บท
ตั้งค่า

ยั่วยวน ที่ 1(2) แม่พันธุ์ตั้งครรภ์ทายาทสกุลโจว

“ละ...แล้วถ้าหากข้าไม่ตั้งครรภ์เล่าเจ้าคะ”

เชียงอิงย้อนถามว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นหากนางไม่ตั้งครรภ์ตามที่ฮูหยินโจวต้องการ ซึ่งสาเหตุอาจจะมาจากนางหรือมาจากคุณชายโจวก็ย่อมเป็นไปได้ทั้งนั้น

“อย่าได้กังวลไปเลยอายุสัญญาจะมีผลเพียงหนึ่งปีเท่านั้น ระหว่างนี้ภายในครึ่งปีแรกหากเจ้าไม่ตั้งครรภ์ ข้าจะจัดหาอนุภรรยาคนใหม่ให้กับบุตรชายของข้า โดยเจ้ายังมีโอกาสทำหน้าที่ต่อไปอีกหกเดือนในฐานะภรรยาเอก

หากครึ่งปีหลังจากนั้นเจ้ายังไม่ตั้งครรภ์ เจ้าก็จะพ้นจากสัญญา ทำการหย่าขาดกับบุตรชายข้า และกลับไปใช้ชีวิตตามเดิม โดยที่เงินห้าสิบตำลึงทองที่ให้ไปแล้วในวันนี้นั้นจะไม่มีการเรียกคืนอย่างแน่นอน”

หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ อย่างครุ่นคิด สัญญาไม่ได้เอารัดเอาเปรียบ ออกจะสบายกว่าการไปเป็นหญิงคณิกาด้วยซ้ำไป นางก็แค่ต้องอดทนทำหน้าที่ภรรยาให้ผ่านพ้นหนึ่งปี

แม้จะรู้สึกเห็นใจสงสารคุณชายโจว แต่เมื่อได้ยินว่าฮูหยินโจวพร้อมจะจัดหาภรรยาคนใหม่มาให้บุตรชาย ก็ทำให้นางตระหนักได้ว่านี่เป็นชะตากรรมที่คุณชายโจวต้องเผชิญ ต่อให้ไม่ใช่นางก็ต้องเป็นสตรีคนอื่นๆ อยู่ดี

“ข้าตกลงเจ้าค่ะ”

เชียงอิงรู้สึกถึงความเค็มปะแล่มของน้ำตาที่ไหลผ่านลำคอแต่กลับไม่ไหลออกจากดวงตา นางไม่มีทางเลือก อย่างน้อยๆ การเป็น ‘แม่พันธุ์’ ย่อมดีกว่าการเป็น ‘หญิงคณิกา’

นางคงทนไม่ได้ที่ต้องเห็นสายตาผิดหวังและเสียใจของน้องๆ ที่นางรัก สู้ให้ไม่รู้ไม่เห็นว่านางหาเงินมาได้ด้วยวิธีใดคงเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้ว

“เจ้าตัดสินใจถูกแล้ว”

ฮูหยินโจวยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี เมื่อแผนทุกอย่างกำลังดำเนินไปอย่างที่นางต้องการ เหลือบตามองพ่อบ้านที่กำลังจัดแจงให้แม่พันธุ์ลงลายมือชื่อและลายนิ้วมือลงในเอกสารสัญญา

เพียงเท่านี้สกุลโจวก็จะอยู่ในเงื้อมมือของนางดังที่ควรจะเป็น นางจะเป็นคนเลี้ยงดูฟูมฟักทายาทสกุลโจวที่กำลังจะถือกำเนิดขึ้นมาด้วยตัวของนางเอง เพื่อที่จะล้างสมองให้เทิดทูนบูชานางซึ่งเป็นท่านย่าเหนือชีวิตตั้งแต่เพิ่งลืมตาดูโลก

“ท่านพี่กลับมาแล้ว!”

น้องสามเด็กหญิงวัยสิบปีรีบเดินออกจากเล้าไก่แล้ววิ่งไปหาพี่สาวด้วยความดีใจ ในขณะที่น้องสองกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารเย็นจนใบหน้ามันแผล็บ

ส่วนน้องสี่น้องชายคนเล็กนั้นแม้ร่างกายจะอ่อนแอ แต่กระนั้นยังไม่ยอมอยู่เฉย ใช้เวลาว่างช่วยพี่สาวสานตะกร้าจากไม้ไผ่เพื่อนำไปขายในตลาดเป็นรายได้อีกทาง

หวางเชียงอิงตื้อในคอราวกับมีก้อนแข็งๆ จุกแน่น ดวงตากลมโตรื้นไปด้วยหยาดน้ำใส ยิ่งน้องๆ เป็นเด็กดีมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งอยากให้เด็กทั้งสามมีความสุข นางในฐานะพี่สาวคนโตเป็นตัวแทนของบิดามารดาจะต้องทำทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร ขอเพียงน้องๆ ได้มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าก็เพียงพอแล้ว

“อะ...นั่นใครเดินตามหลังท่านพี่มา”

“นี่คือท่านหมอจะมารักษาอาการของเสี่ยวต้า”

หวางเชียงอิงได้นำตำลึงทองสี่สิบหกก้อนไปฝากไว้ที่สำนักธนาทรัพย์เพราะพวกนางเป็นเพียงสตรีและเด็กไม่อาจปกป้องเงินทองได้หากนำมาเก็บไว้ที่จวนแสนทรุดโทรมแห่งนี้

นางเหลือไว้ใช้เพียงสี่ตำลึงทองโดยแบ่งเป็นสองตำลึงทองสำหรับค่ายา และอีกสองตำลึงทองสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายทั่วไปซึ่งน่าจะใช้ได้นานราวๆ สี่ถึงห้าเดือนเลยทีเดียว เพราะปกติพวกนางใช้จ่ายอย่างประหยัด เน้นการพึ่งพาตนเอง ปลูกผัก เลี้ยงไก่ไข่ เอาไว้รับประทานเองโดยไม่ต้องซื้อหา หากมีไข่ไก่เหลือมากหน่อยก็นำไปแลกเป็นข้าวสารบ้าง เมล็ดธัญพืชต่างๆ บ้าง

“ทะ...ท่านหมอหรือเจ้าคะ เย้! น้องสี่จะได้รับการรักษาแล้ว”

เด็กหญิงวัยสิบปียังเด็กและไม่ประสากับโลกใบนี้นักถึงดีใจจนตัวโยน ทว่าน้องสองที่เริ่มโตเป็นสาวกลับมองพี่สาวคนโตด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล

“เชิญท่านหมอทางนี้เจ้าค่ะ”

เชียงอิงหลบสายตาน้องคนรอง ก่อนจะพาท่านหมอไปตรวจรักษาอาการของน้องชาย ซึ่งหมอคนนี้คือหมอมากฝีมือที่หัวหน้าสาวใช้เป็นคนแนะนำมานั่นเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel