ตอนที่ 10 สตรีน่ากลัว2
“น้ำชาเจ้าค่ะ นายหญิง ข้าไม่มีถ่านที่ตั้งไว้ตลอดวัน จึงเสียเวลาก่อไฟ ทำนายหญิงรอนานแล้วเจ้าค่ะ”
ติงยวี่ถิงรับน้ำชามาถือประคองไว้ในมือ “ท่านป้า อย่าลำบากเลย นั่งรอเสี่ยวจิงด้วยกันก็พอ”
“นายหญิงเกรงใจแล้ว ข้าไม่ลำบากเจ้าค่ะ ข้าขอเข้าไปดูในครัวสักหน่อยว่าพอมีอะไรทำขนมให้ท่านได้บ้าง”
“ท่านป้านำขนมนี่ไปใส่จานมานั่งกินด้วยกันเถอะ ท่านจะได้นั่งพักผ่อนคลายเหนื่อยเสียที”
ติงยวี่ถิงยื่นกล่องไม้ที่ขนมาจากโรงยาให้หญิงชรา จินอีต๋ารับไว้ รีบเดินกลับไปทางเพิงครัวอย่างกระตือรือร้น ลืมไปเลยว่าอายุมากแล้วทั้งยังมีบาดแผลตามร่างกาย
ระหว่างจัดขนมสำหรับจิบชาอยู่ในเพิงครัวหลังเรือน เสียงเจื้อยแจ้วพลันดังแว่วเข้ามา
“ท่านย่า กลับมาแล้วหรือขอรับ?”
จินอีต๋าหันมองจึงเห็นหลานชายตัวน้อยอายุเพียงสี่ย่างห้าขวบกับบุรุษตัวโตพากันเดินเข้ามาพร้อมปลาตัวใหญ่
นางให้รู้สึกแปลกใจ ไม่คิดว่าหลานชายจะตกปลา นึกว่ากำลังนั่งเล่นอยู่ในห้องนอนเสียอีก ทว่าไม่ทันถาม หลานรีบบอก
“ข้ารอท่านย่าไม่ไหวจึงวิ่งออกไปตามหาในเมือง มองตรงที่ท่านย่าเคยนั่งขอทานอยู่กลับไม่เจอ จากนั้นก็ถูกเด็กขอทานคนอื่นรังแก พี่ชายท่านนี้ช่วยข้าไว้ขอรับ”
เด็กน้อยเงยหน้ามองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านข้าง สองตาใสแจ๋วเต็มไปด้วยความชื่นชมในตัววีรบุรุษของตน
ทว่าสักพักกลับทำสีหน้าสลด พวงแก้มกลมป่องออก “แต่ข้าต้องขอโทษพี่ชายด้วย เพราะช่วยข้าจึงทำให้ท่านพี่ต้องทะเลาะกับผู้หญิงคนนั้น” สักพักเด็กน้อยส่ายหน้า เอ่ยอย่างไม่ยินยอมว่า “แต่ท่านไม่เห็นต้องไล่นางไปเลย ข้ากลับบ้านเองได้ขอรับ”
ไฉ่ตันตัวน้อยรู้สึกผิดนัก เขาเป็นต้นเหตุให้คนรักบาดหมางกันกะทันหัน ถึงขั้นเสือกไสไล่ส่งกันกลางตลาด
“นางมิใช่คนรักของข้า เจ้าอย่ากังวลเกินไป” บุรุษบอกเสียงนิ่ง
เด็กชายเงยหน้ามอง “จริงหรือขอรับ?”
คนถูกถามพยักหน้ายิ้มๆ อันที่จริงเขาเคยบอกนางตามตรงไปแล้วอย่างจริงจัง แต่กลายเป็นว่าอีกฝ่ายเข้าใจผิด คิดว่าเขาอยากเร่งงานหมั้น ปรารถนาทำให้พวกเราทั้งสองเลื่อนสถานะเป็นอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น
ไฉ่ตันไม่เชื่อ เขากะพริบตา เอียงหน้าถามอย่างใสซื่อ “แต่นางดูโกรธมาก บอกว่าท่านกำลังพานางเที่ยว แต่ต้องมาเสียเวลากับเด็กสกปรกเช่นข้า แล้วนางก็คาดโทษข้า แอบหยิกข้า กระซิบเสียงดุ ด่าว่าข้าเป็นเด็กปีศาจ บังอาจแยกคู่รักด้วยขอรับ”
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “นางทำกับเจ้าเช่นนั้นหรือ?”
“อื้ม” เด็กน้อยไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่พูด สมควรหรือไม่? แต่เขาไม่ได้โกหก สตรีผู้นั้นหันมากระซิบกับเขาตอนพี่ชายหันหลังเดินไปซื้อขนมให้เขา
“จริงขอรับ ข้าไม่กล้าโกหกแน่” ว่าพลางถลกเสื้อให้ดูว่ามีรอยม่วงช้ำจริงๆ ทั้งยังมีรอยเล็บจากตอนที่โดนข่วน
แม้เพิ่งพบกันแต่พวกเราสนิทสนมมาก ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็ว พี่ชายสอนเขาตกปลาทั้งวัน เด็กน้อยไฉ่ตันจึงกล้าจำนรรจาอย่างเถรตรงจริงใจ
“นางใจร้ายยิ่งนัก หากพี่ชายเผลอชอบนางเข้าแล้ว ลองตรองดูใหม่ดีหรือไม่ขอรับ?”
ม่านตาดำของบุรุษพลันหรี่แคบ เขารับคำเสียงขรึม “ข้าไม่เอาสตรีเช่นนั้นเป็นแม่ของลูกหรอก”
“เย้!” ไฉ่ตันดีใจมาก วันนี้เข้าตัดสินใจถูกที่กล้าหาญ วิ่งออกจากบ้านไปตามหาท่านย่า แล้วได้พี่ชายรูปงามใจดีกลับบ้านมาหนึ่งคน เขาจะต้องปกป้องให้จงได้
เด็กชายมีนิสัยเช่นนี้ เสียดายที่เขาโตช้า มิเช่นนั้น บิดามารดาคงไม่ตาย คิดไว้ว่าพอโตขึ้นจะเป็นจอมยุทธ หรือไม่ก็สอบเป็นขุนนาง พาทหารออกปราบโจรให้สิ้นซาก
แม้มีใจเหี้ยมหาญและชาญฉลาดเกินวัย แต่เขารีบเก็บมือที่เพิ่งยกขึ้นด้วยความดีใจนั้นลง ค่อยๆ ถามเสียงเบา “ว่าแต่นางจะมาไม่สังหารข้าใช่หรือไม่?”
ตอนนี้ยังเด็กตัวเล็กนักไม่พร้อมปะทะกับใครหรอก
“เจ้ากลัวนางหรือ?”
ไฉ่ตันเม้มปากพยักหน้า วาจาฉะฉานไม่คิดปิดบัง “อื้อ ...ข้าย่อมกลัวนางมากขอรับ”
‘นาง’ ในที่นี้คือเหวินฟาง ส่วนเขา บุรุษผู้ตกปลาอยู่ริมคูกลางทุ่งนาเมื่อครู่ หาใช่ใครอื่น เซียวหงเย่นั่นเอง
ชายหนุ่มไม่อยากพูดถึงสตรีจิตใจคับแคบผู้นั้นอีก แค่ต้องเดินทางไกลจากจินโจวมาติดต่อการค้าด้วยกันที่เมืองหลวงตามคำสั่งบิดาผู้เปี่ยมอำนาจในชาตินี้ก็ฝืนทนพอแล้ว
ยังต้องพาเที่ยวเยี่ยงคนรักอีกหรือ? ฝันไปเถอะ!