บทที่ 2 ข้าหลงรักชายไร้หัวใจ
บทที่ 2
ข้าหลงรักชายไร้หัวใจ
หัวใจปริร้าว
“ท่านแม่ทัพเจ้าคะ”
น้ำเสียงหวานทำให้อู่หยางเถาหลุดออกจากภวังค์ความคิด เวลานี้สาวใช้แต่งกายให้เขาเสร็จแล้ว นางสอดแขนทั้งสองข้างสวมกอดเขาเอาไว้แน่น ชายหนุ่มไม่ได้กอดตอบแต่กลับเอื้อมไปหยิบกระบี่ไม่ไกลนักเพราะเดี๋ยวเขาต้องเร่งออกเดินทาง
“ข้ารักท่านเจ้าค่ะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาท่านแม่ทัพเคยรักข้าบ้างหรือไม่เจ้าคะ”
ฮึ...
เว่ยหลิงกวางได้ยินเสียงแค่นหัวเราะดั่งกำลังขบขันจากลำคอของชายที่นางรัก ชายหนุ่มค่อยๆ แกะแขนเล็กบอบบางที่โอบกอดตนเองออกอย่างไม่ใส่ใจ ทว่าท่าทีเฉยชาเช่นนั้นทำให้หลิงกวางรู้สึกขมปร่าไปทั้งลำคอ
หัวใจของนางดั่งถูกฉีกทึ้งลงไม่เหลือชิ้นดี นางก้มหน้าเพียงน้อยพยายามซ่อนความเศร้าเสียใจเอาไว้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแสร้งทำหน้าใสซื่อดั่งเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา
“ความรักเป็นเรื่องของคนอ่อนแอ”
เขาตอบพลางเดินไปหยิบม้วนเอกสารและตราประทับบนโต๊ะ
“แล้ว...ท่านแม่ทัพรักคุณหนูลั่วหรือไม่เจ้าคะ”
สาวใช้เว่ยเอ่ยถามออกไปอีกครา คนตัวโตที่กำลังก้าวออกจากเรือนนอนถึงกับชะงักปลายเท้า เขาตอบโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองสาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยซ้ำไป
“เจ้าเห็นข้าอ่อนแอถึงขนาดสนใจเรื่องความรักงั้นหรือ ข้าไม่คิดรักใครทั้งนั้น ไร้สาระ!”
สะบัดเสียงห้วนก่อนจะเดินจากไปอย่างไร้เยื่อใย ทิ้งให้เว่ยหลิงกวางยืนนิ่งอยู่กลางห้องนอนกว้างโอ่อ่าเพียงลำพัง นางค่อยๆ ทรุดกายลงบนพื้นเย็นเยียบ หัวใจปวดแปลบดั่งกำลังจะแตกสลาย หยาดน้ำตามากมายหลั่งรินออกมาราวกับทำนบกั้นน้ำที่พังทลาย
“ข้ารู้ว่าท่านไร้หัวใจ แต่ข้าก็ยังโง่ที่จะคาดหวัง และนี่คือรางวัลของคนโง่เช่นข้าที่ปล่อยให้ตัวเองจมจ่อมไปกับความรักที่ไม่มีวันสมปรารถนา”
มือเล็กวางลงบนหน้าท้องที่แบนราบ มือของนางสั่นอย่างไม่อาจควบคุม ไหล่เล็กห่อลู่ลงน้อยๆ
“ลูกแม่... เจ้าและแม่อยู่ไปก็รังแต่จะเป็นตัวเกะกะในชีวิตของพ่อเจ้า ดังนั้นเราแม่ลูกออกไปจากที่นี่กันเถอะนะ”
หลิงกวางไม่อาจปล่อยให้ตนเองท้องโตขึ้นในจวนสกุลอู่ เพราะฤดูใบไม้ผลิที่กำลังมาเยือน จวนแห่งนี้จะมีงานมงคลสมรสระหว่างแม่ทัพอู่หยางเถาและคุณหนูลั่วเจียวฝาง หากเรื่องนี้รู้ถึงหูคุณหนูลั่วนางคงถูกทำให้แท้งบุตรด้วยวิธีที่โหดเหี้ยมเป็นแน่
ขนาดนางเป็นแค่สาวใช้อุ่นเตียงของท่านแม่ทัพ นางยังถูกทำร้ายร่างกายบ่อยครั้ง หากคุณหนูลั่วรู้ว่านางท้องคงตรงเข้ามาฉีกอกนางอย่างแน่นอน
ใช่แล้ว...
ทันทีที่ท่านแม่ทัพไม่อยู่คุณหนูลั่วจะเดินทางมาตบตีทำร้ายร่างกายนางด้วยตนเอง โดยมีสาวใช้ในจวนสมรู้ร่วมคิดช่วยกันจับนางขังเอาไว้ จากนั้นจึงเรียกหมอให้มารักษาอาการบาดเจ็บของนางให้หายขาดก่อนที่แม่ทัพจะกลับมา
โดยคุณหนูลั่วจะเน้นตบตีให้เพียงฟกช้ำดำเขียว แต่ไม่ทำให้เกิดเป็นรอยแผลเป็นตามร่างกาย แม่ทัพอู่จึงไม่เคยระแคะระคายสงสัย
เป็นเช่นนี้มาตลอดสามปี…
จนกระทั่งครั้งล่าสุด เว่ยหลิงกวางพยายามหนีจนล้มลงศีรษะกระแทกกับขอบบ่อน้ำ และนั่นทำให้นางสลบไปถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน เป็นการหลับฝันที่แสนยาวนาน ล่องลอยไปยังที่ที่ไกลแสนไกล หวนระลึกไปถึงชาติก่อน ชาติที่มีนางอีกคนดำเนินชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย
ได้เห็นว่าตนเองมีชีวิตอยู่ในยุคสมัยแห่งความเท่าเทียม ยุคสมัยที่ไม่มีชนชั้นบรรดาศักดิ์ ทุกคนคือ ‘มนุษย์’ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะพัฒนาตัวเองและไต่เต้าขึ้นไปมั่งคั่งหากมีความสามารถและความขยันหมั่นเพียร
สตรีวัยสาวไม่ต้องพึ่งพาบุรุษ สตรีวัยชราไม่ต้องพึ่งพาบุตรชาย สตรีในยุคสมัยนั้นพึ่งพาตนเอง แข็งแกร่ง เด็ดเดี่ยว และมีความคิดความอ่านที่เฉลียวฉลาด
การหลับฝันครั้งนั้นนอกจากทำให้เว่ยหลิงกวางระลึกชาติได้แล้ว นางยังได้รู้อีกว่าชาตินี้นางมาเกิดในนิยายแนวดาร์กอิโรติกที่เน้นขายฉากเอ็นซีวาบหวิว เรื่อง ‘แม่ทัพไร้ใจ’ เรื่องราวของแม่ทัพหนุ่มที่เติบโตมาโดยปราศจากความรัก
หลังจากมารดาผู้ให้กำเนิดสิ้นชีวิตอู่หยางเถาก็ถูกขังไว้ในหอคอยตั้งแต่สามขวบ เพราะเขาคือบุตรซึ่งเกิดจากอนุภรรยาที่ภรรยาเอกเกลียดชัง
ในคอหอยมืดทึบนั้นเขามักจะถูกฮูหยินอู่ทุบตีระบายอารมณ์อยู่เสมอๆ ถูกขังราวกับสัตว์ร้ายไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน จนเมื่อเขาอายุได้เก้าขวบเขาก็ฆ่าผู้คุมแล้วแหกที่คุมขังหนีออกมา
และคนต่อมาที่เขาลงมือสังหารอย่างเหี้ยมโหดก็คือฮูหยินอู่และสาวใช้คนสนิทของฮูหยินที่มักช่วยกันทรมานเขาอย่างสนุกสนาน
เรื่องนี้ถูกเก็บเงียบไม่แพร่งพรายออกไปภายนอกให้ฉาวโฉ่ บ่าวไพร่ที่รู้เห็นเหตุการณ์ล้วนถูกประมุขอู่ฆ่าปิดปากทั้งหมด จากนั้นเขาก็เลี้ยงดูบุตรชายคนนี้ให้เท่าเทียมกับบุตรชายคนอื่นๆ นั่นเพราะประมุขอู่ถูกใจในแววตาอาฆาตที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานของบุตรชายที่เขาคิดว่าเป็นตัวไร้ประโยชน์เพราะเกิดจากอนุภรรยาที่เป็นหญิงต่ำต้อย จึงได้ปล่อยให้ฮูหยินรังแกโดยไม่แยแส
อู่หยางเถาเติบโตขึ้นมาจากความบิดเบี้ยวในครอบครัวที่ใช้ความรุนแรง กระนั้นเขากลับเป็นอัจฉริยะทางด้านการต่อสู้ เมื่อเขาสร้างผลงานจนได้รับตำแหน่งแม่ทัพตั้งแต่อายุยี่สิบปี บิดาที่เวลานั้นแก่ชรามากแล้วก็มอบสกุลอู่ให้เขาขึ้นปกครอง