บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 ย่องเบา

ตอนที่ 2

ย่องเบา

21.00 น.

“จะนั่งอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม?”

“….”

ร่างสูงเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ตอนนี้อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็ยังกลับมานั่งนิ่งตรงโซฟาของเขาอีกเช่นเคย จนกระทั่งเขาเข้าไปอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว เธอก็ยังนั่งอยู่แบบนี้ไม่กระดิกตัวไปไหน แน่นอนว่าเธอคงคิดหาทางกลับบ้านตัวเองอยู่

ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะไม่ง่ายดังความคิดในหัว เนื่องด้วยสภาพอากาศที่ไม่เอื้อ ทั้งยังไม่มีรถโดยสารให้แฟนท์ได้ใช้บริการในเวลานี้อีกแล้ว หากจะกลับบ้านถ้าเขาไม่ยอมไปส่ง แน่นอนว่าเธอต้องติดแงกอยู่ที่นี่จนกว่าจะเช้า

“แฟนท์ทำโทรศัพท์ตกไว้ที่ไหนก็ไม่รู้ น่าจะตอนหลบฝนที่ตลาด จะโทรให้เฮียเฟยมารับก็ไม่ได้ ถ้าฝนหยุดตกแล้วเฮียซาน .... ไปส่งได้ไหม? ถึงบ้านแล้วเดี๋ยวแฟนท์จะให้ค่าน้ำมันเลย”

ชลากรนึกขำกับคำพูดคำจาที่ออกมาจากปากของแฟนท์ นี่เขาดูเหมือนคนไม่มีอันจะกินขนาดนั้นเลยเหรอ เธอถึงได้จะให้เงินเขาถ้าหากยอมไปส่ง หรือว่าเด็กนี่กลัวฝนฟ้ามากจนประสาทไปแล้ว ถึงได้ไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร มาเซราติคันคู่ใจราคาหลายสิบล้านของเขา ไม่เคยปล่อยให้น้ำค่อนถังเลยแม้แต่ครั้งเดียว แล้วทำไมเขาถึงจะต้องทำตามอย่างที่เด็กคนนี้บอกด้วย

บ้าไปแล้วไหมวะ ... เพ้นท์เฮาส์ขนาด 300 กว่าตารางเมตร กินพื้นที่เกือบทั้งชั้นของโครงการ กับมาเซราติรุ่นท็อปหายาก แค่นี้ยังดูไม่ออกเหรอว่าเขารวยแค่ไหน!

ดูๆ ก็น่าสงสารอยู่แหละ แต่แล้วมันยังไง ทำไมเขาจะต้องเสียเวลาขับรถไปๆ มาๆ หลายรอบด้วย ทั้งที่มันคือเวลาพักผ่อนของตัวเองแท้ๆ เลย “พรุ่งนี้มีเข้ากรุงเทพฯ แต่เช้า ไม่มีเวลาไปรับไปส่งใคร เธอจะนอนที่นี่ก็ได้นะ ฉันไม่ว่า...”

“ป๊าม๊าเป็นห่วงแน่เลย” คงไม่ได้เป็นห่วงอย่างเดียว ทว่ายังไงก็ต้องโดนสวดยับ

หมั่บ!

“ว๊าย!! O_O!”

“ไปนอน อย่าให้ต้องพูดย้ำ” ร่างสูงไม่รีรอคำตอบจากอีกฝ่าย ก่อนที่จะออกแรงดึงแขนกึ่งลากไปทางห้องนอนใหญ่ของตนเอง

อันที่จริงคอนโดมิเนี่ยมขนาด 300 กว่าตารางเมตรบนชั้นสูงสุดเห็นวิวแบบพาโนรามาแบบนี้ หากจะมีเพียงแค่ห้องนอนเดียวให้ใช้สอยก็คงจะดูไม่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปเท่าไหร่นัก ทว่าห้องอื่นที่เคยถูกเซ็ทมากับโครงการ ถูกแปรสภาพไปเป็นห้องทำงานของเขาหมดแล้ว ดังนั้นจึงมีเพียงห้องนอนห้องเดียวเท่านั้นที่มีเตียงนอน

“เธอนอนข้างบนเลย”

ร่างบางกวาดสายตาสำรวจรอบบริเวณห้อง แล้วก็รู้ว่านี่มันไม่ใช่ห้องรับรองแขก แต่มันคือห้องนอนของคนที่พาเธอมา รูปถ่ายที่จัดใส่เอาไว้ตั้งโชว์ในกรอบข้างๆ หัวเตียง และรสนิยมการตกแต่งห้อง มันบ่งบอกได้ดีเลยทีเดียวว่าห้องห้องนี้คือห้องนอนส่วนตัวของชลากร

“เอ่อ... แล้วเฮียจะนอนไหน?”

“จะไปนอนโซฟา” เขาเคยชินกับการนอนที่ไหนก็ได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นออฟฟิศในตลาด หรือจะเป็นที่โต๊ะห้องทำงานถัดไปจากห้องนอนส่วนตัว

“แฟนท์ไม่ได้อยากรบกวนเฮียซานนะ อันที่จริงให้แฟนท์ไปนอนตรงนั้นก็ได้” แต่ถ้าได้นอนเตียงใหญ่ๆ ของเจ้าของเพ้นท์เฮ้าส์นี้ก็จะดีมาก ถือว่าเป็นบุญกายหยาบของเธอแล้ว ^_^

“นอน ...บอกให้นอนตรงไหนก็นอน” ง่วงจะตายห่าอยู่แล้วกูเนี่ย ยังจะมาชวนคุย

00.00 น.

แฟนท์ต้องตื่นขึ้นมากลางดึกทั้งที่ตนเองเพิ่งจะนอนหลับไปได้ชั่วโมงเศษ สาเหตุที่ต้องตื่นขึ้นมาก็เพราะว่ารู้สึกกระหายน้ำ แถมยังไม่มีอะไรรองท้องเลยสักนิดตั้งแต่ที่มาถึงที่นี่ และเพราะความกลัวตอนนั้นมันทำให้เธอลืมนึกถึงเรื่องอาหารมื้อเย็นไปเลยด้วยซ้ำ

แต่ตอนนี้นึกขึ้นได้แล้ว และก็หิวหนักเลย

ท่ามกลางความมืดระหว่างทางเดินทั่วห้อง ดวงตาคู่สวยแทบมองไม่เห็นอะไรเลย แต่โชคดีที่มีแสงไฟสลัวจากห้องห้องหนึ่งที่มันสาดส่องออกมาจนพอได้เห็นทางเล็กน้อย

แฟนท์ค่อยๆ ย่องฝีเท้าเดินผ่านห้องที่ยังเปิดไฟอยู่ให้เสียงเบาที่สุด ทว่าก่อนจะเดินผ่านห้องที่เปิดไฟอยู่ เธอก็กลับหยุดชะงักการเดินลง เมื่อหางตาไปสะดุดกับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในห้องนั้น

“โห นอนแบบนี้เลยหรอ?”

ภาพที่ทำให้แฟนท์ต้องหยุดเดินผ่านห้องนี้ไปก็คือการที่เธอได้เห็นเจ้าของห้องนอนหลับสนิทอยู่บนเก้าอี้ทำงานขนาดใหญ่ ขณะที่สำรวจมองบนกรอบหน้าคมยังคงมีแว่นสายตาประจำตัวเขาอยู่

หลับสนิททั้งๆ ที่ไม่ได้ถอดแว่นออกเลย หนำซ้ำแสงไฟจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขายังคงเปิดสว่างส่องใบหน้าเจ้าตัวอยู่

“ดึกขนาดนี้แล้วยังจะทำงานอีก โคตรจะไฟแรง” แม้จะรู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันตั้งแต่เด็กจนโต ก็พอรู้มาบ้างว่าชลากรเป็นคนมุ่งมั่นกับสิ่งที่ทำมากขนาดไหน ทว่าก็ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะเป็นหนักขนาดนี้

‘เขาไม่หนาวหรอวะนั่น?’

เป็นเพราะว่าแฟนท์เห็นคนที่นอนหลับอยู่นั้นเปลือยเปล่าท่อนบน จนเห็นซิกแพ็คเป็นก้อนๆ ของเขาเด่นหราล่อสายตาของเธอก่อนสิ่งใด

อึกกก!

คนที่แอบทำตัวเป็นแมวมองอยู่หน้าประตูห้องอย่างแฟนท์ ถึงกับแอบลอบกลืนน้ำลายก้อนโตลงลำคอ ขณะที่สายตายังจดจ้องอยู่กับท่อนบนเปลือยเปล่าของร่างสูง

‘อ่า ... ฮ็อตเนิร์ดที่แท้จริง’

‘เอ๊ะ! หยุด! หยุดคิดแบบนั้นเลยนะ ไอ้แฟนท์!’

ร่างบางยังคงยืนเกาะขอบประตูไม่เลิก ก่อนที่จะไล่สะบัดความคิดจากจิตใต้สำนึกเชิง 18+ ของตนเองออกไปจากหัว

คราวนี้เริ่มจ้องสำรวจกวาดสายตามองรอบๆ ห้องทำงานของเขาแทน

ภายในห้องของชลากรแทบจะเป็นหอสมุดย่อมๆ ได้แล้ว เนื่องจากมีหนังสือมากมายของเขาถูกจัดวางอยู่เต็มชั้นชิดขอบผนังรอบห้อง จนมองไม่เห็นผนังห้องโผล่มาเลยด้วยซ้ำ

แฟนท์เคยรู้มาว่าเขาเป็นคนเรียนเก่งตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แถมเห็นคนทั้งตลาดเคยพูดให้ฟังอีกว่าเขาเรียนมหาวิทยาลัยแบบตรีควบโทภายใน 4 ปีจบ หนำซ้ำยังได้เหรียญเรียนดีและเกียรตินิยมมาครองอีก

วันนี้พอได้มาเจอห้องทำงานของเขามันทำให้แฟนท์รู้เลยว่าคนที่ประสบความสำเร็จแบบเขา ทุกอย่างที่เขามีคงไม่ได้เป็นเพราะดวงหรือว่ามีพ่อรวย ทว่านั่นเป็นเพราะเขาพยายามและขยันเองต่างหาก

อ่า... คนอะไรจะเพอร์เฟคได้ขนาดนี้ 0_^

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel