บทที่ 13 ปฏิเสธรักขององค์ชายรอง
“ทูลราชาสวรรค์ เรื่องการอภิเษกนั้น หม่อมฉันเห็นว่ายังไม่ถึงเวลา และหม่อมฉันเองยังไม่พร้อมเพคะ” เหล่าเทพสวรรค์ได้ยินดังนั้น จึงพากันแตกตื่นด้วยความแปลกใจ ทว่าคำคัดค้านของนาง ทำให้องค์ชายรองที่ยืนฟังอยู่ ถึงกลับแน่นิ่งไปอย่างเงียบ ๆ ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ความคิดภายในของเขา ที่เปรียบดั่งทะเลลึกหาจุดสิ้นสุดไม่เจอ
“สายตาขององค์ชายรอง ไฉนแน่นิ่งเช่นนั้น เขากำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่ แล้วใดองค์หญิงฟางเหนียงจึงทูลราชาสวรรค์ไปเช่นนั้น ในเมื่อวันก่อนองค์หญิงยังปฏิบัติกับองค์ชายรอง ราวกับมอบใจให้เขาเรียบร้อยแล้ว” หนิงเอ๋อลอบคิดในใจ พร้อมสังเกตท่าทีของเจี้ยนลู่ฟางด้วยในเวลาเดียวกัน
“เหตุใดจึงไม่พร้อม เหมยสวรรค์ร่วงหล่นลงมาหลายวัน นั่นหมายความว่า องค์ชายรองถึงเวลาอภิเษกแล้วตามธรรมเนียม” ราชาสวรรค์กล่าวขึ้นด้วยสุรเสียงนุ่มลึก จากนั้นสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป ทว่าท่ามกลางความคาดหวังของเหล่าปวงเทพ นางรวบรวมความกล้า เงยหน้าขึ้นสบตากับราชาสวรรค์ด้วยสายตามุ่งมั่น
“ข้ากับองค์ชายรอง หาได้มีใจต่อกันเพคะ เรื่องราวระหว่างข้ากับองค์ชายรองเป็นเพียงความสัมพันธ์ ระหว่างพี่น้องเท่านั้น ข้าพลาดเองที่ทำให้ทั้งเหล่าเทพทั้งหลายพากันเข้าใจผิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับองค์ชายรอง จนเกิดความสับสนขึ้นบนแดนสวรรค์” เจียนลู่ฟางยืนฟังอย่างเงียบ ๆ ภายใต้ใบหน้าเงียบขรึมที่แสดงออกมานั้น เขาพยายามเก็บความเจ็บปวดไว้ไม่ให้ล้นทะลักออกมา หนิงเอ๋อพยายามมองหาความรู้สึกของเทพสูงศักดิ์ผู้นั้น หากแต่พบเพียงท่าทีเรียบเฉย ไม่แม้จะเอ่ยถามถึงเหตุผลขององค์หญิงฟางเหนียง
“เหตุใดเขาจึงดูไม่เจ็บปวด ทั้งที่รักองค์หญิงฟางเหนียงมากมายเพียงนั้น” หนิงเอ๋อเอียงศีรษะแล้วจับตาดูเหตุการณ์ต่อไปอย่างเงียบ ๆ ก่อนที่องค์หญิงฟางเหนียงจะกล่าวต่อด้วยกิริยางดงาม
“ก่อนหน้า ข้าเคยทำหน้าที่ดูแลองค์รัชทายาทอย่างใกล้ชิด เวลานี้องค์รัชทายาทกลับมาแล้ว ข้าจึงอยากทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ประสงค์อภิเษกกับผู้ใดเพคะ” องค์หญิงฟางเหนียงยังคงให้เหตุผลไปตามความคิดของตน หาได้สนใจความเจ็บปวดขององค์ชายรอง ที่ยืนนิ่งฟังคำปฏิเสธของนาง
“ความจริงแล้ว แดนสวรรค์มีเซียนรับใช้มากมาย เจ้าเองก็ทำหน้าที่ดูแลข้ามานาน ถึงตอนนี้ เจ้าควรมีเวลาเป็นอิสระ” เจียนลู่จินเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุขุม ก่อนที่หญิงสาวจะปล่อยยิ้มออกมาบางเบา
“ระหว่างข้ากับท่าน เราต่างเติบโตมาพร้อมกัน อย่างไรข้าเชื่อว่าข้ารู้ใจพระองค์มากที่สุดเพคะ ไม่มีเซียนรับใช้คนใดจะเข้าใจพระองค์มากเท่าข้าอีก ข้าเต็มใจดูแลองค์รัชทายาทเช่นนี้ตลอดไปเพคะ” น้ำเสียงแสนใสซื่อของนางกล่าวขึ้น ทว่าเชือดเฉือนหัวใจของเจี้ยนลู่ฟางอย่างย่อยยับ เขาเพียงแค่หลับตาลงแล้วนิ่งเงียบเช่นเดิม
“เพื่อองค์รัชทายาท องค์หญิงฟางเหนียงยอมทำลายความรักขององค์ชายรองงั้นเหรอ ไฉนองค์หญิงผู้แสนอ่อนหวาน จึงกล้าหักหาญน้ำใจองค์ชายรองเช่นนั้น ข้าไม่เข้าใจ” สายตาสั่นไหวของหนิงเอ๋อทอดมองตรงไปยังเบื้องหน้า แล้วลอบคิดในใจด้วยความอยากรู้ตามประสา
“ราชาสวรรค์ ในใจของข้านั้น ขออยู่รับใช้ดูแลองค์รัชทายาทเหมือนเช่นเคยเพคะ เรื่องการอภิเษกข้าหาได้มีใจเสน่หาต่อองค์ชายรอง เราต่างเติบโตมาด้วยกัน ใจของข้าคิดกับองค์ชายรองเพียงแค่พี่ชายที่แสนดีเท่านั้นเพคะ” คำยืนยันของฟางเหนียง ทำให้ราชาแห่งสวรรค์หันไปยังโอรส แล้วเอ่ยถามเขาอย่างเป็นธรรม
“เมื่อฟางเหนียงตอบเช่นนี้แล้ว เจ้าคิดเห็นเช่นไรลู่ฟาง” ชายหนุ่มเลื่อนสายตามองใบหน้างดงามของนางเป็นครั้งสุดท้ายด้วยสายตาแน่นิ่ง
“ฟางเหนียง” คำเรียกแสนอบอุ่น ทำให้หญิงสาวรีบก้มหน้าลงในทันทีด้วยความรู้สึกผิด
“เมื่อเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าจะไม่บังคับให้เจ้ามาอภิเษก และข้าจะถือว่าเรื่องราวระหว่างเราไม่เคยเกิดขึ้น นับจากนี้ไปเจ้าจงทำหน้าที่ดูแลองค์รัชทายาท ให้ดีอย่างที่เจ้าประสงค์ไว้” สุรเสียงอบอุ่นกล่าวกับหญิงสาว เช่นเดียวกับที่นาง รับรู้ความเจ็บปวดของเขา ผ่านน้ำเสียงแสนอ่อนโยนนั้น หญิงสาวกำมือแน่นด้วยความเจ็บปวดไม่ต่างกัน พยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมาแสดงความอ่อนแอต่อหน้าผู้คนมากมาย
“ดอกเหมยสวรรค์ปรากฏแล้ว เราหลีกเลี่ยงกฎนี้ได้ฤาไม่ท่านเทพแห่งชะตา” ราชาสวรรค์หันพระพักตร์ไปยังเทพแห่งชะตาที่ยืนอยู่ด้านหน้า ก่อนเขาจะค่อย ๆ ก้าวเข้ามาพลันค้อมตัวลงหนึ่งครั้งเป็นการเคารพ
“ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้”
“แต่องค์หญิงฟางเหนียงยืนยันว่านางไม่เต็มใจขึ้นเป็นชายาขององค์ชายรอง จะให้ข้าบังคับขืนใจนางได้อย่างไร” สิ้นเสียงของราชาสวรรค์ เทพแห่งชะตาปล่อยยิ้มออกมา พลันเลื่อนสายตาไปยังองค์ชายรองที่ยืนนิ่งอยู่
“ผู้ใดย่อมได้ หากเป็นประสงค์ขององค์ชายรอง” ราชาสวรรค์หันมายังโอรสของเขา แล้วกล่าวขึ้นด้วยสุรเสียงเมตตา
