ฉ่ำรัก ที่ 3 พรหมจรรย์ราคาห้าตำลึงทอง
ฉ่ำรัก ที่ 3
พรหมจรรย์ราคาห้าตำลึงทอง
ข้าไม่อยากเป็นหญิงคณิกา!
ขุนนางเฒ่าชงไฉ่ก้าวขึ้นไปบนเวทีอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง สะบัดชายแขนเสื้อเล็กน้อยแล้วยืดอกขึ้นด้วยท่าทางผึ่งผาย จากนั้นจึงยื่นมือเหี่ยวย่นออกไปหมายจะคว้าร่างบอบบางราวกับเทพธิดาแสนสวยมาไว้ในอ้อมกอดให้สาสมใจ
พรหมจรรย์ราคาแพงระยับราวกับจะสร้างจวนใหม่ได้ทั้งหลังเช่นนี้ หากใครรู้ว่าเขายอมทุ่มเงินแทบหมดหน้าตักประมูลเยื่อพรหมจรรย์ของหญิงคณิกาด้วยราคาแพงลิบ อาจจะหาว่าเขาโง่เง่าไร้ปัญญา...
แต่เชื่อเถอะไม่ว่าบุรุษผู้ใดหากได้ยลความงามปานจะล่มเมืองของคณิกาสาว ก็ต้องยอมจ่ายตำลึงทองทั้งหีบเพื่อให้ได้เป็นชายคนแรกของนางด้วยกันทั้งนั้น
ปีนี้เขาล่วงเข้าวัยห้าสิบสองแล้ว ยังไม่เคยพบเห็นหญิงสาวนางใดงดงามราวกับไข่มุกแห่งท้องทะเลเช่นแม่นางซือเซียนผู้นี้มาก่อน งามเช่นนี้หากฮ่องเต้มาทอดพระเนตรเห็นก็ต้องคว้าตัวนางไปแนบองค์อย่างไม่ต้องสงสัย
ดังนั้นหากว่าก่อนตายเขาได้มีโอกาสครอบครองหญิงงาม ก็นับว่าตายตาหลับแล้ว
“มาเถอะแม่นางคนงาม มาหาข้า...”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ดวงตาวิบวับฉายชัดไปด้วยแรงราคะที่พลุ่งพล่านอยู่ในแกนกาย เมื่อซือเซียนเห็นดังนั้นก็เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง ส่ายใบหน้ามนเรียวรูปไข่แรงๆ อย่างปฏิเสธ ถอยหลังหลีกหนีไปหลายก้าวด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียน
“เจ้าอย่าได้เขินอาย ข้าสัญญาว่าจะทะนุถนอมเจ้าเป็นอย่างดี ข้าจะทำให้คืนแรกของเจ้ามีความสุขจนลืมไม่ลงเลยทีเดียว”
ชงไฉ่ยิ้มกว้างจนตีนกาบนใบหน้ากรีดเป็นริ้วยาว ช่วงเวลาแห่งการกอบโกยมาถึงเสียที เขาจะจูบไซ้ไปตามเนื้อหนังนวลเนียน จะเริงรักกับนางโดยไม่หยุดพักจนกว่าจะรุ่งสางให้สาสมกับตำลึงทองที่ต้องจ่ายไป
แน่นอนว่าคืนนี้เขามีตัวช่วย!
ยาปลุกเร้าสมรรถภาพพลังคชสารสำหรับบุรุษเพศ ยาลูกกลอนสีดำเม็ดเล็กเท่าปลายนิ้วก้อย แต่สรรพคุณเลิศล้ำจนทำให้บุรุษฟ้าเหลืองมานักต่อนัก ใครได้กินก็จะดึ๋งดั๋งราวกับเป็นหนุ่มน้อยวัยกลัดมันเลยทีเดียว
“มะ...ไม่นะ! ข้าไม่ไปกับท่าน! ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ได้ต้องการขายตัว ข้าไม่อยากเป็นหญิงคณิกา”
หญิงสาวหวีดร้องเสียงสั่น ทว่าขุนนางเฒ่ากลับหัวเราะร่วนราวกับเห็นการร้องขอความช่วยเหลือของนางเป็นเรื่องตลกชวนให้อารมณ์ดี
“ครั้งแรกเจ้าอาจจะกลัว แต่เดี๋ยวครั้งต่อๆ ไปเจ้าก็จะชินไปเอง อย่าได้กลัวเลย มาหาข้าเถอะ”
ซือเซียนหน้าซีดเผือด ริมฝีปากสั่นระริกจนต้องเม้มสนิทเป็นเส้นตรง นางก้าวถอยหลังอีกครั้งและอีกครั้งจนแผ่นหลังชิดผ้าม่านเนื้อกำมะหยี่ ดวงตาอาบไล้ไปด้วยหยาดน้ำใสจดจ้องไปยังขุนนางเฒ่า
“มาเถอะคนดีของข้า มาให้ข้ากอดปลอบให้เจ้าคลายความหวาดกลัว”
ชงไฉ่สืบเท้าเข้าหา ยกมือขึ้นลูบริมฝีปากอย่างหื่นกระหายชนิดไม่ปิดบัง ก่อนจะยื่นมือไปคว้าข้อมือบอบบางของนางเอาไว้อย่างรวดเร็ว ยิ่งเห็นนางห่อไหล่สั่นเทิ้มราวกับแม่กวางสาวหวาดกลัวนายพรานใจร้ายเขาก็ยิ่งรู้สึกกระชุ่มกระชวย หัวใจที่เต้นแผ่วราวกับรอวันตายกลับมาเต้นแรงจนแทบกระโจนออกมานอกอกเสียให้ได้
“ไม่!”
หญิงสาวสะบัดมือออกจากการเกาะกุมอย่างแรงด้วยความรังเกียจ นางหวีดร้องออกมาอย่างเสียขวัญ ทำให้แม่เล้าหลวนเหยาถึงกับชักสีหน้าไม่พอใจ จ้องซือเซียนเขม็งก่อนจะขยับริมฝีปากช้าๆ เพื่อข่มขู่เด็กในการปกครอง
อยาก! ตาย! หรือ! ไง!
ซือเซียนปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น นางคิดถึงอ้อมกอดอบอุ่นของมารดาที่ล่วงลับ คิดถึงน้องสาวฝาแฝดซืออ้ายและซือฮวา แม้ตลอดชีวิตที่ผ่านมานางจะเป็นเพียงแค่หญิงชาวบ้านยากจน แต่นางก็มีความสุขตามอัตภาพ
ไม่คิดเลยว่าช่วงเวลาสั้นๆ ยังไม่ทันผันผ่านฤดู มารดากลับมาล้มป่วยเสียชีวิตกะทันหัน บิดาเลี้ยงหันเข้าหาการพนันจนเป็นหนี้ก้อนโต โดนทวงหนี้เช้าค่ำ หนักเข้าเจ้าหนี้ถึงกับส่งนักเลงทวงหนี้มารุมซ้อมจนปางตาย ท้ายที่สุดบิดาเลี้ยงจึงบังคับนำนางมาขายให้กับหอคณิกาเหม่ยซิงแห่งนี้เพื่อนำเงินไปใช้หนี้
อีกทั้งบิดายังสัญญากับนางอีกว่าจะดูแลน้องสาวฝาแฝดทั้งสองเป็นอย่างดี และจะหาชายมีตระกูลให้น้องสาวแต่งงานออกเรือน ดังนั้นการขายตัวของนางนอกจากจะตอบแทนบุญคุณบิดาเลี้ยงแล้ว ยังเป็นการเสียสละเพื่อให้น้องๆ ได้มีชีวิตที่ดีอีกด้วย
แม้จะพยายามทำใจไว้แล้วว่าต้องอดทนกลั้นใจหลับนอนกับชายแปลกหน้า แต่ท้ายที่สุดนางก็ไม่อาจทำใจยอมรับได้อยู่ดี
“ได้โปรด ข้าไม่ได้ต้องการให้มันเป็นเช่นนี้ ขะ...ข้าไม่อยากเป็นหญิงคณิกา....”
พูดเพียงเท่านั้นโลกทั้งใบของซือเซียนก็ดับวูบลง ร่างอรชรทิ้งตัวหงายหลังกลางอากาศ
“ว้าย!”
แม่เล้าหลวนเหยาหวีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ คณิกาในสังกัดก็หงายหลังล้มลง ทว่าเพียงชั่วพริบตาเดียวเงาของชายชุดดำก็ปราดเข้ามารับร่างบอบบางเอาไว้อย่างรวดเร็วฉายชัดว่าเป็นผู้ที่มีวรยุทธ์ล้ำเลิศ
“ห้าตำลึงทอง!”
ชายชุดดำประกาศกร้าวโดยมีคณิกาสาวอยู่ในอ้อมกอด เสียงฮือฮาดังขึ้นด้วยราคาแพงแสนแพงเช่นนี้ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
ชงไฉ่ยืนอ้าปากค้างที่ถูกประมูลตัดหน้าไปด้วยราคาแสนโหด ราคาที่เขาไม่อาจหาญสู้ ขุนนางเฒ่ากัดฟันกรอดจนริมฝีปากกระตุกเกร็งก่อนจะสะบัดชายเสื้อก้าวลงจากเวทีด้วยความหงุดหงิด
“กลับจวน!”
เขาตวาดเสียงดังยังผลให้ผู้ติดตามรีบกุลีกุจอวิ่งตามผู้เป็นนายออกจากหอนางโลมเหม่ยซิงไปทันที
แขกเหรื่อคนอื่นๆ ต่างพูดคุยกันเซ็งแซ่ หลายคนสงสัยว่าชายชุดดำเป็นใคร เหตุใดจึงร่ำรวยมีตำลึงทองใช้จ่ายได้อย่างสุรุ่ยสุร่ายเช่นนี้ บ้างก็หันไปจับจองหญิงคณิกาอันดับรองๆ เพื่อช่วยคลายเหงา ด้วยรู้แน่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิ์ได้หมายปองดอกฟ้าราคาสูงลิบ
ทางด้านแม่ทัพหม่านั้นยืนขมวดคิ้วมุ่น เหลือบตามองร่างบอบบางไร้สติในอ้อมกอดด้วยความสนเท่ห์
‘เหตุใดนางจึงแสร้งเป็นลมหมดสติได้แนบเนียนนัก’
เกิดคำถามขึ้นในหัวใจที่แข็งกระด้างของแม่ทัพหนุ่ม เขาผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านสมรภูมิรบที่โหดร้ายมานับครั้งไม่ถ้วน เล่ห์กลอุบายใดๆ ล้วนไม่อาจหลุดรอดสายตา ทว่าหญิงแพศยาฝูหลงฮาวกลับแสดงท่าทางอ่อนแอราวกับสาวน้อยใสบริสุทธิ์ได้อย่างแนบเนียน
เขาแสร้งปล่อยน้ำหนักแขนที่ประคองร่างบอบบาง ทำให้ร่างบางทรุดฮวบลงไปจนเกือบถึงพื้น จากนั้นเขาจึงรวบแขนแข็งแกร่งโอบกระชับนางกลับมาไว้แนบอกดังเดิม
‘แปลก!’
หม่าเซียวหลาน
ปกติแล้วร่างกายจะต้องฝืนตัวเมื่อถูกปล่อยลงจากการโอบประคอง ทว่าร่างของนางกลับทิ้งตัวราวกับสิ้นสติจริงๆ นี่สินะมารยาชั้นเลิศ ของหญิงแพศยาที่ช่ำชองการปลุกกำหนัดบุรุษเพศมานับไม่ถ้วน
หลอกล่อจนพี่ชายของเขา ‘หม่าเติงเหอ’ ต้องผูกคอตายเพราะช้ำรักจากนาง!
แม่ทัพหนุ่มในชุดดำสนิทกัดฟันกรอด มือที่โอบประคองร่างของนางเอาไว้กระชับแน่นราวกับจะบดกระดูกของนางให้แหลกคาวงแขนแกร่ง ทว่าใบหน้าของนางกลับซีดเผือดนิ่งสงบ ไม่รับรู้การกระทำของเขาเลยแม้แต่น้อย