บทที่ 3 เพื่อนรู้ใจ
"เค กินข้าวเสร็จแล้วขับรถไปส่งม่านฟ้าที่บ้านด้วยนะ" โซเฟียย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นคนทั้งคู่กำลังเดินผ่านห้องนั่งเล่นพอดี
"ไม่เป็นไรค่ะคุณน้า ม่านขับรถมา เดี๋ยวม่านวนมาส่งเคที่นี่เอง"
"ได้ไงกัน ให้เจ้าเคไปส่งนั่นแหละ"
"เอ้าแม่! แล้วผมจะกลับบ้านยังไง" ลูกชายร่างสูงมุ่ยหน้ากลอกสายตา รับรู้ถึงแผนการของมารดาได้ทันที
"แล้วแกจะปล่อยหนูม่านขับรถกลับคนเดียวได้ไง แกเป็นผู้ชาย ขากลับก็นั่งแท็กซี่กลับบ้านได้"
"นี่ผมใช่ลูกแม่ไหมเนี่ย" คาเตอร์บ่นอุบออกมาเบา ๆ ทำให้เธอต้องช่วยรับหน้าพูดแทน เพื่อให้หญิงสูงวัยกว่ายอมปล่อยพวกเธอออกไปกินข้าวเสียที
"เอาแบบนี้ไหมคะ ถ้ากลับกันไม่ดึกมากเดี๋ยวม่านขับกลับเอง แต่ถ้าดึกค่อยให้เคไปส่งหนู"
"เอางั้นก็ได้จ้ะ...เข้าใจไหมเค ถ้าดึกลูกต้องไปส่งหนูม่านนะ"
"เฮ้ออออ~ ครับ ๆ ปล่อยผมไปสักทีเถอะ"
ไม่อยู่รอฟังมารดาบ่นอะไรต่อ ชายหนุ่มก็ใช้ท่อนแขนกำยำโอบรอบคอเพื่อนสนิทแล้วลากคอเธอออกมาจากบ้านทันที
"เบื่อว่ะ แม่กูพูดเยอะฉิบ รอบหน้าไม่ต้องโผล่มาบ้านกูแล้วนะ นัดเจอข้างนอกเลย" ร่างสูงระบายลมหายใจ เหนื่อยหน่ายเหลือเกินเวลาที่ม่านฟ้ามาบ้าน เพราะเขาก็มักจะถูกมารดายัดเยียดให้ทำนู่นทำนี่เพื่อดูแลเธอแบบเกินเหตุ
"เออ ๆ ก็โทรหามึงแล้วไม่ตื่นอะ"
"กว่าบอลจะจบก็ตีสี่แล้ว มึงนั่นแหละ แหกตาตื่นมาทำไมแต่เช้า"
"ก็ทีมมึงแพ้อะ กูมาทวงข้าวผิดตรงไหน"
เมื่อคืนเขากับม่านฟ้าถือสายนั่งดูบอลด้วยกัน จึงเกิดการพนันท้าทายเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนที่ผลสุดท้ายทีมในดวงใจจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เจ็บใจไม่พอยังต้องเสียเงินเลี้ยงข้าวเพื่อนสาวอีก
เธอล้วงกุญแจรถยุโรปสีขาวคันหรูของตัวเองส่งให้คาเตอร์ทำหน้าที่คนขับตามปกติ ปัดท่อนแขนหนาออกจากบ่าแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับแทน
ห้างหรูใจกลางเมือง
"จะกินร้านไหน" ชายหนุ่มถามขึ้นขณะทั้งคู่เดินเคียงข้างกัน สายตาคมมองซ้ายมองขวาดูสินค้าแบรนด์เนมผ่านตู้โชว์ด้วยความสนใจ
สาว ๆ หลายคนที่เดินจับกลุ่มผ่านไปมา ต่างพยายามส่งสายตา ยกยิ้มให้หนุ่มหล่อหน้าใสท่าทางเชื้อเชิญ ไม่เกรงใจหญิงสาวแต่งตัวแปลก ๆ ที่มาด้วยกันแม้แต่น้อย แต่ม่านฟ้าก็เลือกที่จะไม่สนใจเหมือนทุกครั้ง
"อยากกินชาบู มีร้านเปิดใหม่ อยู่ชั้นบน"
"อีกแล้ว กูเพิ่งสระผมมา ร้านอื่นดิ๊ ไม่อยากหัวเหม็น"
"ทีมกากไม่มีสิทธิ์บ่น" เธอตัดจบเมื่อคาเตอร์ทำท่าจะงอแง พร้อมพ่นลมหายใจออกมากับความเวอร์ของเพื่อน เพราะขนาดตนเองเป็นผู้หญิงแท้ ๆ ยังสำอางไม่ได้ครึ่งของเขาเลย
เมื่อเดินขึ้นมาจนถึงชั้นเป้าหมายคนที่ไม่ได้อยากกินชาบูแต่แรกก็ต้องยิ่งหน้าบึ้ง เมื่อเห็นจำนวนคนที่ต่อคิวอยู่หน้าร้าน
"ไม่ได้แดกอะวันนี้ ไม่เปลี่ยนร้านจริงดิ"
"อยากกินอะ" ม่านฟ้าหน้าจ๋อยมองแถวยาวเหยียดตาละห้อย แม้จะหิวจนตาลายแต่ตนดูรีวิวรอตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว จึงไม่อยากเปลี่ยนร้าน
"เออ ๆ ตามใจ ไปจองคิวไป เดี๋ยวเดินเล่นรอก็ได้"
"เย่~ ขอบคุณค่า"
ริมฝีปากกระจับสีแดงระเรื่อคลี่ยิ้มกว้าง ดวงตาสดใสเป็นประกายทำให้ชายหนุ่มหลายคนที่นั่งรอหน้าร้านแอบสะกิดกันให้หันมามองเธอ ผิดกับคาเตอร์ที่ดูเมินเฉยเหลือเกินกับท่าทางน่ารักนี้ แต่กลับใช้ท่อนแขนพาดบ่าเล็กแสดงความสนิทสนมแทน
พวกเธอรับคิวแล้วไปเดินเล่นรออยู่นาน เมื่อใกล้ถึงเวลาม่านฟ้าก็ขอแยกไปเข้าห้องน้ำ แต่เมื่อกลับมาถึงหน้าร้านอีกครั้งก็พบว่าคิวของตัวเองผ่านไปแล้ว และก็ไม่พบชายหนุ่มอยู่แถวนั้นจึงคิดว่าเขาคงรับคิวแทนแล้ว
เท้าเล็ก ๆ เดินตรงเข้าไปแจ้งกับพนักงานแล้วจึงเดินเข้าหาชายหนุ่มด้านใน
"เอ้า! ไม่แยกหม้อวะ" เธอบ่นอุบออกมาเมื่อเห็นบนโต๊ะมีหม้อน้ำซุปอยู่เพียงหม้อเดียว
"กิน ๆ ด้วยกันนี่แหละ"
"แต่กูไม่กินเนื้อไง" ม่านฟ้าว่าพร้อมทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม
เนื่องจากทั้งคู่สนิทสนมกันมานาน จึงรู้ถึงนิสัยความชอบไม่ชอบกันเป็นอย่างดี และปกติคาเตอร์ก็จะกินแต่เนื้อวัว ส่วนเธอเน้นไปที่หมูและปลาเป็นหลัก ที่ผ่านมาจึงมักจะสั่งแยกกันตลอด
"ก็ไม่ได้จะกินเนื้อไงวันนี้ ของที่มึงชอบกูสั่งมาให้แล้ว"
"หูยยยย น่ารักว่ะ...สั่งน้ำให้ยัง"
"น้ำพั้นซ์เหมือนเดิม" ชายหนุ่มกอดอกเอนพิงพนักที่นั่งตัวเองตอบกลับอย่างรู้ใจ ทำให้ม่านฟ้ายิ้มกว้าง
หากถามว่าใครคือคนที่รู้จักเธอดีที่สุด เธอจะตอบอย่างไม่ต้องคิดเลยว่าคือคาเตอร์ เขารู้จักเธอดียิ่งกว่าพ่อแม่หรือแม้กระทั่งตัวเองเธอด้วยซ้ำ
ทั้งคู่เริ่มมาสนิทสนมกันก็ตอนอยู่ชั้นประถมสอง แต่ความจริงเธอรู้จักเขาตั้งแต่สมัยอนุบาล ไม่รู้ว่าโชคชะตาหรืออะไรกันแน่ที่ทำให้เธอต้องอยู่ห้องเดียวกับคาเตอร์หลายรอบมาก แม้จะมีการคละห้องทุกปี
ตอนประถมทั้งคู่ก็อยู่ด้วยกันถึงสี่รอบ ขึ้นมัธยมก็ดันมาเรียนที่เดียวกันอีก อยู่ด้วยกันอีกห้ารอบ และยังต้องวนมาเจอกันในมหาลัยอีกสี่ปีติด เพราะทั้งคู่เลือกมหาวิทยาลัยและคณะเดียวกัน
จึงกลายเป็นเพื่อนสนิทซี้ปึกกันโดยปริยาย แม้ต่างคนจะมีเพื่อนคนละกลุ่มกัน แต่ทุกคนก็ทราบกันดีถึงความสนิทสนมของทั้งคู่
คาเตอร์ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปหม้อชาบู โพสต์ลงในไอจีส่วนตัวอัปเดตชีวิตความเคลื่อนไหว โดยไม่ลืมตั้งแคปชันยั่ว ๆ อ่อยสาวตามสไตล์ แถมยังถ่ายติดข้อมือบาง ๆ ของสาวที่นั่งฝั่งตรงข้ามไปด้วย
K.Carter พาหมูมาเลี้ยงข้าว @Marn_Fah
Prerany : อิจฉา~ พรีก็อยากให้พี่เลี้ยงข้าวบ้างจัง
anggie : ถ่ายหน้าหล่อ ๆ ลงบ้างน้า จี้คิดถึง
Look_tan : คนนี้เพื่อนจริงเหรอคะ เห็นไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยมากเลย T^T
myme.mind : พายเรือคู่นี้มาหลายปีแล้วนะ เมื่อไหร่จะคบกันคะ
หลังจากลงรูปเพียงไม่นาน ทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ต่างก็เข้ามาถล่มคอมเมนต์เสียเจ้าตัวต้องกดออกจากแอปพลิเคชัน ซึ่งม่านฟ้าก็เหลือบดูโทรศัพท์ของตัวเองที่ขึ้นแจ้งเตือนเล็กน้อย แล้วก็ขมวดคิ้วมองกลับเคือง ๆ
"แอบถ่ายรูปกูอีกแล้วเหรอ"
"ทำไม กูถ่ายไม่ได้งั้นดิ" เขาเลิกคิ้วแสยะยิ้มร้ายก่อกวนอารมณ์ ทำหญิงสาวกลอกสายตาระอา
"หวังว่าจะไม่ใช่รูปทุเรศ ๆ นะ"
"ก็ไม่แย่กว่าปกติเท่าไรหรอกน่า"
"ไอ้เค!" เธอแว้ดกลับเสียงเข้ม ปากกระจับบูดบึ้งดูน่ามันเขี้ยวมากกว่าจะน่ากลัว คาเตอร์แอบอยากเอื้อมมือไปหยิกแก้มเนียนใสให้ช้ำจริง ๆ
"ติดแค่มือโว้ย โวยวายเยอะจริง"
"ชิ ให้มันจริง มึงอะชอบแกล้งกูตลอด ทำกูหลอนไปหมดแล้ว"
ม่านฟ้าพ่นลมออกจมูกแล้วหันกลับมาสนใจหม้อเดือด ปุด ๆ ตรงหน้าอีกครั้ง
"เออ ไอ้วิคเตอร์จะหมั้นแล้วนะ อีกสามอาทิตย์" คาเตอร์เอ่ยขึ้นมาขณะหญิงสาวกำลังคีบเนื้อปลาใส่หม้อ
"เฮ้ย! ถามจริง พี่เขายอมเหรอ เห็นมึงเล่าให้ฟังตลอดว่าพี่วิคเตอร์ค้านหัวชนฝา"
"หึ มึงก็รู้จักแม่กูดี มีอะไรที่อยากได้แล้วจะไม่ได้บ้าง คนเป็นลูกก็ได้แต่ก้มหน้าทำตาม"
จะเรียกว่านินทามารดาก็ได้ แต่นิสัยชอบบงการของคนเป็นแม่ก็ทำเขาเหนื่อยใจไม่น้อย ก่อนจะตวัดสายตามามองทางเพื่อนสนิทด้วยสายตาแปลก ๆ
"รู้ใช่ไหมว่าแม่กูเล็งมึงอยู่"
"เออ ก็พอรู้"
"เฮ้ออออ~ ช่วงนี้ไม่ต้องโผล่ไปบ้านกูเชียว อย่าไปทำให้แม่กูมีหวัง งั้นกูกับมึงได้แต่งกันเป็นรายต่อไปแน่"
"โอ๊ยขนลุก! ไม่ได้ไหม รู้สึกเหมือนผิดผียังไงไม่รู้" เธอเบ้หน้า แค่คิดภาพว่าต้องถูกจับแต่งงานกับเพื่อนสนิทก็ทำขนในกายเธอลุกวาบ
"เออไง เราแม่งเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก แก้ผ้าอาบน้ำกันมากี่รอบ ความสนิทมันเกินกว่าจะมาคบกันได้แล้ว ไม่เข้าใจทำไมผู้ใหญ่ไม่เข้าใจเรื่องนี้สักที" คาเตอร์บ่นอุบ เพราะทุกครั้งที่กลับบ้านเรื่องของม่านฟ้าก็จะเป็นประเด็นให้เขาอึดอัดเสมอ
ซึ่งของเธอก็ไม่ต่างกัน ถูกจันเจ้าผู้เป็นมารดาคาดคั้นตลอด ยิ่งทั้งคู่สนิทกันมาก ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจึงต่างคาดหวังว่าจะพัฒนาความสัมพันธ์ได้มากกว่านี้ และทั้งสองครอบครัวก็ยังจะได้รับผลประโยชน์ทางธุรกิจอีกหากได้ดองกันจริง ๆ
"งั้นมึงควรเลิกลอยไปลอยมาเป็นผีไม่มีศาล แล้วหาแฟนจริง ๆ คบสักที"
"ไม่เอาอะ"
"นี่ไง! เพราะแบบนี้แม่พวกเราถึงไม่ปล่อยวาง" ตะเกียบในมือบางชี้ตรงไปที่หน้าเพื่อนสนิท เพราะเขาก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้สองครอบครัวมีหวัง
"ของงี้บังคับกันได้เหรอวะ"
"แล้วพวกสาว ๆ เป็นล้านในสต็อกของมึงนี่ จะเก็บไว้ทำไม ถ้าไม่ชอบจนอยากคบจริงจัง"
"ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ แต่กูก็แค่เอาเล่น ๆ อะ พอเจอคนถูกใจจะเริ่มคุยกันจริง ๆ ก็งี่เง่า วุ่นวาย อยากให้ทำนู่นทำนี่ให้ แค่ถูกแม่บังคับมาตลอดชีวิตก็พอแล้ว ไม่อยากโดนเมียบังคับอีก"
"เอดส์แดกแน่มึงอะ สำส่อนมัวไม่เลือก" ม่านฟ้าพ่นลมหายใจออกมากับพฤติกรรมเจ้าชู้ของเพื่อนสนิท
"โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าถุงยางนะ เผื่อสาวซิงแบบมึงจะไม่รู้จัก"
มุมปากหนากระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมชะโงกหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายเพื่อล้อเลียน
"งั้นมึงหาแฟนให้กูสักคนดิ เผื่อบ้านเราทั้งคู่จะได้เลิกจับคู่สักที"
"ใครมันจะไปเอามึ้ง!" คาเตอร์หัวเราะร่าเสียงดัง พร้อมไล่สายตามองการแต่งตัวแปลกประหลาดของเพื่อนสนิทอย่างดูแคลน "หัดแต่งตัวดี ๆ ให้เป็นก่อนเถอะมึงอะ"
"ปากเสียว่ะ กูมองตัวเองในกระจกก็รู้สึกว่าหน้าตากูไม่ได้แย่ขนาดนั้น แต่ทำไมไม่มีผู้ชายมาจีบสักคน"
ร่างเล็กพ่นลมหายใจออกมา ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากมีแฟน แต่ก็นึกสาเหตุที่ทำให้ไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าเข้ามาจีบไม่ออก แม้ต้นเหตุของปัญหาจะนั่งหัวโด่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ตาม
"สวยคนเดียวในโลกจินตนาการอะสิ ออกจากบ้านไม่คิดจะเขียนคิ้ว ทาปาก แต่งตัวให้เป็นผู้เป็นคนกับเขาบ้าง"
แม้ม่านฟ้าจะเรียกได้ว่าเป็นสาวสวยหน้าตาดีมากคนหนึ่ง แต่เมื่อยืนเทียบกับผู้หญิงอื่นที่ทั้งผ่านมีดหมอและเครื่องสำอางก็ทำให้เธอดูจืดชืดและไม่น่าค้นหาเลยสำหรับหนุ่มเพลย์บอยที่เจอผู้หญิงสวยมาหลายร้อยคน
"แม่งผู้ชายมันไม่มีตา"
"หึ ๆ ...เอ้าไม่ร้อง แดกผักเยอะ ๆ จะได้ฉลาดบ้าง" ชายหนุ่มกระตุกยิ้มพร้อมคีบผักในหม้อใส่จานให้คนตัวเล็กท่าทางเอาใจ แต่เหมือนการตบหัวแล้วลูบหลังมากกว่า
"กูก็ไม่ได้โง่ปะ!"
"แต่มึงมันบื้อ! อย่างมึงอะไม่ต้องมีหรอกแฟน มึน ๆ อึน ๆ แบบนี้ จะไปตามพวกผู้ชายเจ้าเล่ห์ทันที่ไหน"
"เศร้า สรุปกูจะจบมหาลัยโดยไม่มีแฟนสักคนเนี่ยนะ กูเคยเป็นดาวคณะนะโว้ย"
"มันจับฉลากเอา เลิกมั่นหน้าได้ละ ถ้าแข่งกันจริง ๆ คิดว่าผู้หญิงหน้าตาแบบมึงจะได้ตำแหน่งหรือไง"
คาเตอร์ยังไม่หยุดพูดจาตัดกำลังใจและความมั่นใจเพื่อนสนิทที่มีอยู่น้อยนิดให้หมดไป ทำให้ม่านฟ้าห่อเหี่ยวจิตใจเหลือเกิน ร่างเล็กงุ้มไหล่ท่าทางปลงตก คีบผักต้มเข้าปากอย่างเซ็ง ๆ ในขณะที่ชายหนุ่มอีกคนอารมณ์ดีเกินกว่าเหตุ