ตอนที่ 2 ข้าจำได้ว่าเด็กผู้นั้นเป็นสตรีมิใช่หรือ
10 ปีต่อมา
'ข้ามีนามว่าเดิมว่าลู่หนิงหนิง นามใหม่ข้าคือเยี่ยนฟาง มีเพียงนามไม่มีแซ่ ใช่แล้วข้าคือเด็กหญิงที่ท่านแม่ทัพเก็บมาเลี้ยง ใครๆต่างเรียกเขาว่าแม่ทัพจ้าว จ้าวเทียนหยาง เดิมทีข้าจะถูกรับเป็นบุตรบุญธรรม แต่แล้วพอมาถึงเมืองหลวง ฮูหยินจ้าว จ้าวซินหยวนกลับป่วยเสียชีวิต ด้วยโรคร้ายแรงเช่นกับบุตรสาวที่ล่วงลับไปแล้ว ทำให้ทุกคนต่างยุ่งวุ่นวายและลืมเลือนเด็กคนนี้ แต่ข้ากลับยินดีเสียอีกที่ไม่ต้องเป็นบุตรสาวบุญธรรมของจวนจ้าว นั้นเป็นเพราะข้ามีความรู้สึกหนึ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในใจ จวนแห่งนี้ดูแลข้าเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะที่นอน อาการการกิน อีกทั้งอนุญาตให้ข้าไปศึกษาตำราที่สำนักได้อีกด้วย อาจารย์ชมข้าบ่อยๆว่าข้าเรียนรู้ได้เร็ว จนจบการศึกษาเมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ข้าอาศัยอยู่ที่นี่มาสิบปีแล้ว ปีนี้อายุข้าเข้าสิบแปดปีพอดีเลยวัยปักปิ่นมาแล้ว'
"อ้าวเยี่ยนฝางวันนี้นำของดีอันใดมาหรือ"
เถ้าแก่ร้านขายตำรานามเฟยเจินเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง เมื่อเห็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นประจำมาที่ร้าน และหมู่นี้กลับหายไปหลายวันแล้ว จนเขาเองก็อยากถามเช่นกัน
"วันนี้ข้ามาหาตำรา"
เด็กชายตัวบางเอ่ยบอกเถ้าแกร้าน อันที่จริงอาภรณ์ที่สวมใส่ รวมถึงการแต่งแต้มใบหน้าทรงผมก็เหมือนบุรุษ ที่นางทำเช่นนี้เพราะอยากให้ตนเองใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น มิเคยมีสตรีฐานะธรรมดาที่ไหนได้รับอนุญาตให้มีความสามารถเทียบเท่าบุรุษ หากมิใช่เหล่าคุณหนูในจวนขุนนางใหญ่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นนางก็มิได้ปิดบังอันใด สหายและคนรู้จักต่างรู้ดีว่านางเป็นสตรี อีกทั้งรู้ด้วยว่านางเป็นคนของจวนท่านแม่ทัพ
"ตำราอันใดเจ้าลองว่ามาก่อน"
เถ้าแก่เอ่ยพลางปัดเศษฝุ่นไปด้วยอย่างเป็นกันเอง
"ตำราชนเผ่าเหยียนกู๋"
"จะ...เจ้าบ้าไปแล้วหรือ เมืองหลวงรวมถึงแคว้นเป่ยเทียน ห้ามเอ่ยถึงชื่อนี้เจ้ามิรู้หรือ"
เถ้าแก่ร้านอุทานออกมาเสียงดัง ก่อนที่ประโยคหลังจะกระซิบกับหญิงสาวเบาๆ
"ข้ารู้ว่าท่านมื"
เยี่ยนฝางด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน นางรู้จักกับเถ้าแก่ร้านนี้มานาน หนังสือหรือตำราหายากก็ย่อมมีหมด แล้วตำราชนเผ่าเหยียนกู๋ต้องห้ามแบบนี้ใยจะไม่มีกัน เฟยเจินโบกมือให้นางไปยังห้องลับของร้าน เยี่ยนฝางเดินไปตามอย่างว่าง่าย
"เจ้าจะนำตำรานี้ไปทำอันใดกัน"
"มิปิดบัง ท่านก็รู้ว่าครอบครัว รวมทั้งคนในหมู่บ้านข้าตายด้วยน้ำมือคนชนเผานี้ ข้าเพียงอยากรู้จักให้มากหน่อยเท่านั้น"
"เฮ้อ~~~ เรื่องก็ผ่านมาสิบปีแล้ว เจ้ายังมิปล่อยวางอีกหรือ ท่านแม่ทัพจ้าวก็ดีกับเจ้ามาก เหตุใดไม่ละทิ้งอดีตแล้วใช้ชีวิตต่อไป เจ้าจะไปอยากรู้จักมันทำไมกัน"
เถ้าแก่ร้านเอ่ยเตือนหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง อีกอย่างตำรานี้ยังเป็นตำราต้องห้าม เนื่องจากการฆ่าล้างในครานั้น ทำให้มีชาวบ้านผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตไปกว่าสามในสิบของประชาชนทั่วแคว้น เป็นจำนวนการสูญเสียที่มากที่สุด จนป่านนี้ก็ยังสืบที่มาของคนชนเผาเหยียนกู๋ไม่ได้ว่าทำไปด้วยสิ่งใดกัน เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องเสียขวัญและหวาดกลัว จึงต้องการตัดทุกช่องทางที่มีการเอ่ยถึงรวมถึงข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับชนเผ่านี้ด้วย
"ข้ารู้ไปแล้วจะทำอันใดได้ ท่านอย่าได้คิดมาก"
หญิงสาวไม่เอ่ยเปล่าแต่ยังยื่นมือไปดึงตำราที่เฟยเจินถือไว้อยู่ด้วย แต่กลับออกแรงดึงเท่าไหร่ก็มิได้
"กว่าข้าจะได้ตำราเล่มนี้มาครอบครอง ข้ามิขายหรอกนะ"
"มิขายแล้วท่านมิไว้ทำอันใด"
"เอาไว้ดูเล่น"
"ท่าน!"
"ข้าให้เจ้ายืมก็ได้ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน"
เถ้าแก่ร้านเอ่ยอย่างเจ้าเล่ห์ เขาหมั่นไส้ท่าทีของนางเต็มทน เอะอะก็ชอบมาป่วนที่ร้านของเขาเป็นประจำ
"พรุ่งนี้แต่งกายเป็นสตรีมาให้ข้าดูก่อน"
เถ้าแก่ร้านเอ่ยพลางนำตำราเข้าแขนเสื้อ เยี่ยนฝางจ้องตำราในมือเขาแน่น หากจะให้นางแต่งเป็นสตรีมิใช่เรื่องยากลำบากอันใด เพราะตอนอยู่จวนนางก็แต่งเป็นปกติ มีเพียงออกมาข้างนอกเท่านั้นที่แต่งกายเป็นบุรุษเช่นนี้ เมื่อได้จังหวะที่ดีแล้ว มือเรียวคว้าเข้าที่ตำราด้วยความรวดเร็ว ชิงเอาตำรามาได้โดยสำเร็จ
"เฟยเจิน ท่านจะหวงไปไย ข้ายืมอ่านเพียงไม่กี่วันเท่านั้น"
หญิงสาวเอ่ยบอกเถ้าแก่ร้าน ก่อนที่จะวิ่งออกมาจากห้องลับในร้านตำรา แต่จังหวะนั้นทำให้หญิงสาวไม่ทันระวังชนเข้ากับร่างของคนผู้หนึ่งเข้า
ตุบ!
ร่างบางล้มลงไปที่พื้นอย่างแรง แต่ร่างใหญ่ที่ถูกนางชนนั้นกลับไม่สะทกสะท้านอันใด อีกทั้งยังไม่คิดจะคว้าร่างบางเอาไว้เสียด้วย เขาเพียงชายมองนางด้วยหางตาเท่านั้น ดวงตาคมสะดุดเข้ากับชื่อตำราที่ตกพื้น หญิงสาวที่เห็นเช่นนั้นก็รีบเก็บซ่อนไว้ที่แขนเสื้อทันที
"คารวะท่านแม่ทัพ ข้ามิทันระวังขอได้โปรดท่านอย่างถือสา"
หญิงสาวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะวิ่งก้มหน้าออกจากร้านไปทันที เนื่องด้วยกลัวว่าชายหนุ่มจะเห็นตำราเมื่อสักครู่
เยี่ยนฝางวิ่งออกมาจากร้านจนพ้นสายตาของชายหนุ่ม ก่อนจะหันไปดูแผ่นหลังของบุรุษที่นางชื่นชมเขามาตลอด เขาเป็นทั้งผู้มีพระคุณอีกทั้งยังเป็นคนที่นางเลื่อมใสในความสามารถ ถึงแม้ตอนอยู่ในจวนนางจะพบเขาไม่บ่อยนัก บางครั้งก็พบยามเดินผ่านในจวน หน้าจวน แต่ก็มิได้พาตนเองเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเขาเลยสักครั้ง เพราะชายหนุ่มนั้นมีงานมากมายที่ต้องจัดการ ทำได้เพียงแอบชื่นชมเขาอยู่ไกลๆ มิใช่เพียงแค่ความสามารถ ทั้งใบหน้าและท่าทีที่สง่างามนั้นอีก
เขาเป็นบุรุษที่มีกลิ่นกายหอมสะอาดเฉพาะตัว แค่เดินผ่านก็ได้กลิ่นหอม ผมดำเงางามนั้นยามลมพัดเบาๆดูสุขภาพดี คิ้วคม จมูกโด่ง ปากหนาเข้ารูป ดวงตาคมที่เป็นเอกลักษณ์สีสนิม ไหนจะร่างกายกำยำสมชายชาติทหาร เสริมให้เขามีบุคลิกที่ดีเมื่อต้องสวมชุดเกราะบนหลังม้า ยามปกติที่สวมอาภรณ์ธรรมดาก็ดูสง่างามราวเทพเซียน และที่สำคัญเขาเป็นที่หมายปองของสาวงามทั่วเมืองหลวง นั้นยังมิพอต้องเรียกว่าทั่วแคว้นเลยก็ว่าได้ เห็นทีว่าสตรีที่คู่ควรกับชายหนุ่มคงมิใช่คนธรรมดาเช่นนางเป็นแน่
.......
"ผู้ใดหรือ"
เสียงเข้มเอ่ยถามผู้ช่วยที่ยืนอยู่ข้างเขา เพราะดูจากท่าทางเมื่อสักครู่เหมือนทั้งคู่จะรู้จักกันมิน้อย
"เรียนท่านแม่ทัพ เมื่อสักครู่คือแม่นางเยี่ยนฝางที่จวนขอรับ"
จื่อหาวผู้ช่วยคนสนิทเอ่ยอย่างรายงาน
"เยี่ยนฝาง..."
จ้าวเทียนหยางเอ่ยด้วยใบหน้าสงสัย ชื่อนี้คุ้นยิ่งนัก แต่กลับนึกเท่าใดก็นึกไม่ออก
"อ่อ ท่านแม่ทัพคงลืม นางคือเด็กหญิงที่ท่านพากลับมาจากหมู่บ้านเชิ้นตู้เมื่อสิบปีที่แล้วขอรับ"
"ข้าจำได้ว่านางเป็นสตรีมิใช่หรือ"
ชายหนุ่มเอ่ยอย่างวิเคราะห์ เขาจำนางได้แล้ว เด็กหญิงตัวเล็กที่น่าสงสารวันนั้นอายุเพียงแปดขวบเท่านั้น
"นางคงอยากให้สะดวกเวลาออกมาข้างนอก จึงได้แต่งกายเป็นบุรุษเช่นนั้น"
จื่อหาวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ใบหน้ายามที่เอ่ยถึงนางดูเหมือนว่าผู้ช่วยของเขาจะมีความสุขมิน้อย
"หากเจ้าชอบนาง ข้าจะเป็นผู้ใหญ่สู่ขอให้"
ชายหนุ่มเอ่ยจบก็ตรงดิ่งไปหาเถ้าแก่เจ้าของร้านทันที
