท์
เมื่อได้ยินเสียงของลูกค้าเรียก ร่างบางก็ไม่รีรอรีบหาปากกากับกระดาษเดินเข้ามารับออเดอร์
“ขอโทษจ้ะ ที่ให้รอนาน รับอะไรดีจ๊ะ?”
ลูกค้าที่นั่งอยู่ตรงหน้า แฟนท์รู้ดีว่าคือใคร ท่าทีนิ่งขรึมและสีหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์องชายหนุ่มเจ้าของตลาด บ่งบอกให้เธอรับรู้ทันทีเลยว่าเขากำลังหงุดหงิดอยู่ อาจจะเพราะวันนี้ลูกค้าเยอะจนต้องรอนาน
และแม้ว่าหลายวันก่อนหน้านี้ เธอจะโดนเขาล้อเลียนเรื่องไซซ์หน้าอกมาแล้ว ทว่าวันนี้ต้องบอกเลยว่าไม่มีอารมณ์คิดจะเอาเรื่อง เนื่องจากลูกค้าหนาแน่นขนาดนี้ แฟนท์คงไม่มีเวลามาตีกับใคร
“เอาแบบนี้พิเศษชามนึง แล้วก็เก๊กฮวยแก้วนึง ขอเร็ว ๆ นะ ...รีบ”
“ด... ได้จ้ะ” แฟนท์รีบตอบรับคำก่อนจะจากไป
เห็นหน้าเฮียซานแล้วก็นึกสงสัยว่าบ้านนี้เขาเลี้ยงลูกมาอย่างไร คนโตก็นิ่งราวกับเป็นรูปปั้นหินตามอนุสรสถาน ส่วนคนเล็กอย่างเฮียฉีก็พูดจากวนประสาทชาวบ้านไปทั่ว
พอคนรับออเดอร์เดินออกไปได้สักซัก ลูกค้าคนใหม่ก็เดินสวนเข้ามาพอดี ผิงมองเห็นเขาตั้งแต่อยู่หน้าร้านแล้ว แม้จะยุ่งอยู่แต่เพราะออร่าความสูงของผู้ชายบ้านเจียรกิติมันโดดเด่นออกมาจนเธอมองเห็นได้ไม่ยากเลย
ฉีเดินเข้ามานั่งโต๊ะเดียวกันกับพี่ชายและไร้ซึ่งการขออนุญาตใด ๆ และซานเองก็ไม่ได้ตกใจกับการปรากฏตัวของน้องชายนัก เพราะรู้ว่าช่วงนี้อะไร ๆ มันกำลังไม่ปกติแล้ว
“ช่วงนี้มาแดกข้าวไกลเนอะ”
เป็นคำทักทายตามประสาเฮียซาน อันที่จริงที่คงไม่ต้องถามหรอก ว่าทำไมน้องชายถึงมาทานมื้อกลางวันถึงในตลาด ทั้ง ๆ ที่หน้าอู่ก็มีร้านอาหารเยอะแยะ
“อยากแดกกับพี่ชายตัวเองบ้างไม่ได้ไง?” ว่าพลางไหวไหล่ให้
“หึ อยากแดกกับกูหรืออยากมาดูใครแถวนี้?” เขามาที่นี่ยังไม่ได้บอกใครสักคำ แล้วน้องชายตัวเองจะมารู้ได้อย่างไร แก้ตัวน้ำขุ่นๆ
“คนเยอะฉิบหาย ...เฮียสั่งไปยัง? สั่งให้หน่อยดิ”
“จะรอพระสวดทำไม เดินไปสั่งเองสิ”
ฉีได้แต่ส่ายหน้าและยอมลุกขึ้นเดินไปทางแม่ค้าในครัว ผิงกำลังยืนลวกเส้นใส่ชามหลายใบพร้อมกันด้วยความเร็ว ก็แน่นอนล่ะตอนนี้คนแน่นร้าน หากไม่รีบทำมีหวังลูกค้าคงได้กินหัวในไม่ช้า
“กวยจั๊บหมูเด้งพิเศษสอง ตีนไก่สอง สาหร่ายสอง เก๊กฮวยห้า” เก๊กฮวยห้าแก้วเบาหวานต้องถามหาเขาแล้ว
“กินเอง?” ผิงถามกลับเพราะเห็นว่าเขานั่งกับเฮียซานแค่สองคน แล้วที่เขาสั่งเยอะมากมายขนาดนี้แน่ใจแล้วงั้นหรือว่าจะทานหมด
“ตามนี้ ขอด่วน ๆ นะแม่ค้า แซงคิวได้ปะ?”
ฉียังทำหน้าตายียวนกวนประสาทใส่ ทั้งที่ก็เห็น ๆ อยู่ว่าออเดอร์บนโต๊ะมันเยอะมาก แต่ก็ยังมาเร่งรีบจะเอาเร็วกว่าคนอื่น จนผิงต้องมองค้อนใส่
“ถ้ารีบก็ไปร้านอื่น” ว่าพลางทำงานของตนเองไม่วางมือ
“เป็นแม่ค้ามาไล่ลูกค้าแบบนี้ได้ไง?”
“ถ้าลูกค้าไม่มีมารยาท อยากลัดคิวคนอื่นแบบนี้ก็ต้องไล่” ผิงอยากจะสาดน้ำร้อน ๆ ในหม้อใส่เขานัก เห็นอยู่ว่าต้องตามคิว ป้ายที่ร้านมีก็อ่านบ้างสิ
แฟนท์ที่ยืนรอเสิร์ฟออเดอร์อยู่ข้างๆ เพื่อนถึงกับส่ายหน้าให้ สองคนนี้เห็นกันเมื่อไหร่มีปากมีเสียงกันตลอด จะว่าไปคนพี่กับคนน้องก็ไม่ได้ต่างกันเลยสักนิด เพียงคนพี่นั้นชอบเก๊กเอาโล่ แต่ความกวนนั้นเหมือนกันไม่มีผิด