ตอนที่ 1 ขึ้นรถผิด ชีวิตเปลี่ยน
ตอนที่ 1
ขึ้นรถผิด ชีวิตเปลี่ยน
โครงการคอนโดมิเนียมหรูแห่งใหม่ ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเขตพื้นที่เศรษฐกิจใหม่และอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก วิวรอบนอกหลายห้องถูกจัดแต่งในเห็นด้านนอกในลักษณะพาโนรามา สามารถมองเห็นทะเลฝั่งอ่าวไทยได้อย่างชัดเจน
ส่วนมากทางโครงการจะจัดขายห้องให้เฉพาะลูกค้าชาวญี่ปุ่นและต่างชาติที่เข้ามาทำงานในกลุ่มอุตสาหกรรมภาคตะวันออกและนักลงทุนเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากราคาห้องที่สูงเกินกว่ามนุษย์เงินเดือนหลายคนจะจับต้องได้ ทว่าไม่ใช่กับคนอย่างซาน ชลากร เจียรกิติ
“เลิกทำหน้าและท่าทางแบบนั้นได้แล้ว สายล่อฟ้าเต็มทั่วตึก เผื่อเธอไม่รู้”
ร่างสูงเดินหยิบเสื้อยืดพร้อมกางเกงที่คิดว่าเล็กที่สุดในตู้ออกมาให้กับแขกไม่รับเชิญที่กำลังนั่งขดตัวหนาวสั่นเพราะได้รับไอฝนจากตอนก่อนหน้าที่จะมาถึงคอนโดของเขา
เขาไม่รู้และไม่เข้าใจเลยว่าสาวน้อยกลัวฝนคนนี้เข้ามาอยู่ในรถของเขาได้อย่างไรกัน แถมยังไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมลงจากรถเขาง่ายๆ จนต้องติดสอยห้อยตามมาถึงที่พักอย่างจำยอม
“ปิดม่านได้ไหม?” ในที่สุดสาวน้อยกลัวฝนคนนี้ก็ยอมเปิดปากพูดออกมา ทว่าประโยคที่เธอบอก กลับไม่ใช่คำตอบที่เขาอยากฟัง
แต่กระนั้นร่างสูงก็จำยอมต้องเดินไปเลื่อนผ้าม่านหนาทึบให้ปิดสนิท ไร้การมองเห็นจากวิวข้างนอกแบบพาโนรามาดังที่ทางโครงการใช้เป็นจุดขายให้กับลูกค้าที่อยากเป็นเจ้าของห้อง
คราวนี้กระจกใสทุกบานทุกปิดสนิทลงด้วยมือเจ้าของห้องเรียบร้อยแล้ว วิวทะเลในยามค่ำคืนหายไปพร้อมๆ กับสีม่านทึบที่เขาตั้งใจปิดมัน
“เธอนี่เป็นเอามากนะ” ชลากร อดที่จะบ่นออกมาไม่ได้ เขาไม่เคยพบเจอคนที่กลัวฝนฟ้าหนักขนาดนี้มาก่อน
“ขอบคุณนะเฮีย”
“นั่นเสื้อกับกางเกง ใส่สิ… ชุดเธอมันเปียกอยู่ไม่ใช่หรอ?” พูดพลางโยนชุดที่ตนถือ ลงกองตรงหน้าคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนโซฟาหน้าทีวี
แฟนท์หยิบชุดขึ้นมาคลี่ออกและจ้องมองอย่างพิจารณา มันก็จริงอย่างที่เขาว่า ตอนนี้ตัวเธอเปียกเล็กน้อย จากการที่โดนไอฝนสาดเข้ามาตอนที่อยู่ตรงลานจอดรถในตลาด แต่จะให้เธอใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่ๆ ของเขามันก็ไม่ใช่เรื่อง
“ไม่เป็นไร ขอบคุณนะเฮียซาน แต่เดี๋ยวฝนก็คงหยุดแล้ว” ร่างบางยื่นชุดคืนให้แก่เจ้าของ ก่อนจะปรายสายตามองไปทางอื่น
“นี่ถามจริงๆ กลัวจริง หรือแค่แอ็คติ่ง อยากติดรถมาด้วย?”
“…”
คำถามอีกคนนั้นไม่ค่อยสร้างความพอใจให้ร่างบางที่นั่งฟังอยู่เท่าไหร่นัก มันเป็นคำถามที่ทำเอาเธอถึงกับพูดไม่ออกเลยด้วยซ้ำ ถ้าตัวเองจะแสดงเก่งขนาดนี้คงไม่มาเป็นแม่ค้ารายได้หลักร้อยหลักพันหรอก สู้เอาเวลาไปแคสติ้งเป็นนักแสดงป่านนี้ก็คงจะรุ่งเรืองไปแล้ว
“ถาม …ไม่ได้ยินหรอ?” ร่างสูงยืนเท้าสะโพกเน้นคำไปอีกที การเงียบของเธอเมื่อครู่นี้ทำเอาเขากำลังหงุดหงิด เพราะไม่เคยมีใครเมินคำถามจากเขามาก่อนเลยสักครั้ง
“ได้ยิน แต่ไม่อยากตอบ”
“...” ร่างสูงชักสีหน้าใส่อีกคน
“ก็เห็นอยู่ว่ากลัวจริง”
“ถ้ากลัว งั้นก็รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด”
คราวนี้ชลากรยัดเสื้อกับกางเกงใส่มือคนตัวเล็กเอาไว้เลย เขาอุตส่าห์บริการเธออย่างดี แม้จะไม่เต็มใจพามาก็ตามที อันที่จริงเขาน่าจะไล่เธอลงจากรถไปตั้งแต่ตรงลานจอดรถแล้วก็ได้ แต่เพราะสงสารและเห็นแก่ท่าทีที่หวาดกลัว ถึงได้ไม่ทำแบบนั้น แต่ดูตอนนี้สิ …เธอกำลังพยศใส่ความหวังดีของเขา
“ทำไมต้อง…”
“ยัยบื้อ ไม่เช็คมือถือหน่อยเหรอ วันนี้พายุเข้า ฝนตกหนัก เธอคงไม่ได้กลับง่ายๆ หรอก อีกอย่างถ้าจะนั่งรอฝนหยุดก็ควรไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไหม โซฟาฉันไม่ใช่แบบหนังกันน้ำหรอกนะ ตัวเธอเปียกแบบนี้โซฟาฉันก็เปียกไปด้วย แค่นี้ก็คิดบ้างสิ แล้วนี่ดูสภาพตัวเองตอนนี้ด้วย จะไม่ให้ถามแบบนั้นได้ยังไง? เสื้อบางโดนน้ำฝนขนาดนี้ เห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว กลับบ้านไปตอนนี้ ก็เข้าปากพวกเสือหิวแถวนี้กันพอดี”
บอกตามตรงเลยว่าทั้งชีวิตของเขาเอง ไม่เคยต้องมายืนอธิบายประโยคยาวเหยียดแบบนี้ให้ใครเข้าใจ แต่มันเป็นเพราะคำถามของเธอ ที่ทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมากกว่าเดิมแล้ว บวกกับท่าทีตีมึนไม่รู้สึกรู้สาอะไรของเธออีก
เขายืนอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้ว และเธอนั่งอยู่บนโซฟาของเขาในสภาพที่เปียกชุ่มแบบนี้นานแค่ไหน ถึงได้ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังทำให้โซฟาราคาแพงให้ห้องของเขามันเปียกตามไปด้วย
มิหนำซ้ำลองดูท่อนบนของตัวเองตอนนี้สิ เสื้อผืนบางราคาถูกที่เธอสวมใส่มันบางแนบเนื้อด้วยความเปียกชุ่ม จนเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ขืนปล่อยให้กลับบ้านคนเดียวตอนนี้ก็เสี่ยงอันตรายกันเปล่าๆ เขาไม่อยากเสียเวลาไปนั่งเป็นพยานที่โรงพักช่วยใครหรอกนะ ถ้าเกิดว่าออกไปข้างนอกแล้วโดนฉุดขึ้นมา
“คือว่า…”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ทำตามที่บอก ก่อนที่จะทำโซฟาฉันเปียกแล้วก็เป็นปอดบวมตายที่นี่ซะก่อน” เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นในห้องนี้ไม่ใช่ราคาถูกๆ เลย ขืนยังนั่งแช่อยู่แบบนี้ มีหวังโซฟาของเขาได้พังกันพอดี
“ก… ก็ได้”
“ก็ไปสิ”
อันที่จริงเขาไม่นึกอยากจะแช่งใครให้ตาย แต่ถ้าหากแฟนท์ยังคงนั่งทำหน้าบื้ออยู่แบบนี้อีก สิ่งที่เขาพูดออกมามันอาจจะกลายเป็นเรื่องจริง
และดูเหมือนว่าคราวนี้เธอจะขยับตัวลุกขึ้นทำตามคำสั่งบ้างแล้ว แต่กว่าจะยอมว่าง่ายทำตาม ก็ทำเอาโซฟากำมะหยี่ตัวโปรดที่อุตส่าห์สั่งข้ามน้ำข้ามทะเลมาเปียกชุ่มเป็นรอยก้นของเธอเด่นหราต่อหน้าต่อตาของเขาแล้ว
ก็ทำได้เพียงเก็บกดความหงุดหงิดหัวเสียของตนเองเอาไว้ให้ลึกภายในใจ เด็กมันไม่รู้อะไร แล้วก็ได้แต่บอกตนเองว่าเธอคงไม่รู้ว่าของทุกชิ้นในห้องนี้มันราคาแพงมากขนาดไหน เผลอๆ มันอาจจะมากกว่าค่าแผงที่เด็กสาวคนนี้เช่าอยู่เป็นสิบปีเลยด้วยซ้ำ
“เอ่อ ห้องน้ำไปทางไหน?”
“ตรงไปซ้ายมือ!”
“อ …โอเค”
พอหลังจากที่ร่างบางเดินหายเข้าไปทางห้องน้ำแล้ว ซานถึงได้ยกมือขึ้นกุมขมับของตนเองเอาไว้อย่างห้ามไม่ได้แล้ว ตั้งแต่เกิดมาจนอายุจะปาเข้าเลขสามอยู่แล้ว เขายังไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนขึ้นคอนโดมาก่อนเลย แม้แต่ครอบครัวตัวเอง แล้วถ้าจำไม่ผิด ก็มีแค่คุณนายเพลงพิณแม่ของเขาที่เคยมาเพียงแค่หนเดียวเท่านั้น ครั้นไม่สบายเท่านั้นเอง
อีกอย่างดูท่าคืนนี้ฝนข้างนอกคงไม่หยุดตกง่ายๆ แน่ หากจะลงทุนขับไปส่งเด็กคนนี้ถึงบ้านของเธอก็ไกลเอาเรื่องอยู่ เพราะคอนโดที่เขาอยู่มันคนละที่กับทางบ้านแฟนท์เลย อีกอย่างเธอเป็นคนขอติดรถมาเอง คนอย่างเขาคงไม่ลงทุนเสียเวลาพักผ่อนขับรถไปส่งใครท่ามกลางสายฝนตอนค่ำๆ แบบนี้หรอกนะ