บทที่ 2 เพื่อนสนิท
1 เดือนก่อนหน้า
ม่านฟ้าหญิงสาวหน้าตาสวยคมจอดรถยังหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ของเพื่อนสนิท เรียวขาเรียวยาวซ่อนอยู่ใต้กางเกงยีนตัวใหญ่หลวมโครกก้าวลงมาจากรถยนต์ส่วนตัว หันไปส่งยิ้มทักทายลุงคนสวนอย่างเป็นมิตรเช่นทุกครั้ง
มือข้างหนึ่งถือถุงคุกกี้ที่มารดาฝากมาให้ 'โซเฟีย' แม่ของเพื่อนสนิทได้ลองกิน หญิงสาวเดินเข้าไปในตัวคฤหาสน์ราวกับมันเป็นบ้านอีกหลังของเธอ
ดวงตากลมโตมองซ้ายมองขวาไปเรื่อย ก่อนจะพบคนที่กำลังตามหานั่งอ่านนิตยสารอยู่ในห้องนั่งเล่นใหญ่กลางบ้าน
"คุณน้าสวัสดีค่ะ"
เสียงใสเอ่ยทักขึ้น ทำให้นายหญิงของบ้านละสายตาจากหนังสือในมือ ก่อนจะส่งยิ้มเอ็นดูให้เมื่อพบหน้าสวย ๆ ของเพื่อนสนิทลูกชาย
"หนูม่าน ไม่เจอกันนานเลย สบายดีไหมลูก"
"สบายดีค่ะ...อันนี้คุณแม่ฝากมาให้ลองชิมดูค่ะ ท่านเพิ่งลองทำสูตรใหม่" ว่าแล้วก็ยื่นถุงขนมในมือให้อีกฝ่าย
"ขอบใจมากเลยจ้า เดี๋ยวน้าโทรไปขอบคุณแกอีกที"
โซเฟียส่งยิ้มกลับ สายตาคมกริบราวกับนางพญามองลูกสะใภ้ที่ตนหมายมั่นมานานนับปีอย่างกระอักกระอ่วน เนื่องจากเธอทำธุรกิจเกี่ยวกับแบรนด์เสื้อผ้า รักแฟชั่นและความสวยงามเป็นพิเศษ จึงอดขัดตากับชุดแปลก ๆ ของม่านฟ้าไม่ได้สักที
ม่านฟ้าเป็นคนรูปร่างสูงโปร่งราวหนึ่งร้อยหกสิบเจ็ดเซนติเมตร ท่อนขาเรียวยาวไม่ต่างจากนางแบบ ใบหน้าสวยจัดมีเสน่ห์เย้ายวนบวกกับรอยยิ้มหวาน ๆ เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนยาวจรดสะโพกตรงสลวย ยิ่งทำให้เป็นเธอควรเป็นสาวที่น่าหลงใหลไม่น้อย แต่สิ่งที่ทำให้มันดูไม่ดึงดูดเท่าที่ควร นั่นเพราะเธอรักสบายเหลือเกิน จนแทบจะไม่ยอมแต่งหน้าแต่งตัวแบบสาว ๆ ทั่วไป
อีกทั้งยังชอบห่อไหล่ เพื่อซ่อนหน้าอกหน้าใจแสนเย้ายวนและพยายามลดความสูงที่เกินมาตรฐานสาวไทย ทำให้บุคลิกเธอไม่ดีนัก
ใบหน้าใสมีเพียงครีมกันแดดและแป้งฝุ่นทาบาง ๆ เอาไว้เท่านั้น ผิวกายขาวละเอียดเหมือนน้ำนมก็มักถูกชุดตัวใหญ่ปิดบังเอาไว้ แถมแต่ละชุดที่สวมก็ไม่ได้เข้ากันสักนิด
โซเฟียถึงขนาดเคยส่งเสื้อผ้าแบรนด์ตัวเองไปให้เพื่อนลูกชาย แต่ผลสุดท้ายก็เหมือนเดิม ม่านฟ้ายังคงเอาแต่ใส่เสื้อยืดตัวใหญ่ ๆ หลวม ๆ ที่คนสูงวัยกว่าเห็นมาตั้งแต่สมัยมัธยม คู่กับกางเกงผ้าบ้าง กางเกงยีนบ้าง ไม่ต่างจากชุดไว้นอนเล่นอยู่บ้าน จนไม่เหลือคราบราศีลูกสาวเจ้าสัวใหญ่แม้แต่น้อย
"เคยังนอนอยู่ใช่ไหมคะ"
"ใช่จ้ะ จะออกไปข้างนอกกันเหรอ"
"ค่ะ เมื่อวานมันแพ้พนันบอล หนูเลยจะให้มันพาไปเลี้ยงข้าว"
"เอาเถอะจ้ะ ถ้ากลับกันดึกก็ให้เจ้าเคขับไปส่งที่บ้านนะม่าน"
"ได้ค่ะ งั้นหนูขอขึ้นไปปลุกมันก่อนนะคะคุณน้า"
"จ้ะ ตามสบายเลยลูก"
โซเฟียได้แต่ถอดถอนใจมองตามแผ่นหลังของหญิงสาวอย่างนึกเสียดาย เพราะไม่ว่าผ่านมากี่ปี ความสัมพันธ์เด็กทั้งสองก็เหมือนจะไม่ขยับไปไหนเสียที
ม่านฟ้าถือวิสาสะเปิดประตูห้องนอนส่วนตัวของเพื่อนสนิทหลังได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของบ้าน หรือต่อให้ไม่ขอใครเธอก็มักเปิดพรวดเข้ามาแบบนี้เสมออยู่ดี
ห้องนอนกว้างตกแต่งในสไตล์ยุโรปเช่นเดียวกับตัวบ้าน ทั้งห้องตกอยู่ในความมืดแม้ตอนนี้จะเป็นเวลาสิบเอ็ดโมงกว่าแล้วก็ตาม เธอเดินผ่านกองเสื้อผ้าที่เจ้าของห้องถอดทิ้งไว้ตามพื้นตรงไปยังเตียงที่มีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่นอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราว
มุมปากกระจับเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเขา ก่อนจะกระโดดทิ้งตัวทับเพื่อนสนิทเต็มแรง พร้อมตะโกนเสียงดังลั่น
"ไอ้เคตื่นโว้ย!"
"เฮ้ย! เชี่ยไรวะ" คนที่กำลังหลับสบายสะดุ้งโหยงตกใจตื่น สบถออกมาเสียงดัง
"นี่! ตื่นได้แล้ว มึงนัดเลี้ยงข้าวกู ลืมแล้วเหรอไง" ม่านฟ้ายังคงไม่ลุก แถมคว้าหมอนอีกใบมาแกล้งฟาดใส่หน้าเพื่อนสนิทต่อ
"ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไปวันนี้สักหน่อย กูเพิ่งนอนไปตอนตีห้าเอง"
"ก็กูจะไปวันนี้! ตื่นได้แล้วโว้ย"
"ไอ้ม่านลุก! หนักเป็นช้างทับมาได้"
"กล้าว่ากูหนักเหรอ นี่แน่ะ!" เธอหยัดตัวขึ้นมานั่งคร่อม พร้อมระดมฟาดหมอนใส่คาเตอร์ไม่หยุด เขาทำได้เพียงยกมือขึ้นป้องกัน แอบหัวเสียเล็กน้อยที่ถูกขัดจังหวะการนอน
"ลุก! กูพูดจริง ไอ้เหี้ยกูโป๊อยู่" ชายหนุ่มถอนหายใจยาว ก่อนจะบอกความจริงให้เพื่อนสาวรับรู้ว่าใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ร่างกายเขาไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้น
"อี๋~ โตเป็นควายยังไม่เลิกแก้ผ้านอนอีกเหรอวะ"
"พูดมาก ลุกออกไปสักที ไปรอข้างล่างเลยไป!"
"ไม่เอาอะ มึงก็ไปแต่งตัวดิ เดี๋ยวกูนอนรอบนนี้แหละ" ม่านฟ้ายอมขยับตัวออกจากร่างคาเตอร์ที่ตนคร่อมไว้ ไปนอนเกลือกกลิ้งอยู่ข้างกายเขาแทน พร้อมคว้ามือถือในกระเป๋ากางเกงมากดเล่นรอ ทำตัวสบายราวกับเป็นห้องของตัวเอง
"แล้วจะอยู่ดูกูแก้ผ้าเหรอไง" เขาลุกขึ้นนั่งหันมาบ่นเธอด้วยท่าทางหงุดหงิด ทำให้ผ้าห่มผืนใหญ่ตกไปอยู่บริเวณช่วงเอว บดบังส่วนสงวนไว้อย่างหมิ่นเหม่
"หนอนเน่า ๆ ของมึงกูไม่สนใจหรอก"
"หึ! ปากดี ระวังรอบหน้าโดดพลาดแล้วหนอนกูจะทิ่มเข้าตัวมึงแล้วกัน"
"แหวะ! ขยะแขยง ไปเลยไป กูหิวแล้ว" หญิงสาวย่นจมูกทำหน้ารังเกียจพร้อมหันมาตีแขนล่ำ ๆ เมื่อเพื่อนรักพูดจาน่าขนลุกออกมา
"เฮ้ออออ~"
คาเตอร์ถอนหายใจยาวเหยียดแล้วขยี้ผมจนยุ่งเหยิง ก่อนจะกำผ้าห่มเอาไว้แน่น ไม่ให้มันร่นลงไปมากกว่านี้ ควานมือหากางเกงขาสั้นที่โยนทิ้งไว้ข้างเตียงมาสวมใต้ผ้าผืนใหญ่ โดยมีเพื่อนสาวคนสนิทนอนเล่นเกมอยู่ข้าง ๆ
เขาใช้เวลาอาบน้ำอยู่อีกครู่ใหญ่ก็พันผ้าขนหนูรอบเอวเดินออกมาแต่งตัวด้านนอก ร่างกายสูงใหญ่กำยำเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรเต็มไปด้วยมัดกล้ามแต่ก็ไม่ได้ล่ำจนดูน่ากลัวเหมือนคนพี่ หยดน้ำเกาะพราวทั่วผิว เส้นผมเปียกลู่ถูกเสยขึ้น เปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดที่ต้องการมาสวมตรงนั้นเลย ไม่ได้มีความรู้สึกอายเพื่อนสาวสุดมึนแม้แต่น้อย
ไฟและผ้าม่านถูกเปิดจนสว่าง ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังติดกระดุมเสื้อขมวดคิ้ว เดินเข้ามองไปยังร่างเพื่อนสนิทบนเตียงใกล้ ๆ
"ชุดเหี้ยอะไรของมึงม่าน"
เขาถามเสียงเข้มพลางไล่สำรวจการแต่งตัวของเธอให้ชัด ก็ได้แต่พ่นลมหายใจเพราะวันนี้ม่านฟ้าก็ยังแต่งตัวประหลาดเหมือนทุกวัน
ใช่ว่าคาเตอร์จะห่วงภาพลักษณ์อะไรมากมาย แต่เขาก็เป็นหนุ่มเจ้าสำอางไม่น้อย ค่อนข้างพิถีพิถันกับการแต่งตัวจึงเหนื่อยหน่ายใจเหลือเกินที่มีเพื่อนสนิทติดชิลขนาดนี้ ทุกครั้งจึงค่อนขอดการแต่งตัวเธออยู่เสมอ
คงเพราะม่านฟ้าไม่ชอบแต่งตัวแต่งหน้าตามแฟชั่นเหมือนสาวทั่วไป ทำให้เขาไม่เคยรู้สึกว่าเพื่อนสนิทตัวเองสวยมากแค่ไหน
"ก็ชุดปกติ มีปัญหาอะไรกับชุดกูนักหนา"
"ไหนบอกจะกินข้าวห้าง ถามจริงจะแต่งแบบนี้ไปเดินแน่เหรอ"
"ก็แต่งแบบนี้ตลอด"
"แม่มึงไม่ซื้อชุดดี ๆ ให้เหรอไง เสื้อตัวนี้มึงใส่ตั้งแต่ ม.3 แล้วไหม"
"ก็มันสบาย ผ้านิ่มดีออก" ม่านฟ้าหน้ามุ่ยเมื่อถูกบ่นเรื่องการแต่งตัวอีกแล้ว แต่เขาก็มักหาเรื่องติเตียนได้ตลอด พร้อมลุกขึ้นนั่งเตรียมตัวออกจากห้องเมื่อเข้าใจว่าคาเตอร์แต่งตัวใกล้เสร็จ
"มันจะขาดอยู่แล้วปะวะ! กูกราบละ ช่วยซื้อตัวใหม่สักที หรืออย่างน้อยก็ให้มันแมตช์กันหน่อย"
"ก็ไม่ชินนี่หว่า ใส่ตัวเดิมแหละสบายใจดี...ไป ๆ กูยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย"
"เฮ้ออออ~" ร่างสูงระบายลมหายใจอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับหญิงสาวแล้ว หันไปแต่งตัวต่อ
"แค่กินข้าวไอ้เค! จะแต่งหล่อเพื่อ?" หญิงสาวเท้าเอวถามอย่างไม่เข้าใจ นึกว่าจะได้ออกไปข้างนอกเสียที แต่คาเตอร์กลับเดินไปเป่าผม ตรวจเช็กการแต่งตัวหน้ากระจก เลือกนาฬิกาและอีกหลายอย่างไม่จบไม่สิ้นสักที
"ใครมันจะชิลได้เท่ามึงอีก ทำทุกที่เป็นบ้านของตัวเองไปหมด" ชายหนุ่มพูดขึ้นเบา ๆ สายตาคมกริบไล่มองนาฬิกาหรูที่ถูกเก็บสะสมในลิ้นชัก ก่อนจะเลือกนาฬิกาเรือนหนึ่งที่ราคาพอ ๆ กับรถญี่ปุ่นหนึ่งคันขึ้นมาสวม
"เคน้าาาา~ พอเถอะ กูหิวข้าวจริง ๆ"
"กลิ่นไหนดี" เขาไม่สนใจสีหน้าออดอ้อนของหญิงสาวพร้อมส่งขวดน้ำหอมสองกลิ่นในมือให้เธอลองดม
"แหวะ! ฉุนอะ" ม่านฟ้าเบ้หน้าเมื่อชะโงกเข้าไปดมขวดน้ำหอมใกล้ ๆ
"แล้วถ้าแบบนี้อะ" ชายหนุ่มตัดสินใจเลือกขวดหนึ่งขึ้นมาฉีดใส่เชิ้ตสีเทาที่สวมอยู่ พร้อมดึงหญิงสาวเข้าใกล้และกดศีรษะเธอซุกอกเพื่อดมกลิ่นเย้ายวนชัด ๆ
ม่านฟ้าไม่ได้ว่าอะไรกับการกระทำที่ดูถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ ปลายจมูกโด่งกดแนบแผงอกกว้างพลางสูดหายใจเข้าไป คิ้วบางขมวดเข้าหากัน
"ไม่แย่เท่าเมื่อกี้ แต่ก็ไม่ชอบอยู่ดี"
"รสนิยมมึงนี่มันไม่ได้เรื่อง สาว ๆ กูแต่ละคนหลงกลิ่นตัวกูฉิบหาย" เขาส่ายหัวแล้วปล่อยศีรษะเธอออกเป็นอิสระ
"ก็มึงสร้างภาพเก่งไง ลองพวกนั้นได้มาเจอห้องมึงดิ หึ! วิ่งป่าราบจ้า" แขนเรียวยกขึ้นกอดอกกระตุกยิ้มแซว กวาดตามองสภาพห้องเละเทะของเพื่อนสนิท แถมออกจะพูดเกินจริงไปเยอะ
คาเตอร์แม้จะดูเข้าถึงง่ายเปลี่ยนผู้หญิงเก่ง แต่เขาก็ค่อนข้างหวงความเป็นส่วนตัว จึงไม่เคยพาสาวไปห้องที่คอนโดส่วนตัวเด็ดขาด เลือกเปิดโรงแรมแทน ขนาดห้องยังไม่ค่อยจะยอมให้แม่บ้านเก็บ เพราะกลัวจะหาของไม่เจอ
"เกินไป แม่บ้านกูก็เข้ามาทำความสะอาดให้เถอะ"
"กองขยะมึงอะ ทิ้งบ้างจ้า สุมอะไรเยอะขนาดนั้น" นิ้วเรียวชี้ไปยังโต๊ะทำงานเต็มไปด้วยกองกระดาษเอกสาร สมุด หนังสือ และอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด แม้จะถูกจัดเรียงเอาไว้แต่มันก็ดูเยอะเกินความจำเป็นอยู่ดี
"ก็ชีตเรียนทั้งนั้น"
"กูก็เรียนกับมึง ไม่เยอะขนาดนี้ค่ะ...นี่ไม่รวมที่คอนโดอีกนะ ที่นั่นโคตรแย่ กูไปทียังกลัวงูฉก"
"บ่นมากก็ไปเก็บให้กู"
"เรื่องอะไร ไม่ใช่ห้องกูสักหน่อย"
คาเตอร์ส่ายหัวระอา ความจริงห้องเขาก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น แค่ของเยอะไปหน่อย ไม่ใช่ว่าสกปรก ต่อให้เป็นที่คอนโดก็มีจ้างคนเข้าไปทำความสะอาดอาทิตย์ละสองครั้ง แต่ก็ขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับเธอต่อ ขายาว ๆ เดินอ้อมหลังหญิงสาวที่สูงเกือบถึงคางเขา พร้อมวางมือบนไหล่บางและดันตัวเธอออกมาจากห้อง เป็นการปิดจบบทสนทนาเรื่องความสะอาดของห้องแต่เพียงเท่านี้