[ตอนที่ 4 แวมไพร์ไปเที่ยวนอกบ้าน]
[ตอนที่ 4 แวมไพร์ไปเที่ยวนอกบ้าน]
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์หลังจาเหตุการณ์ที่ข้ากระโจนกัดคอของลีโอ เพราะเหตุการณ์นั้นข้าคิดว่าเจ้าลูกหมาป่านั่นน่าจะไม่กล้ากลับมาเยี่ยมปราสาทตระกูลซีมัวร์อีกรอบแล้วล่ะ แต่หลังจากหายหน้าไปไม่กี่วันลีโอก็กลับมาที่บ้านของข้าอีกครั้งและแทนที่เขาจะมีท่าทีกลัวและไม่กล้าเข้าใกล้ข้าเพราะเหตุการณ์ที่ข้ากระโจนกัดคอเขาครั้งนั้น แต่เขากลับมีอาการตรงกันข้าม
ขณะนี้ข้ากำลังสับสนกับสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดเอาไว้และลีโอก็กำลังยืนทำหน้าเขินอายอยู่ต่อหน้าข้า
“ข้าได้ไปนอนคิดหลายครั้งแล้ว” เขาพูดพร้อมทำมือขยุกขยิกอย่างอยู่ไม่สุข “ถึงมันจะเจ็บแต่ข้ารู้สึกชอบที่เจ้ากัดคอของข้า”
มาโซเรอะ!!
ข้านิ่งค้างทันทีที่ได้ยิน เขากำลังพูดอะไรบางอย่างยืดยาวซึ่งข้าไม่ได้ฟังเนื่องจากตกใจอยู่ ข้าไม่คิดว่าจะมีคนชอบถูกแวมไพร์กัดคอ
“ฟีโอล่าเจ้าจะทำอีกก็ได้นะ”
“ห๊ะ?” เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ?
“ข้าได้ยินว่าแวมไพร์ที่กำลังกระหายจะรู้สึกทรมานมาก...เพราะงั้นเจ้าจะ...จะ....อีก....ก็ได้” ประโยคหลังของเขางึมงัมในลำคอจนแทบฟังไม่ออก แต่ข้าก็พอรู้เรื่องว่าลีโออยากให้ข้าดื่มเลือดของเขาอีกแน่นอน
“ข้าขอปฏิเสธ” ข้าบอกปัดทันที
“เอ๋? ทำไมล่ะ!”
“ทำไมงั้นเหรอ?” ปกติมีคนเสนอเลือดมาให้เนี่ย...ก็ควรกินนั่นล่ะ แต่ข้าไม่ได้ต้องการไปกระโจนกัดใครพร่ำเพรื่อหรอกนะ “ข้ามีเลือดให้ดื่มอยู่แล้ว ครั้งนั้นข้าแค่สูญเสียการควบคุม เพราะงั้นเหตุการณ์เช่นวันนั้นมันจะไม่เกิดขึ้นอีก”
“เอ๋...” หูหางตกทันที
“เพราะงั้นครั้งนั้นข้าขอโทษเจ้าด้วยที่เสียมารยาทไป” ข้ารีบเอ่ยขอโทษเป็นการปิดบทสนทนาก่อนที่ลีโอจะพูดอะไรอีกจากนั้นข้าก็เดินหนี ไม่อยู่รอฟังลูกหมาป่าบ่นหงิงๆ อีก
ข้าหนีเจ้าลูกหมาไปที่อีกฟากหนึ่งของปราสาท เขาตามข้ามาไม่ได้แน่ๆ เพราะทางมันค่อนข้างซับซ้อนและกว้างใหญ่ วันนี้บรรยากาศข้างนอกค่อนข้างดีมันออกจะมืดสลัวเพราะมีเมฆปกคลุมทั่วฟ้า ข้าจึงตัดสินใจกางปีกและบินออกจากปราสาททางหน้าต่าง
วันนี้ขยับปีกคลายเมื่อยหน่อยแล้วกัน
พรึ่บ!
ข้ากระพือปีก บินเล่นแถวๆ สวนหลังบ้านของตัวเอง ซึ่งสวนหลังบ้านที่ว่าก็คือป่าดีๆ นี่เอง โอ๊ะ ตรงนั้นเขตนอกป่านี่นา มีคนอื่นอยู่ด้วย ข้ามองลงไปข้างล่างขณะบินตรงไปหาสิ่งที่มองเห็น
“เดี๋ยวก่อนครับคุณหนู!” จู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าข้าเหมือนจะมาขวางทาง “ทางนั้นเป็นเขตนอกบ้านมันอาจจะไม่ปลอดภัยสำหรับคุณหนู ได้โปรดอย่าไปเลยครับ”
เขาบอก ข้ามองหน้าเขาและนึกว่าเขาคือใคร ผมสีดำตาสีส้ม? ข้าจำได้อย่างเลือนลางว่าผู้ชายคนนี้ก็คือคนของท่านพ่อ เมื่ออายุข้าครบ 1 ปีคุณพ่อบอกว่าเขาคนนี้จะมาเป็นองครักษ์ให้กับข้า เขาจะติดตามข้าอยู่ห่างๆ ไม่ไปไหนและหลังจากวันนั้นมาข้าก็ไม่เคยเจอเขาอีกเลย ที่บอกว่าจะตามดูห่างๆ ก็ดูเหมือนห่างจริงๆ ห่างจนข้าไม่เห็นตัวของเขาแม้แต่เงามาเป็นปี....
ถึงว่าล่ะว่าทำไมไอร่าถึงไม่ค่อยจะติดตามข้าอยู่ตลอดเวลาอย่างที่ควรเป็น นั่นก็คงเพราะรู้ว่าข้าจะปลอดภัยอยู่แล้ว
แต่จะว่าไป... ข้าทำจมูกฟุดฟิด กลิ่นของเขามีกลิ่นของแวมไพร์อยู่แต่ก็มีกลิ่นอื่นปนมาด้วยจนข้านึกสับสนเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ของเขา
“ผมเป็นลูกครึ่งแวมไพร์และปีศาจงูครับ” เหมือนเขาจะรู้ว่าข้าคิดอะไรจึงพูดขึ้นมาก่อน ข้าพยักหน้าเข้าใจ
“แล้วเจ้าชื่ออะไร” ข้าถาม อย่างน้อยคนที่เป็นองครักษ์ของข้า ข้าก็ควรรู้ชื่อของเขาหน่อย
“สเวนครับ” ข้าพยักหน้าและจดจำ จากนั้นข้าก็บินกลับปราสาทไม่ออกนอกเขตบ้านตามคำแนะนำของสเวน ส่วนสเวนก็หายตัวไปราวกับไม่เคยปรากฏตัวออกมา
ข้าได้ผีมาเป็นองครักษ์แน่ๆ
เช้าวันต่อมาข้าก็ได้ไปขออนุญาตจากคุณพ่อและคุณแม่ว่าอยากออกไปข้างนอก เนื่องจากว่าตั้งแต่เกิดมาข้ายังไม่เคยออกจากปราสาทเลยสักครั้ง ข้าจึงนึกคึกอยากออกไปสำรวจโลกบ้าง พวกท่านอนุญาตแต่ก็ส่งคนมาคุ้มครองซะเต็ม ข้าไม่ได้ว่าอะไรเพราะพวกที่มาด้วยส่วนมากจะทำตัวเป็นผีหากไม่มีเรื่องก็จะไม่ออกมาให้เห็น
หลังจากได้รับคำอนุญาตข้าก็ไปแต่งตัวเตรียมตัวออกไปข้างนอก โดยชุดที่ข้าเลือกสวมใส่ก็เป็นชุดกระโปรงสีดำแดงที่ดูไม่ฟูฟ่องมากเกินไปจะได้เดินได้อย่างสะดวก และข้าก็เก็บปีกได้แล้วเรียบร้อยเลยไม่จำเป็นต้องสวมชุดโชว์หลังและก่อนออกจากบ้านข้าก็ได้พกร่มอันเล็กๆ พอดีกับตัวเองไปด้วย ซึ่งเป็นของที่คุณแม่เตรียมไว้ให้ ข้าขอบอกเลยว่าไม่ชอบร่มเลย อยากใช้หมวกคลุมกันแดดมากกว่าเดินถือร่มไปมา แต่คุณแม่ก็ยิ้มหวานกดดันให้ข้าใช้มัน ซึ่งข้าไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมถึงอยากให้ข้าใช้ขนาดนั้น แต่ข้าก็ไม่คิดจะขัดความต้องการของคุณแม่ก็เลยยอมใช้ร่มคันนั้น
เมื่อเตรียมตัวเรียบร้อยข้าก็ได้เดินทางออกจากปราสาทด้วยการนั่งรถม้าบิน เนื่องจากว่าจากปราสาทไปจนถึงเมืองใกล้เคียงมันไกลพอสมควรข้าจึงจำเป็นต้องใช้รถม้าบินของตระกูลซีมัวร์ ซึ่งรถม้าบินนั้นสามารถบินได้สูงมากข้าที่ได้นั่งเป็นครั้งแรกรู้สึกสนใจกับวิวด้านล่างหน่อยๆ ข้าจึงนั่งมองวิวจนกระทั่งถึงที่หมาย รถม้าบินของข้าก็ลดความสูงลงและบินลงพื้นอย่างนิ่มนวลในที่สุด
“ถึงแล้วเจ้าค่ะ” ไอร่าเอ่ยพลางเปิดประตูให้ข้า
เมื่อออกมาจากรถม้าแล้วข้าก็สนใจรอบด้านทันที รอบด้านมีปีศาจหลากหลายเผ่ามากมายปะปนกัน แต่ละเผ่าก็มีลักษณะเด่นเป็นของตัวเอง ข้ารู้สึกว่ามันค่อนข้างน่าสนใจ ด้วยความรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสิ่งแปลกใหม่ที่ได้พบข้าจึงเดินตัวปลิวเข้าเมืองจนลืมร่ม แต่ช่างเถอะวันนี้ไม่ค่อยมีแดด ร่มกันแดดมันไม่ค่อยจำเป็นนัก
ข้าเดินไปตามทางที่มีปีศาจมากมายเดินขวักไขว่กันไปมาโดยไอร่าก็เดินตามข้ามาติดๆ ไม่ห่าง ส่วนตนอื่นๆ ก็ติดตามอยู่ในเงามืดไม่ไกล
ข้าลองแวะดูร้านขายขนมเล็กๆ น้อยๆ ที่ตั้งกันอยู่เกลื่อน ข้ายังเป็นแวมไพร์อายุ 3 ปีที่ยังอย่าการดื่มเลือดไม่ได้เพราะงั้นจึงยังไม่จำเป็นต้องกินอาหารที่ปรุงสุก แต่ก็ไม่ใช่ว่ากินไม่ได้แต่เพราะยังไม่มีความอยากพวกมันนอกจากเลือดซะมากกว่า ถ้าข้ากินพวกมันเขาไปข้าก็จะมีแต่ความรู้สึกว่ามันไม่อร่อยเท่าเลือด....เอะอะก็กินแต่เลือดพูดไปพูดมาก็ฟังดูโหดร้ายยังไงก็ไม่รู้
นึกถึงหนังผีชาติที่แล้วเลย พูดประมาณว่า เลือด..ข้าต้องการเลือด แล้วก็โหยหวนอะไรแบบนี้
เปรียบเทียบซะทำเอารู้สึกผิดกันเผ่าพันธุ์ปีศาจของตัวเองเลยแหะ
“คุณหนูอยากได้หรือเจ้าคะ?” ไอร่าถามเมื่อเห็นข้าเอาแต่จ้องพวกขนม
“ไม่ล่ะ” ข้าปฏิเสธแล้วเดินต่อ และข้าก็บังเอิญมองไปเห็นร้านเครื่องประดับ ข้าเองก็เป็นพวกชอบของสวยๆ งามๆ อยู่แล้วเลยเดินเข้าไปอย่างไม่ลังเล จำได้ว่าชาติที่แล้วข้าเป็นพวกชอบสะสมของสวยๆ แต่ไม่เคยหยิบมาใส่เลย ชาตินี้จะซื้อและใส่ให้ได้เลย
ถ้าไม่รำคาญเครื่องประดับที่ตัวเองใส่จนถอดทิ้งซะก่อนน่ะนะ.....
ข้าเลือกดูเครื่องประดับไปเพลินๆ จนกกระทั่งไปหยุดที่สร้อยเส้นหนึ่งที่มีเพรชเม็ดโตสีฟ้า ข้าคิดว่ามันสวยดีแต่ไม่คิดจะซื้อหรอกก็เพรชมันใหญ่ไปสำหรับข้า และรูปร่างของมันข้าก็ไม่ค่อยพอใจนัก
“สร้อยเส้นนั้นข้าจองแล้วนะ” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ข้าไม่รู้จักวิ่งเข้ามาขวางข้าระหว่างเครื่องประดับชิ้นตรงหน้า เธอมีผมสีเขียวฤดูใบไม้ผลิ ดวงตาก็เช่นกัน เด่นมาแต่ไกลเลย ข้ามองเขาบนหน้าผากทั้งสองข้างของเด็กผู้หญิงตรงหน้า เธอมีปีกคล้ายๆ กับข้าแต่เล็กกว่าและเธอคนนั้นก็มีหางรูปร่างเป็นลูกศรแหลม ข้าคิดว่าเธอคงเป็น ซักคิวบัส เพราะลักษณะมันให้
“ข้าไม่ได้ต้องการอยู่แล้ว” ข้าพูดขึ้นหลังจากสำรวจเด็กผู้หญิงตรงหน้า พอเธอได้ยินแบบนั้นใบหน้าเหมือนไม่ยอมเมื่อกี้ก็อ่อนลง
“งั้นเหรอ อภัยที่เข้าใจผิด” เด็กผู้หญิงคนนั้นผงกหัวเป็นเชิงขอโทษเบาๆ
“จะซื้องั้นเหรอ?” ข้าถาม เห็นวิ่งซะเต็มแรงเพื่อมาขวางข้าไม่ให้ซื้อมัน
“ขะ ข้าอยากซื้อให้ท่านแม่” เธอบอกพร้อมทำหน้าเขินอาย
ซื้อให้แม่สินะ....ข้าควรซื้อไปให้คุณแม่สุดสวยบ้างดีกว่า
“ข้าคงต้องซื้อไปฝากท่านแม่บ้าง” ข้าเอ่ยก่อนจะค่อยๆ เลือกเครื่องประดับที่น่าจะเข้ากับคุณแม่ แม่ของข้าชอบสีแดงเพราะงั้นคงต้องซื้อสีแดง
“เจ้าจะซื้อเหมือนกันเหรอ?” เด็กผู้หญิงเมื่อครู่ถาม ซึ่งข้าก็พยักหน้า “ข้าชื่อ อลาโน่ ข้ารู้เรื่องนี้เป็นอย่างมากให้ข้าช่วยเลือกไหม?” อลาโน่เสนอตัว
“ข้า ฟีโอล่า และช่วยหน่อยแล้วกัน”
สุดท้ายอลาโน่ก็ช่วยข้าเลือกเครื่องประดับจนข้าได้เครื่องประดับมาสองสามชิ้น พอเลือกของคุณแม่ได้แล้วก็คงต้องเลือกของน้องชายและคุณพ่อด้วยเดี๋ยวสองคนนั้นงอน
“ไอร่า เจ้าคิดว่าข้าควรซื้ออะไรให้มาร์ตินและท่านพ่อ” ข้าถามไอร่า หูจิ้งจอกของเธอกระดิกและทำหน้าครุนคิด
“สำหรับนายน้อยควรเป็นของเล่นเจ้าค่ะ ส่วนของนายท่านดิข้าไม่ทราบเจ้าค่ะ ขออภัย” เธอตอบ ข้าเลยคิดหนักเรื่องของฝากของคุณพ่อ
“แล้วเจ้ามีความคิดดีๆ ไหม?” ข้าหันไปถามอลาโน่ที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ข้าไม่เคยซื้อให้ท่านพ่อ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงค่อยข้างเย็นชา ข้าคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกคงไม่ค่อยดี “เอาล่ะคงถึงเวลากลับของข้าแล้ว ไว้พบกันอีก” ว่าแล้วอลาโน่ก็วิ่งออกไป
ข้ามองตามไปสักพักก่อนจะเดินเล่นต่อไป
“อ๊ากกก! ช่วยด้วย!”
“!”
อะไรล่ะทีนี้ ข้าสะดุ้งเฮือกกับเสียงโหยหวน เหล่าองครักษ์ที่ตามมาอยู่ห่างๆ รีบเข้ามาล้อมรอบข้าไว้ทันที กลิ่นของเลือดลอยมาแต่ไกล