ตอนที่ 4 เมื่อใดเจ้าจะแต่งสตรีเข้าจวนเสียที
"เข้ามาเถอะ"
สิ้นเสียงนายท่านจ้าว ประตูใหญ่ก็ถูกเปิดออก ร่างใหญ่ในชุดสีน้ำเงินเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าสง่างามอย่างที่หญิงสาวเคยเห็นประจำ แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้นางจะได้เห็นเขาใกล้ๆกว่าทุกครา หัวใจของหญิงสาวเต้นรัวยากที่จะควบคุม เหตุใดชายหนุ่มถึงมีอิทธิพลกับนางมากขนาดนี้นะ ร่างบางลุกขึ้นยืนอย่างลืมตัวขณะที่จ้องมองไปยังเขา จ้าวเทียนหยางเดินมาหยุดที่หน้านาง เวลาผ่านไปชั่วครู่กว่าหญิงสาวจะรู้ตัว รีบพาตนเองไปยืนข้างเก้าอี้เพื่อให้ชายหนุ่มได้นั่งแทนที่ตนทันทีอย่างรู้หน้าที่
"ชะ..เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน"
"เดี๋ยว!"
เยี่ยนฝางเอ่ยเสียงติดขัด แต่จังหวะที่กำลังจะก้าวไปกลับถูกเสียงหนึ่งห้ามไว้ เท้าเรียวจึงก้าวกลับมาที่เดิมอย่างประหม่า จ้าวหมิงเต๋อมองท่าทีของหญิงสาวอย่างครุ่นคิด เหตุใดคราอยู่ต่อหน้าเขานางถึงไม่มีท่าทีเช่นนี้ แต่พออยู่ต่อหน้าบุตรชายเขานางถึงได้หวาดกลัวกัน
"พวกท่านคุยกันต่อเถอะ ข้าเพียงมานั่งเล่นดื่มชาเท่านั้น"
จ้าวเทียนหยางหันมาเอ่ยกับผู้เป็นบิดา พ่อบ้านหนิงอันที่รู้หน้าที่ก็รีบยกเก้าอี้ไม้อีกอันเข้ามาให้หญิงสาวทันที นางนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับชายหนุ่ม
ดวงตาคมองหญิงสาวที่มีท่าทีหวาดกลัวเขาเล็กน้อย นางยามนี้นับว่าต่างจากเมื่อตอนเช้า ที่เขาชนในร้านขายตำราอยู่หลายส่วน ใบหน้านางงดงามเช่นนี้ ยามแต่งกายเป็นบุรุษดูเช่นไรก็มิใช่บุรุษ ไม่รู้ไปเอาความมั่นใจที่ใดแต่งกัน นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้มองหน้าใกล้ๆ เขาเองก็ยอมรับว่านางเป็นสตรีงดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมาเช่นกัน แต่อายุของเขาและนางเรียกได้ว่าสามารถเป็นบิดากับบุตรสาวเลยก็ว่าได้
"เยียนเออร์เจ้าอย่าได้หวาดกลัว เขาก็เป็นเช่นนี้"
จ้าวหมิงเต๋อเอ่ยบอกหญิงสาวพร้อมรอยยิ้ม เยี่ยนฝางรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที
"มิได้เจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพเป็นคนช่วยข้าและพามาที่จวนแห่งนี้ ข้าจะกลัวได้เช่นไร ย่อมมีเพียงความเลื่อมใสและเคารพเท่านั้น"
หญิงสาวรับเอ่ยอธิบายทันที
"พึ่งกลับจากวังหลวงหรือ"
จ้าวหมิงเต๋อหันมาเอ่ยกับผู้เป็นบุตรชาย
"ขอรับท่านพ่อ"
"งานช่วงนี้เยอะหรือไม่"
"ช่วงนี้เมืองหย่าฝู๋เกิดน้ำท่วม เนื่องจากเขื่อนเก็บน้ำแตก ฝ่าบาทมีรับสั่งให้นำทหารสองพันนายไปซ่อมแซมและช่วยชาวบ้านขอรับ"
จ้าวเทียนหยางเอ่ยอย่างอธิบาย ช่วงนี้เป็นฤดูวสันต์ ที่เมืองหย่าฝู๋ฝนตกติดต่อกันเป็นสิบวัน ทำให้เกิดภัยพิบัติร้ายแรง ช่วงนี้ถึงแม้มิได้ออกศึก และก็ยังมีงานมากมายที่ให้เขาจัดการและยุ่งอยู่ตลอดเวลา จัดการงานหนึ่งออกไปได้ก็มีอีกงานเข้ามา จนแทบมิได้มีเวลาได้พักผ่อน
"เฮ้อ~ ปีนี้เจ้าก็เข้าสามสิบเจ็ดแล้ว เมื่อไหร่จะแต่งสตรีเข้าจวนกัน หากเจ้ามิขอฝ่าบาทเรื่องเลือกคู่ครองเอง เกรงว่าป่านนี้ฝ่าบาทคงพระราชทานสมรสให้เจ้านับสิบคนแล้ว เจ้าดูเรือนหลังนี้สิ นับวันยิ่งเงียบเหงาไปเรื่อยๆ ข้าเองก็แก่ไปเรื่อยๆด้วยเช่นไร แล้วผู้ใดจะเป็นคนดูแลจวนที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ เช่นนั้นไปหาซื้อเรือนเล็กๆที่มีเพียงสองห้องนอนอยู่ไม่ดีกว่าหรือ"
จ้าวหมิงเต๋อเอ่ยด้วยท่าทีสิ้นหวัง เขารอแล้วรอเล่าที่หวังจะได้อุ้มหลานเหมือนจวนขุนนางอื่นๆบ้าง เห็นทีว่าบุตรชายที่ทำงานหนักเช่นนี้ คงมิมีหวังเสียแล้ว
"ท่านพ่อยังอยู่กับข้าอีกนานขอรับ"
"เอาเถอะ เจ้าไปครานี้นานหรือไม่"
"น่าจะสองเดือนขอรับ"
"เช่นนั้นพาแม่หนูเยี๋ยนฝางไปด้วยสิ นางพึ่งเรียนจบจากสำนักศึกษา ให้นางได้ไปเปิดหูเปิดตาบ้าง"
จ้าวหมิงเพ่ยเอ่ยพลางหันหน้าไปทางหญิงสาว เขาเองก็ไม่เคยเห็นนางยุ่งวุ่ยวายกับบุรุษที่ไหนไม่ต่างจากบุตรชายเขาเลย หากให้นางไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกบ้าง บางทีนางจะไม่ต้องอายุมากเหมือนบุตรชายแล้วยังมิมีคู่ครองหรือคนรักก็ได้
"ไปครั้งนี้ลำบากมิน้อย เกรงว่าสตรีเช่นนางคงจะทนความลำบากมิได้ขอรับ"
จ้าวเทียนหยางเอ่ยบอกผู้เป็นบิดา จากท่าทางของนางแล้ว ถึงนางจะไม่ใช่คุณหนูในห้องหอเหมือนจวนอื่นๆแต่จวนนี้ก็มิเคยให้นางลำบาก เกรงว่าเดินทางไปได้ไม่กี่ลี้นางคงร้องอยากกลับคืนเป็นแน่
"ขะ....ข้าทนได้เจ้าค่ะ ข้าไปได้ มิได้กลัวความลำบากเลยแม้แต่น้อย"
หญิงสาวตอบรับทันทีโดยที่ไม่ได้คิดอันใด นางเองก็อยากไปที่อื่นนอกจากเมืองหลวงอยู่แล้ว อีกทั้งยังได้เห็นชายหนุ่มตอนทำงานอีกด้วย ยามปกติเขาก็ดูสง่างามมิน้อย หากเห็นตอนที่เขาทำงานจะเป็นเช่นไรนะ จ้าวเทียนหยางหรี่ตามองหญิงสาวที่มีท่าทีกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก ก็แอบกังวลในใจ เพราะที่เดินทางไปนั้นส่วนใหญ่เป็นบุรุษที่เป็นทหารทั้งนั้น สตรีที่ไปนับว่ามีจนนับนิ้วได้ แต่คนพวกนั้นก็ถูกฝึกมาอย่างดี สตรีเช่นนางจะไหวได้เช่นไร
"ถอดใจเสียเถอะ ขนาดทหารกล้ายังแทบทนลำบากมิได้"
จ้าวเทียนหยางเอ่ยออกไปตามตรงโดยที่ไม่ได้รักษาน้ำใจหญิงสาวเลย เพราะที่เขาพูดนั้นล้วนเป็นความจริง หากนางไปต่อมิไหวคงเป็นภาระให้เขาและคนในกองทหารต้องกลับมาส่งนางที่เมืองหลวงเป็นแน่
"ข้าทนได้เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ ต่อให้ลำบากเท่าใดข้าจะไม่เอ่ยปากบ่นแม้เพียงสักคำ"
เยี่ยนฝางเอ่ยด้วยถ้อยคำหนักแน่นและมีท่าทีจริงจัง
"ให้นางไปเถอะ"
"แต่....ชั่งเถอะ! อีกสามวันออกเดินทาง เจ้าเตรียมตัวให้พร้อมด้วย"
จ้าวเทียนหยางเอ่ยจบ ก็ลุกทำท่าคารวะผู้เป็นบิดาก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป จื่อหาวที่กำลังยืนคุยกับพ่อบ้านหนิงอันอยู่รีบวิ่งมาหาผู้เป็นนายทันที
"หาของขวัญหนึ่งชิ้น นำไปให้นางด้วย"
"ขอรับ"
จื่อหาวรับคำอย่างว่าง่าย หากนางที่ผู้เป็นนายหมายถึงคือแม่นางเยี่ยนฝางที่อยู่ในเรือนเมื่อสักครู่คงมิผิดแน่ เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดนาง คนในจวนต่างก็รู้กันหมด และอีกอย่างผู้เป็นนายไม่เคยยุ่งวุ่นวายกับคุณหนูที่จวนใดอีกด้วย แต่ที่เขาแปลกใจคือ สิบปีมานี้ไม่เคยซื้อของขวัญวันเกิดให้นางเลยสักชิ้น แล้วเหตุใดปีนี้ถึงคิดอยากซื้อให้นางเสียอย่างนั้น
