[ตอนที่ 3 อาหารของแวมไพร์]
[ตอนที่ 3 อาหารของแวมไพร์]
ข้าอายุ 3 ปีแล้ว ร่างกายของข้ามีการพัฒนามากขึ้นกว่าเดิมโดยเฉพาะปีกของข้านั่นเอง วันที่รอคอยมาเนิ่นนานในที่สุดปีกของข้าก็ใหญ่พอที่จะบินได้แล้ว ปีกของข้าเวลาหุบปีกมันก็มีความยาวกว่าตัวข้าและพอกางปีกออกความยาวของมันนับได้ 1 เมตรพอดี และเพราะปีกที่โตขึ้นจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน นอกจากฝึกบินข้าจึงต้องเรียนวิธีเก็บปีกจากท่านแม่ด้วย
เพราะแวมไพร์ส่วนมากจะเก็บซ่อนปีกเอาไว้นี่เองจึงทำให้ข้าไม่เคยเห็นปีกของคุณพ่อคุณแม่เลย หากไม่จำเป็นพวกท่านจะไม่กางออกมาหรอก ข้าพยายามฝึกเก็บปีกตามที่ท่านแม่สุดสวยสอน แต่นานนับชั่วโมงปีกของข้าก็ไม่ยอมหายไปสักทีทำเอาเหนื่อยใจ แต่ไม่เป็นไร ข้ายังมีเวลาอีกเยอะนอกจากออกไปเรียนบินของนอกข้าก็ไม่มีอะไรทำนอกจากนั่งๆ นอนๆ อยู่ในปราสาทเพราะขี้เกียจออกไปข้างนอก ขนาดในปราสาทตัวเองยังเดินสำรวจไม่หมดจะออกไปเดินทำไมข้างนอก แดดก็เผา เสียงก็ดัง
“คุณหนูฟีโอล่าเจ้าคะ นายหญิงเรียกเจ้าค่ะ” สาวใช้หูแมวบอก ข้าเลยพยักหน้ารับแล้วจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย เรื่องชุดข้าไม่เคยอธิบายเลยสินะ ชุดของข้านั้นเป็นแบบกระโปรงฟูๆ อย่างที่เห็นจากหนังแฟนตาซีทั่วไป แต่ชุดทุกชุดของข้าถูกออกแบบให้มีช่องข้างหลังเพื่อให้พื้นที่ปีกที่ยื่นออกมา และจะมีผ้าคลุมเล็กๆ ที่ออกแบบให้เป็นรูปตัววีคว้ำมาคลุมทับอีกทีเพื่อไม่ให้โชว์หลังมากเกินไป และผ้าคลุมนี้มีหมวกติดอยู่ด้วยเพื่อได้ใช้เวลาออกแดด ออกแบบให้เด็กเผ่าแวมไพร์โดยเฉพาะเลยนะเนี่ย
หลังจากจัดการตัวเองให้อยู่สภาพเรียบร้อยแล้วข้าก็ให้สาวใช้นำทางไปหาท่านแม่ที่ห้องโถงรับแขกของปราสาท ที่นั่นมีคุณแม่และน้องชายนั่งอยู่ก่อนแล้วและมีคนแปลกหน้านั่งอยู่อีก 2 คน
“มาสิฟีโอล่าลูกรักแม่มีคนจะแนะนำให้รู้จัก” ท่านแม่กวักมือเรียกทันที “เพื่อนสนิทของแม่ เอเลน่า โดโนแวน และลูกชายของเพื่อนสนิทแม่ชื่อว่า ลีโอ โดโนแวน” ท่านแม่แนะนำหญิงสาวงดงามผู้หนึ่งและเด็กชายที่อายุใกล้เคียงกับข้าให้ข้ารู้จัก
“ยินดีที่ได้พบค่ะ ดิข้า ฟีโอล่า ซีมัวร์ค่ะ” ข้าย่อตัวและก้มหัวนิดๆ เป็นการทักทาย
“ไม่ต้องมากพิธีหรอกจ๊ะ ทำตัวตามสบายเลย” ผู้หญิงที่เป็นเพื่อนคุณแม่มีผมสีไข่มุขอมชมพูดวงตาสีเหลืองทอง และเธอมีหูหมาด้วย ให้เดาคงจะเป็นปีศาจเผ่าหมาป่า เพราะมีกลิ่นประจำตัวของหมาป่าออกมาด้วย จมูกของข้าดีสุดๆ ดีขนาดแยกเผ่าได้จากการดมกลิ่นเชียวล่ะ แต่ก็ใช่ว่าจะเดาถูกทุกครั้งล่ะนะ ส่วนลูกของเพื่อนคุณแม่ที่ชื่อลีโอ มีลักษณะเหมือนเอเลน่าอยู่หลายส่วน แต่สีผมของเขาเป็นสีน้ำเงิน
“ยินดีที่ได้รู้จัก” ลีโอเด็กหมาป่าอายุคงพอๆ กันข้าพูด เขายิ้มกว้างมาให้อย่างเป็นมิตร ข้าจึงยิ้มอ่อนตอบเป็นมารยาท
“ท่านพี่ฟีโอล่า ท่านพี่ลีโอเราไปเล่นกันเถอะ! ข้าได้ของเล่นใหม่จากท่านพ่อด้วย!” น้องชายของข้าตะโกนขึ้นมาดูเหมือนที่เงียบเมื่อครู่ก็เพราะหาจังหวะพูดแหงๆ เขาอายุได้ 1 ขวบกว่าแล้ว พูดก็ได้แล้วด้วยเพราะงั้นเลยซนกว่าเดิมเป็นหลายเท่า
“ลูกๆ ไปเล่นกันก่อนก็ได้นะ พวกแม่จะสนทนากันสักหน่อย” ท่านแม่เอริน่าบอก ท่านแม่เอเลน่าของลีโอก็พยักให้ลูกชายของตัวเองด้วยรอยยิ้ม พวกข้าเลยเดิมตามมาร์ตินไปเล่นข้างนอกกัน
มาร์ตินวิ่งนำหน้าพวกข้าไปก่อนเพื่อไปเอาของเล่นที่ว่าในห้อง ปีกเล็กๆ ของเขาขยับเมื่อกระโดด มันดูน่ารักมากๆ ที่จริงข้าก็เคยเป็นแบบนี้นะเพราะสัญชาตญาณรึเปล่าก็ไม่ทราบเมื่อวิ่งแล้วมันก็รู้สึกอยากขยับปีกบินเพราะงั้นเลยเผลอกระโดดและขยับปีกบินแต่ดันบินไม่ขึ้น
“ฟีโอล่า เจ้าสามารถบินได้รึเปล่า?” ในระหว่างรอมาร์ติน ลีโอลูกหมาป่าก็หันมาถามข้าอย่างสนใจ ข้าพยักหน้า
“ได้...” ถึงจะบินไม่ค่อยแข็งก็เถอะเพราะเพิ่งฝึกบินเมื่อไม่นานมานี้เอง
“เจ้าพาข้าบินได้ไหม!?” ลูกหมาป่าพูดอย่างตื่นเต้น “ข้าอยากลองบินมานานแล้ว!”
“ข้าทำไม่ได้” เมื่อถูกปฏิเสธหูและหางของลีโอก็ตกลงทันที
“ทำไมล่ะ!” ถามด้วยท่าทางงอแง
“ข้ายังไม่แข็งแรงพอที่จะพาใครบินหรอกนะ” พอได้ยินแบบนั้นลูกหมาป่าก็ทำหน้าเข้าใจแต่ถอนหายใจอย่างเสียดาย “แต่หากข้าบินเก่งแล้วข้าจะลองพอเจ้าบินแล้วกัน” พอได้ยินประโยคนี้ของข้า หูและหางของลีโอก็ตั้งขึ้นทันที หางของเขาสะบัดไปสะบัดมา
เหมือนลูกหมาจริงๆ...อ๊ะ ก็ลูกหมาจริงๆ นี่นา
สักพักน้องชายของข้าก็วิ่งกลับมาพร้อมกับกล่องในมือ
“ท่านพี่ๆ ดูสิๆ” มาร์ตินยิ้มกว้างก่อนจะยื่นของเล่นใหม่ที่ว่ามาให้ดู เขาเปิดมัน ทันใดนั้นก็มีลูกแก้วหลากสีมีปีกมากกว่าสิบบินออกมา
“ว๊าว! นี่ของเล่นที่เพิ่งออกใหม่นี่นา!” ลีโอสะบัดหางทันทีตาของเขาเป็นประกายเมื่อมองพวกมัน
“ใช่ไหมล่ะๆ มันสนุกมากเลย เรามาแข่งกันไหมล่ะ?” น้องชายของข้าพูดขึ้นมาอย่างร่าเริง ลีโอพยักหน้าหงึกๆ จากนั้นทั้งสองก็พากันไปวิ่งไล่จับลูกแก้วมีปีกพวกนั้น ข้าคิดว่ามันคือเกมส์ไล่จับของแค่นั้น แต่พอน้องชายของข้าจับได้ลูกแก้วมันก็พ่นไฟทันที
พวกเขาหัวเราะอย่างสนุกสนานเมื่อโดนพ่นไฟใส่หน้า....ดูเหมือนว่าหากจับผิดจะโดนพ่นไฟหรือไม่ก็น้ำใส่ มันไม่ได้เป็นอันตรายแค่ทำให้รับรู้สึกถึงไฟร้อนๆ และน้ำเย็นๆ เท่านั้น
ไล่ไปไล่มาทั้งสองก็วิ่งออกไปนอกสวนในร่มตอนไหนก็ไม่ทราบ ข้างนอกมีแดดข้าเลยยืนดูอยู่ในร่ม ข้าล่ะแปลกใจจริงว่าทำไมน้องข้าถึงยังทนแดดได้กัน ร้อนก็ร้อนแสบก็แสบ
แน่นอนว่าเพราะเป็นแวมไพร์สุดท้ายมาร์ตินก็ต้องกลับเข้ามาในร่มข้าเตรียมเลือดไว้ให้น้องชายเรียบร้อย ยังไงเขาก็อายุแค่หนึ่งปีกว่าถึงจะเป็นปีศาจยังไงก็ทนไม่ได้นานนัก สิ่งที่แพ้ก็คือแพ้ไม่มีข้อแม้ให้หรอก
เขาดื่มเลือดอึกๆ เพราะกระหาย ลีโอวิ่งเข้าร่มและมองมาร์ตินอย่างสงสัย
“เป็นอะไรงั้นหรอ? อ๊ะ กลิ่นเลือด?” ลูกหมาทำจมูดฟุดฟิด
“เจ้าคงไม่ลืม พวกข้าเป็นแวมไพร์หากอยู่กลางแดดจะแสบผิวแล้วก็อายุของมาร์ตินยังไม่สองขวบดีจึงกระหายแทบตลอดเวลา ทางที่ดีที่สุดเจ้าควรพามาร์ตินเล่นในร่ม อย่าออกไปกลางแดดจะดีกว่า” ข้าอธิบายให้เขาฟัง ลีโอหูตกทำเหมือนโดนข้าดุ
“ท่านพี่ๆ อย่าดุท่านพี่ลีโอนะ” อ้าว ไหงงั้นล่ะคุณน้องชาย
“ทำไมถึงคิดว่าข้าดุล่ะ?” ข้าถาม
“ก็ท่านพี่ไม่ค่อยพูดยาว ละ แล้วก็หน้าของท่านพี่ดูจริงจังมาก เหมือนตอนที่พี่เลี้ยงดุข้าเลย!” มาร์ตินอธิบายอย่างลนลาน ข้าถอนหายใจ ข้าบอกแล้วว่าแค่ชอบพูดในใจ และหน้าข้าก็นิ่งเป็นปกติอยู่แล้ว ไปดุตอนไหน
“ข้าไม่ได้ดุ ข้าแค่จะบอกเท่านั้น....ขอโทษนะลีโอ นี่คือหน้าปกติของข้าเองล่ะ” ข้าว่าแล้วกอดอกพร้อมหันหน้าไปทางอื่น ข้ารู้สึกอารมณ์ขุ่นมัวเล็กๆ
“อะ เอ่อ” ลีโอลนลานเมื่อเห็นท่าทางงอนๆ ของข้า “ข้า ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นเอ่อ..เอ่อ” เขาเริ่มเรียงคำไม่เป็น
“ท่านพี่ฟีโอล่า ท่านพี่งอนเหรอ? ไม่งอนน้า” มาร์ตินทำหน้าใสซื่อพร้อมเข้ามาคลอเคลีย
“ข้าเปล่างอน” ข้าปฏิเสธ “ข้าหิวแล้วพวกเจ้าไปเล่นกันต่อเถอะ แล้วก็มาร์พกมันไว้” ข้าพูดกับน้องชายโดยเฉพาะในประโยคหลัง และข้าก็เอาขวดบรรจุเลือดขนาดพกพามาคล้องคอมาร์ติน หากเขากระหายแรงๆ จะได้มีเลือดดื่มไม่ไปกระโจนกัดใครเข้า
ข้าปล่อยให้มาร์ตินและลีโอเล่นด้วยกันในสวน พอรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนเย็นแล้วข้าเอาแต่นั่งอ่านหนังสือและจิบชา(เลือด)ในสวนจนลืมเวลาไปเลย
อา… แต่คอยังแห้งแฮะหรือว่าถึงวันนั้นมาถึงแล้ว? วันที่จะคลั่ง ข้าคงต้องหาเลือดมาตุนไว้ใกล้ๆ เพราะข้าเริ่มทราบเหตุผลที่พี่เลี้ยงของมาร์ตินกลัวข้าแล้ว เหตุผลที่พวกเขากลัวข้าไม่ใช่แค่ข้าหน้านิ่งและดูดุเกินเด็ก แต่เป็นเพราะเวลาข้าคลั่งมันค่อนข้างพิเศษตรงที่ข้าอาละวาดหนักมาก และไม่ได้แค่อาละวาดอย่างไร้สติไปมั่ว ข้าตอนคลั่งยังเหมือนจะมีสมองใช้เล่ห์กลจัดการกับปีศาจตัวเต็มวัยได้ด้วย
เอาเป็นว่ามันไม่เหมือนกับเด็กคลั่งเพราะกระหายเลือดธรรมดา
เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงข้าต้องไปหาเลือดมาตุนไว้ซะแล้ว คิดแล้วก็เก็บหนังสือแล้วเดินไปตามทางเดินที่สุดแสนจะยาวของปราสาท
“โอ๊ะ! ฟีโอล่านี่นา วันนี้ข้ารบกวนด้วยนะ พอดีเกิดปัญหานิดหน่อยเลยจะพักที่นี่ชั่วคราว” ระหว่างทางข้าก็เจอกับลีโอเขาพูดอธิบายเร็วๆ ให้ข้าฟัง ข้าเพียงพยักหน้าตอบเร็วๆ แล้วก็เดินเลี่ยงไปเพราะหิวแล้ว
“ขอตัว” ว่าแล้วก็เดินผ่านไป
“เอ๋? เจ้าเป็นอะไรอ่ะ ข้าทำอะไรให้ไม่พอใจรึเปล่าถึงเมินข้าอย่างนี้” เจ้าลูกหมาทำเสียงงอแงและเหงาหงอย ข้ากลอกตาเบาๆ
“เปล่า” ว่าแล้วก็ขยับปีกบิน โชคดีที่ทางเดินกว้างพอที่จะให้ข้าบินได้
“เดี๋ยวก่อน!”
ข้าไม่สนเสียงเรียก ข้าบินกลับห้องทันทีและสั่งให้ไอร่าหาเลือดมาตุนให้ ระหว่างรอก็นั่งดื่มเลือดที่เก็บสำรองไว้สำหรับยามฉุกเฉินเงียบๆ จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูข้าจึงต้องลุกไปเปิด
“ลีโอ?” ข้าเอียงคอเมื่อพบว่าคนที่เคาะคือเขา “มีอะไร”
“ข้าแค่คิดว่าเจ้าโกรธข้า...เลยมาขอโทษ” เขาอึกอักพูดอย่างไม่มั่นใจ
“พูดแล้วก็ไปได้แล้ว” ข้าปิดประตูหนีแต่ลูกหมาป่าตัวนี้ก็ช่างตื้อ จับประตูไว้แน่นไม่ยอมให้ข้าปิด ข้าเริ่มหอบหายใจเร็วขึ้น หากเด็กนี่ไม่ไปเร็วๆ นี้ ข้าชักจะไม่มั่นใจแล้วว่าจะควบคุมตัวเองได้
“เจ้าหนีข้า!” เขาโวยวาย
“ออกไปก่อนที่ข้าจะโกรธจริงๆ” ข้าพูดเสียงต่ำอย่างไม่พอใจ
“อะ ก็ได้” ลีโอยกมือขึ้นทันที ข้าเลยตั้งใจจะปิดประตู แต่ขณะนั้นกลับรู้สึกเจ็บจิ๊ดขึ้นมาในปากและหัว ดวงตาสีแดงของข้าเรืองแสงขึ้น “เจ้าเป็นอะไรไปน่ะ?” เขาถามอย่างสงสัย เขายังไม่รู้เรื่องรู้ราว
“....” ข้าไม่แม้แต่จะเอ่ยอะไรออกมาได้เพราะกลัวว่าหากพูดออกไปสักประโยคคงเสียการควบคุมจริงๆ เป็นแวมไพร์แล้วลำบากสุดๆ
อา คอแห้งสุดๆ เลย ว่าแต่เจ้าลูกหมาพูดอะไรรึเปล่า? เพราะข้าหูอื้อตาลายจึงฟังไม่ค่อยถนัดเลย...
ข้ามองสีหน้าตื่นตระหนกของลีโอก่อนจะค่อยๆ เลื่อนสายตาลงไปมองที่คอของเขา โดยที่ข้าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ข้ากระโจนเข้าหาเขา รู้สึกตัวอีกทีข้าก็กดตัวเขาลงไปนอนกับพื้นแล้ว ถึงปีศาจเผ่าหมาป่าจะมีแรงมหาศาลกว่าแวมไพร์แต่หากแวมไพร์อยู่ในอาการคลั่งมันคงไม่ง่ายที่จะสู้
งับ!
“โอ้ย! ฟีโอล่า เจ้าทำอะไร ข้าเจ็บ!” เขาเริ่มดิ้นเพราะความเจ็บ ข้ากัดเขาซะจมเขี้ยวเลือดของเผ่าหมาป่าไหลเข้ามาในปาก เลือดของแต่ละเผ่าและแต่ละตนนั้นแตกต่างกันไป และข้าก็เพิ่งรู้ว่ากลิ่นเฉพาะของแต่ละเผ่าพันธุ์มันทำให้อาหาร(?)อร่อยขึ้น หมาป่าอร่อยกว่าที่คิด…
ข้าดื่มเข้าไปอึกใหญ่ๆ โดยลืมไปว่าเจ้าของเลือดคือลีโอลูกหมาป่า ข้าคิดว่าต้องหยุดแต่มันทำยากมาก ข้าจะไม่หยุดกระหายจนกว่าจะดื่มเลือดมากพอ
“ท่านพี่!” ข้าได้ยินเสียงน้องชายเรียกและเสียงร้องของลีโอดังมาแว้วๆ แต่ข้าหาสนใจไม่เลือดอร่อยอยู่ตรงหน้าขอกินให้หมดก่อนแล้วกัน
ข้าเลียเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผล แต่ก่อนที่จะฝังเขี้ยวลงไปอีกครั้งข้าก็รู้สึกว่าถูกอุ้มจนตัวลอย
“นิสัยไม่ดีเลย ไปกัดเพื่อนอย่างนี้ได้ไง หืม?” คุณพ่อนั่นเองที่เข้ามาขวาง ข้าแยกเขี้ยวขู่ไปทางคุณพ่อที่มาขวางการทานมื้อเย็น ข้าควบคุมตัวเองไม่ได้ดีนัก... คุณพ่อยิ้มจาง ก่อนจะเอานิ้วมาแตะหน้าผากของข้า หลังจากนั้นข้าก็สงบลงขึ้นเยอะ
“ท่านพ่อ” ข้ากระพริบตาปริบๆ ก่อนจะหันกลับไปหาลีโอเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น
ลูกหมาป่ากุมคอและร้องไห้เสียงดังลั่นปราสาท ข้าทำหน้าไม่ถูกทันที ข้าทำเด็กร้องไห้ซะแล้ว แต่ก็...ขอบคุณสำหรับอาหาร อร่อยมากเลย