ตอนที่ 11 ตัวจริงของบุรุษในจินตนาการ
ไฉ่ตันจ้องเซียวหงเย่ตาแป๋ว
“แต่นางบอกว่าเป็นสตรีของท่านนี่นา ข้ากลัวนาง แต่อยากเข้าใกล้ท่าน ทำอย่างไรดีขอรับ”
“นางไม่ใช่สตรีของข้า เจ้าเข้าใกล้ข้าได้ตามสบาย”
เด็กน้อยดีใจมาก “จริงหรือขอรับ เย้! ดีใจยิ่งนัก”
ชายหนุ่มไม่อยากพูดถึงสตรีจิตใจคับแคบผู้นั้นอีก
เขาถือปลามาวางลงบนโต๊ะ หันไปทักทายผู้อาวุโส “ข้าเซียวหงเย่ วันนี้รบกวนท่านย่าของไฉ่ตันแล้ว”
จินอีต๋ายังมิทันเอ่ยวาจา กลับเป็นหลายชายแย่งพูด
“พี่ชายพาข้ากลับมาบ้าน ข้าหิวมากแต่ในบ้านไม่มีอะไรให้กินเลย พี่ชายจึงสอนข้าตกปลาขอรับ ข้ารู้ว่าท่านย่าเคยตกปลาแล้วตกน้ำจนป่วย ต่อไปข้ารู้จักหากินเองได้ ข้าจะช่วยแบ่งเบาภาระท่านย่าได้ด้วยขอรับ ออกไปตกปลาให้ท่านย่ากินได้แล้ว”
ไม่มีหรอกคำว่าเหนียมอาย เด็กชายมีนิสัยผ่าเผย ช่างจำนรรจามาแต่ไหนแต่ไร ท่าทางเด็กน้อยยังภูมิใจมาก กำปั้นเล็กๆ ยกขึ้นทำท่าขึงขังแข็งแรง คุยโวโอ้อวดอย่างยิ่ง
จินอีต๋าแก่แล้วเรี่ยวแรงไม่มาก การตกปลาจึงยากยิ่ง ใบหน้าวัยชราเผยแววรู้สึกผิด “ข้าหูตาฝ้าฟางเกินไปจริงๆ ขอบคุณท่านที่ช่วยหลานชายของข้าเจ้าค่ะ”
“ท่านอย่าได้เกรงใจ มันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว” เซียวหงเย่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยตามตรง “ไม่ขอปิดบัง ข้าเพิ่งได้ข่าวเรื่องพี่ใหญ่ไฉ่หวนจึงตั้งใจมาเยี่ยมเยียนท่าน พวกเราเคยคบค้ากันที่จินโจว เขาเคยช่วยข้าไว้ด้วยขอรับ”
นี่คือความตั้งใจของร่างเก่าซึ่งอันที่จริงได้รับข่าวร้ายนานมากแล้ว แต่ปลีกตัวมาไม่ได้ง่ายๆ เขาจึงช่วยสานต่อให้
เผื่อว่าวิญญาณของเซียวหงเย่คนเก่าจะหมดห่วง ไม่มาทวงร่างคืน เขายังหาวิธีกลับโลกเดิมไม่ได้ ที่สำคัญ ลูกเมียก็ยังไม่มี ไม่อยากกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนทั้งอย่างนี้
“ข้าติดค้างน้ำใจพี่ใหญ่ไฉ่ ย่อมต้องตอบแทนขอรับ”
จินอีต๋าให้รู้สึกทั้งอึ้งทั้งดีใจและคาดไม่ถึงอย่างยิ่ง “ที่แท้ก็เช่นนี้ ลำบากคุณชายแล้ว”
“อย่าเกรงใจ เรียกข้าว่าหงเย่เถิด ข้ากับพี่ใหญ่ไฉ่มิใช่คนอื่นไกล นับเป็นพี่น้องยังได้ ต่อไปข้าจะมาเป็นหลานชายอีกคนของท่าน ช่วยดูแลท่านแทนเขาขอรับ”
หญิงชราให้นึกขอบคุณฟ้าดินไม่หยุด วันนี้วันดีจริงๆ
จังหวะนั้น ไฉ่ตันพลันโวยวาย “ท่านย่าเป็นอะไรไป เหตุใดมีผ้าพันแผลเล่า?”
เซียวหงเย่เองก็สังเกตเห็นเช่นกัน ใต้แขนเสื้อยาวนั้นมีผ้าพันแผลโผล่ให้เห็นจากด้านในเล็กน้อย เมื่อเห็นจึงรีบเข้ามาประคองจินอีต๋าพานั่งลงที่เก้าอี้ริมผนังห้องครัว โดยมีไฉ่ตันวิ่งเข้ามาลูบคลำเพื่อสำรวจผิวเหี่ยวย่นอย่างลนลาน
หญิงชรานั่งลง ปลอบขวัญหลาน “ย่าไม่เป็นไรแล้ว แผลเล็กน้อย พรุ่งนี้ย่อมหายดี เจ้าอย่ากังวลเกินไป”
ไฉ่ตันเริ่มสะอื้นไห้ “ท่านย่า เกิดสิ่งใดขึ้นขอรับ?”
จินอีต๋าเล่าให้ฟังอย่างใจเย็น
“วันนี้ย่าเองก็เพิ่งได้รับความไม่เป็นธรรมมาเช่นกัน โชคดีที่ได้แม่นางจิตใจงดงามช่วยเอาไว้ นางเก่งกาจและเปี่ยมเมตตาเหมือนมารดาของเจ้าเลย”
ไฉ่ตันกะพริบตาอย่างสนใจ “จริงหรือขอรับ?”
ผู้เป็นย่าพยักหน้า
จากนั้นก็เล่าคุณงามความดีของสตรีผู้หนึ่งให้ฟัง อีกฝ่ายเปรียบดั่งพระโพธิสัตย์ลงมาโปรด ทั้งสะสวยและใจดี ต้าเจิ้งเรามีเทพธิดามาจุติโดยแท้
เซียวหงเย่สวมเสื้อลวกๆ เช็ดผมแผ่สยายที่เปียกชื้นพลางหรี่ตานิ่วหน้ารับฟังอย่างสนใจ
สตรีที่หญิงชราเล่ามาดีปานนั้นเชียว
ไม่น่าเชื่อ!
จินอีต๋ายังเล่าความประทับใจไม่หมดไม่สิ้น
“หลานย่า ต่อไปเจ้าจะมีข้าวกินทุกมื้อ มีขนมกินเหมือนเมื่อก่อน นายหญิงรับย่าเข้าทำงาน ทั้งให้ย่าพาเจ้าไปที่ร้านด้วยได้ นางยังรับปากว่าจะหาเวลาสอนหนังสือเจ้า ดีหรือไม่?”
ไฉ่ตันพยักหน้าถี่รัว “ดีเหลือเกินขอรับท่านย่า ข้าอยากกลับไปเรียนแทบแย่แล้วขอรับ” เด็กน้อยหันมาทางชายหนุ่มที่ยืนกอดอกอิงแผ่นหลังกับผนังโรงครัว
“พี่ชาย ข้าอยากทำความรู้จักผู้มีพระคุณของท่านย่า เราออกไปหานางกันเถิดขอรับ”
จินอีต๋าเหมือนหลานชาย พอได้พูดนางก็พูดไม่หยุดจนลืมมารยาท ครั้นนึกได้ก็รีบเชิญ “ข้าพูดมากเกินไปแล้ว ไปเถิด หงเย่ ไปนั่งจิบชาก่อนเถอะ”
นางหันไปทางหลานตัวน้อย “ตันเอ๋อร์ เจ้าพาพี่ชายไปนั่งกินขนมจิบชารอในโถง เดี๋ยวย่าทำปลานึ่งตามออกไป”
“ขอรับท่านย่า แต่เดี๋ยวข้าขอเข้าไปหยิบขนมที่เก็บเอาไว้ก่อนขอรับ อยากนำไปมอบให้ผู้มีพระคุณของท่านย่า” สำหรับเด็ก สิ่งล้ำค่าที่เก็บรักษาไว้อย่างดีย่อมเป็นสิ่งนี้ และไม่ใช่เรื่องง่ายที่ล้วงออกจากหีบมามอบให้ใครสักคน
“พาพี่เซียวไปห้องโถงก่อน”
“แต่ว่า...” เด็กชายลังเล
เซียวหงเย่ลูบหัวเล็กทุยอย่างเอ็นดู “ห้องโถงอยู่แค่นี้ ตันเอ๋อร์ไปหยิบขนมเถอะ พี่เซียวเดินไปเองได้”
ทั้งบ้านมีโถงนั่งจิบชาอยู่ห้องเดียว ยังจะเป็นห้องอื่นได้อย่างไร
ติงยวี่ถิงกำลังจิบชาพลางนึกถึงบุรุษหนุ่มที่ตกปลาตรงริมน้ำผู้นั้นอย่างรื่นรมย์
เฮ้อ...แม้มิได้เชยชม แต่ได้ชื่นชมในใจก็พอแล้วน๊า
‘ถิงถิง แกมันบ้าผู้ชาย’
นั่นคือคำด่าของเพื่อนสนิทที่มักพูดตำหนิกรอกหู และถิงถิงในตอนนั้นน้อมรับอย่างยินดี
‘ใช่! ฉันบ้าผู้ชาย แต่ไม่ได้เจ้าชู้มากรักซะหน่อย ผู้ชายร้อยคนในลิสต์ แกคิดว่าฉันจะเอาหมดรึไง ใครไหวไปก่อนเลย ฉันไม่ไหวจ้า’
‘แต่แกมัวบ้าผู้ชายในซีรีย์ไง ในชีวิตจริงชวนไปปาร์ตี้ในดงผู้เยอะๆ เผื่อเก็บเข้าสต็อกก่อนค่อยคัดออกก็ไม่ยอมไป เฮ้ย! ปิดแล็ปท็อปซะทีเหอะ ต้องถนอมสายตาเอาไว้มองผู้ชาย ป่ะ ไปหาผัวกัน’
‘ใครบ้าผู้ชายกว่ากันแน่หะ ฉันต้องหาเงินก่อนไงแก ทำงานหนักเก็บเงินเอาไว้เยอะๆ สักวันจะได้เป็นสายเปย์คลั่งรักผู้ชายของตัวเองยังไงล่ะ’
หญิงสาวครุ่นคิดอย่างทอดถอนใจ เฮ้อ! ตอนนั้น ถ้าไปกับเพื่อนซะก็ดีจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายชีวิตตอนนี้
อยากคลั่งรักใครสักคนเหลือเกิน ปรารถนาถึงราตรีวสันต์ดีๆ กับสามีของตัวเองทุกค่ำคืน
ใครจะรู้ จู่ๆ ย้ายร่างข้ามภพมาได้สามีแล้วแท้ๆ แต่กลับถูกหย่าซะอย่างนั้น เพิ่งมีค่ำคืนเร่าร้อนแค่ครั้งเดียว น่าเสียดายเป็นที่สุด
หญิงสาวมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นท้องฟ้ามืดมัว เมฆลอยต่ำ ครึ้มเข้มอึมครึมปานนั้น เป็นอันบ่งบอกว่าฝนใกล้จะตกเต็มที ทั้งที่เมื่อครู่ฟ้ายังสว่างเจิดจ้าอยู่แท้ๆ
นางรีบลุกขึ้นไปที่ประตูชะเง้อคอมองทางกลางทุ่งอย่างนึกห่วงใยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่พวกเขาไม่อยู่แล้ว...
ไม่เป็นไร คนไม่อยู่ก็จินตนาการได้
ติงยวี่ถิงเพียงกลับมานั่งจิบชาต่อ แล้วก็กลายร่างเป็นสาวน้อยผู้เฝ้าคิดถึงชายหนุ่มปริศนาในห้วงฝันต่อไป จินตนาการของนางมีแค่สัดส่วนอันสมบูรณ์แบบของเขา
หญิงสาวมิได้มองหน้าอีกฝ่ายให้เสียเวลาด้วยซ้ำ นางมองแค่รูปร่างอันสง่างาม
เขาหุ่นดีเหลือเกิน ใครกันนะ?
และเมื่อเซียวหงเย่ปรากฏกายพร้อมแผงอกผึ่งผาย เส้นผมเปียกชื้นยาวสยายแผ่รอบใบหน้าหล่อเหลาคมคาย กางเกงผ้าสีดำแนบกาย
ใครบางคนที่นั่งอยู่ก่อนพลันสำลักน้ำชาทันที
“แค่กๆ”
เซียวหงเย่!