บทที่ 3 ทองแท่งเหล่านี้ข้าและลูกขอไปตั้งตัว
บทที่ 3
ทองแท่งเหล่านี้ข้าและลูกขอไปตั้งตัว
ลาก่อน
แม่ทัพอู่หยางเถามีสาวใช้อุ่นเตียงหนึ่งคนซึ่งก็คือเว่ยหลิงกวาง แม้จะมีสาวใช้อีกมากมายเสนอตัวอยากรับใช้บำเรอกามกำหนัดให้เขา แต่แม่ทัพหนุ่มกลับไม่ชายตาแลสตรีอื่น เขาพอใจแต่เพียงเว่ยหลิงกวางเท่านั้น
ซึ่งสาวใช้เว่ยผู้นี้รักและพร้อมจะถวายชีวิตให้แก่แม่ทัพ ทว่านางกลับถูกฆ่าตายอย่างปริศนา และนั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้แม่ทัพผู้ไร้หัวใจรู้สึกเจ็บปวด
แม่ทัพเฝ้าสงสัยความเจ็บปวดที่บีบรัดหัวใจ เฝ้าคิดคำนึงถึงความรู้สึกและความผูกพันที่มีต่อสาวใช้อุ่นเตียง โดยไม่อาจหาสาเหตุได้ว่าความรู้สึกที่ก่อเกิดในหัวใจนั้นคืออะไร
จากนั้นแม่ทัพอู่หยางเถาก็แต่งงานกับนางเอกซึ่งก็คือคุณหนูลั่วเจียวฝาง ผู้เป็นคู่หมั้นคู่หมายมาตั้งแต่เยาว์วัย ชายผู้ไม่รู้จักความรักค่อยๆ หลอมละลายหัวใจที่ด้านชาเพราะความอ่อนโยนและความเอาใจใส่ของภรรยา
เขายังไม่ทันได้เรียนรู้ที่จะรัก แต่สุดท้ายเขาก็สูญเสียนางไปเพราะเล่ห์กลสงครามจากฝ่ายตรงข้ามที่ลอบทำร้ายภรรยาซึ่งกลายเป็นจุดอ่อนของเขา
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักผู้ใหญ่ดราม่าจบตับพัง พระเอกไร้หัวใจ เมื่อรู้ตัวว่า ‘รัก’ ก็ตอนที่สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป เขาจึงฆ่าตัวตายตามนางเอก หมายใจว่าจะได้พบนางในปรโลกเพื่อบอกรักนาง
ใช่แล้ว...
ในนิยายเรื่องนี้ไม่มีที่ยืนสำหรับข้าเลย หลิงกวางจึงคิดที่จะหนีออกไป นางไม่อยากถูกฆ่าตายโดยไร้ค่า ตัวประกอบอย่างนางเป็นเพียงชนวนเล็กๆ ที่ช่วยสะกิดแผลในใจของพระเอกเท่านั้น
ให้แม่ทัพอู่ไปสะกิดแผลใจด้วยวิธีอื่นเถอะ ข้าไม่อยากตาย แม้ข้าจะรักเขาดั่งคนโง่งม แต่ข้ามีบุตรในท้องที่ต้องปกป้อง ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายหรือรังแกข้าได้อีกต่อไปแล้ว
นางรู้ว่าแม่ทัพอู่ไม่มีทางรักนาง แต่ถึงอย่างนั้นนางก็จงใจที่จะถามหาความรักจากเขา เพราะตั้งใจจะใช้คำตอบของเขาเป็นเชื้อเพลิงในการตัดใจ
และเพราะเช่นนั้นนางจึงตักตวงอ้อมกอดของเขาเอาไว้เป็นครั้งสุดท้ายให้มากที่สุด เพื่อเก็บความรู้สึกนี้ไว้ให้ลึกที่สุดในหัวใจ
ราวกับว่านิสัยในชาติก่อนที่นางเพิ่งหวนระลึก ได้หลอมรวมเข้ากับนิสัยในชาตินี้ นางที่เคยถูกกดให้ก้มหัวลงต่ำมองเพียงปลายเท้าของตนเองจึงกล้าที่จะเงยหน้าขึ้นและพร้อมที่จะปกป้องตัวเองโดยไม่หวั่นเกรงภัยอันตรายใดๆ หญิงสาวที่เคยคิดอ่านเนิบช้ากลับคิดอ่านได้ไวขึ้น ดั่งคนที่เห็นโลกมามาก มีประสบการณ์มากขึ้น จึงรู้ว่าสิ่งใดสำคัญต่อชีวิต สิ่งใดไม่สำคัญต่อชีวิต
“หลิงกวางคนอ่อนแอได้ตายไปแล้ว เหลือเพียงหลิงกวางคนใหม่เท่านั้น แค่ผู้ชายไม่รักไม่ทำให้ตายหรอก แต่ถ้าขืนอยู่ที่นี่ต่อไปข้ากับลูกคงได้ตายแน่ๆ”
หญิงสาวเช็ดหยาดน้ำตาบนใบหน้า สูดลมหายใจแล้วเชิดหน้าขึ้นน้อยๆ ก่อนจะลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าบนพื้นมาสวมใส่อย่างรวดเร็ว รวบผมยาวสลวยขึ้นม้วนมวยก่อนจะใช้ปิ่นเงินที่เคยได้รับจากแม่ทัพอู่ปักลงไป จากนั้นนางจึงเดินไปเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานของผู้เป็นนาย
เมื่อช่วงหัวค่ำนางเห็นว่าเขาใส่ทองคำแท่งลงไปในลิ้นชัก เป็นทองคำที่มีคนนำมาให้แต่เขายังไม่ได้ส่งต่อให้พ่อบ้านนำไปเก็บไว้ในคลัง
หลิงกวางหยิบทองคำแท่งออกมาสองแท่ง สายตาของนางมีแววลังเลอย่างเห็นได้ชัด
สำนึกผิดหรือ...
เปล่าเลยนางอยากหยิบเพิ่มอีกสักแท่งต่างหาก!
คิดพลางหยิบเพิ่มอีกสามแท่งเป็นห้าแท่ง ทองคำแท่งขนาดเท่านิ้วโป้งไม่ใหญ่นัก แต่ทองคำเหล่านี้คงช่วยให้นางใช้ชีวิตกับลูกอย่างสะดวกสบายมากขึ้น
“ข้าขอโทษนะเจ้าคะท่านแม่ทัพ แต่ข้าและลูกจำเป็นต้องกินต้องใช้เจ้าค่ะ”
กว่าแม่ทัพหยางเถาจะรู้ว่าทองคำหายไปก็คงจะราวๆ สิบถึงสิบห้าวัน เพราะทุกครั้งที่เขาเข้าวังเขาจะไม่กลับมาโดยง่าย
ซึ่งช่วงเวลานี้แหละที่คุณหนูลั่วและเหล่าสาวใช้ในจวนที่ชิงชังริษยานางจะรวมหัวกันกลั่นแกล้งรังแกนางอย่างสนุกสนาน ราวกับเป็นธรรมเนียมที่สืบต่อกันมาถึงสามปี
ครานี้นางไม่อาจยอมให้ใครมาทำร้าย เพราะหากนางล้มเจ็บเป็นครั้งที่สองบุตรในครรภ์อาจจากนางไปตลอดกาลก็เป็นได้ โชคดีเพียงใดแล้วที่นางไม่แท้งบุตรตอนที่ล้มศีรษะฟาดกับขอบบ่อน้ำ
“ที่ผ่านมาข้าทนใช้ชีวิตดั่งเป็นกระสอบทรายได้อย่างไรกันนะ ช่างน่าสมเพชเสียจริง”
หลิงกวางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความทรงจำของชาติก่อนทำให้นางเลิกกดข่มตัวเอง อีกทั้ง ‘มวยไทย’ ที่นางเคยได้ร่ำเรียนมาก็น่าจะทำให้นางและลูกเอาตัวรอดได้ไม่ยากเย็น