บทที่5
ยามอิ๋น(03.00-04.59น.) มู่หลินลุกเตรียมตัวเข้าป่าพร้อมบิดาและพี่ชาย มีเพียงท่านแม่ที่อยู่ดูแลบ้าน บุรุษบ้านหวังถามมู่หลินตลอดทางเดิน
"น้องเล็กไหวไหม" พี่ใหญ่
"น้องเล็กพักก่อนดีหรือไม่" พี่รอง
"หลินเออร์ ขึ้นหลังพ่อไหม" บิดา
"หลินเออร์..."
"น้องเล็ก..."
"..."มู่หลิน
ครั้งนี้เข้าป่ามาหลายคนจึงทำการวางกับดักนั้นเร็วยิ่งขึ้น พอเข้ายามซื่อ(09.00-10.49น.) บิดาจึงเดินหาที่นั่งพักบริเวณลำธารเพื่อพาบุตรชายหญิงกินอาหารเช้า อาหารที่พกมาก็เป็นพวกแผ่นแป้ง มู่หลินที่กินแผ่นแป้งไม่ลงเนื่องจากทุกวันที่ผ่านมาจะมีแต่แผ่นแป้งกับน้ำข้าวเท่านั้น เธอเดินไปสำรวจลำธารเพื่อมองหาลู่ทางในการจับปลา
พี่ชายทั้งสองเมื่อเห็นมู่หลินก้มหน้าทำอะไรที่ริมลำธารจึงเดินเข้าไปดูน้องสาวด้วยความเป็นห่วงกลัวน้องน้อยจะตกน้ำ(น้ำก็แค่เข่า)
"น้องเล็กเจ้าทำอันใด" พี่ใหญ่ที่เห็นน้องเล็กเอาก้อนหินมาวางล้อมเป็นหลุมด้วยความสงสัยจึงเอ่ยปากถามไป
"น้องกำลังทำหลุมดักปลา"
"ปลาว่ายเร็วเพียงนี้ จะเข้าหลุมที่เจ้าทำได้เช่นใด"
"อ๊ะ นะ นั่น น้องเล็กปลาเข้ามาแล้ว"พี่รองที่กำลังจะสอบถามมู่หลินตามแบบพี่ใหญ่ก็ต้องตกใจที่มีปลาหลูยวี(ปลากะพง) ตัวใหญ่อยู่ในหลุมที่มู่หลินล้อมไว้
มู่หลินไม่รอช้าจับปลาแล้วโยนขึ้นด้านบนให้พี่ใหญ่ช่วยทำให้ ส่วนตัวเธอเดินหาสมุนไพรดับกลิ่นคาว เธอเดินไปไม่ไกลก็เจอ หนิงเหมิงเฉ่า(ตะไคร้) เธอดึงขึ้นมากำมือก็รีบเดินกลับมาเพราะท้องที่เริ่มร้องประท้วงแล้ว
พี่ใหญ่ที่เตรียมปลาเสร็จแล้ว พี่รองที่กำลังก่อไฟ มองน้องเล็กอย่างมึนงง ว่ามู่หลินเอาหญ้ามาทำอะไร มู่หลินจึงอธิบายว่า มันไม่ได้เรียกว่าหญ้ามันคือ หนิงเหมิงเฉ่า ช่วยกำจัดกลิ่นคาวปลาได้ แล้วมู่หลินก็หันไปบอกพี่ใหญ่ให้ผ่าท้องปลาเอาไส้ออก แล้วยัดหนิงเหมิงเฉ่าเข้าไป จะทำให้ปลาไม่มีกลิ่นแล้วยังไม่มีรสชาติขมอีกด้วย
ทั้งสี่คนกินปลาตามแบบการย่างของมู่หลิน ทำให้พวกเขาดวงตาสว่างวาบขึ้นมาทันที่ เนื้อปลาที่ได้มีรสชาติหวาน ไม่ขม ไม่มีกลิ่นคาวแบบที่น้องเล็กบอกจริงๆ
"หลินเออร์ เจ้ารู้ได้อย่างไร หากทำเช่นนี้เนื้อปลาที่ได้จะไม่มีกลิ่นคาว เนื้อยังหวานอีกด้วย" บิดาถามขึ้นหลังจากที่กินปลาย่างหมดตัวแล้ว แต่พี่รองเหมือนยังไม่พอใจเดินไปจับปลาในหลุมมาทำการย่างใหม่แบบที่มู่หลินได้ทำ
"ขะ ข้า กลับถึงบ้านข้าขอเล่าพร้อมกับท่านแม่ได้หรือไม่ท่านพ่อ"มู่หลินเธอตัดสินใจจะเล่าแค่บางส่วนให้ครอบครัวฟังก่อน เพราะเรื่องทุกอย่างต่อไปก็ไม่อาจปิดบังได้ทั้งหมด ยังไงทุกคนก็หวังดีกลับเธออย่างแท้จริง
บิดาและพี่ชายทั้งสองพยักหน้าเป็นการตอบรับ หลังจากปลาตัวที่สองได้หมดลง บุรุษบ้านหวังที่เห็นหลุมดักปลามีปลาเข้ามานับสิบตัวก็คิดจะกลับบ้านกันเลยเพราะมีอาหารแล้วแถมยังสามารถแบ่งไปขายได้ด้วย แต่มู่หลินบอกให้ลองเดินเข้าไปสำรวจด้านในอีกหน่อยเผื่อเจอของที่กินได้จะได้ไม่เสียเที่ยว เธอเองก็คงไม่ได้เข้ามาบ่อยๆแน่เพราะบุรุษบ้านหวังคงไม่ยินยอมง่ายๆ
อาจจะเป็นเพราะโชคช่วย หรือจะด้วยความโชคดีก็ตาม เดินจากตรงริมลำธารไปได้ไม่นานก็เจอกับท่อนไม้ใหญ่ที่ตายแล้ว และใช่เป็นอย่างที่พวกคุณคิด
"ท่านพ่อ พี่ใหญ่ พี่รอง ทางนี้เจ้าค่ะ เร็วเจ้าค่ะ"
บุรุษบ้านหวังทั้งสามตกใจกับเสียงร้องของมู่หลินจึงรีบพุ่งมาทันที
"หลินเออร์"
"น้องเล็ก/เจ้าเป็นเช่นใด"
"ท่านพ่อ ท่านพี่ พวกท่านดูนี้เจ้าค่ะ บ้านเราจะมีเงินซื้อเสบียงหน้าหนาวแล้วเจ้าค่ะ"มู่หลินที่ปกติไม่ค่อยแสดงอารมณ์ใดมากมาย ยังกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น ทั้งดีใจที่ไม่ต้องทนกินน้ำข้าวกับผักดอง หรือแผ่นแป้งแห้งๆที่แทบจะกลืนไม่ลงอีกแล้ว และอีกอย่างก็จะได้ไม่ต้องหาข้ออ้างที่จะเอาของในมิติออกมาขายอีกด้วย
"หะ เห็ดหลินจือแดง ใช่หรือไม่หลินเออร์" ท่านพ่อที่พูดตะกุกตะกัก พี่ใหญ่กับพี่รองที่ยังยืนอึ้งกับเห็ดหลินจือตรงหน้า เพราะดอกมันใหญ่ขนาดสองฝ่ามือต่อกัน บางดอกยังใหญ่กว่านั้นอีก ที่เล็กสุดเห็นจะเป็นดอกเท่าฝ่ามือท่านพ่อ แต่ก็ยังใหญ่อยู่ดี
"พวกท่านอย่ามั่วแต่ตกใจสิเจ้าค่ะ ช่วยข้าเก็บหน่อย เก็บแบบนี้นะเจ้าค่ะ" มู่หลินอธิบายพร้อมกับใช้มีดค่อยๆแซะออกอย่างเบามือ ดอกเห็ดจะได้ไม่เสียหาย
เห็ดหลินจือที่ได้ มีดอกใหญ่ขนาดสองฝ่ามือจำนวน สามดอก ดอกขนาดกลางห้าดอก ดอกเท่าฝ่ามืออีกสิบดอก บุรุษบ้านหวังรู้ถึงราคาของมันว่ามีราคาแพงแต่ไม่รู้มูลค่าจริง แค่จำนวนที่ได้ก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว คนที่เหลือช่วยอะไรมู่หลินมากไม่ได้
นางจำเป็นต้องออกคำสั่งให้ผู้เป็นบิดาและพี่ชายหาผักป่าและใบไม้มาปิดบังสายตาชาวบ้านคนอื่น บิดาและพี่ใหญ่จึงเป็นคนที่แบกตะกร้าใส่เห็ดหลินจือลงเขาไป มู่หลินเอ่ยบอกทุกคนที่กำลังเดินอย่างไร้สติให้ไปจับปลากลับบ้านด้วย ทั้งสามจึงเดินตามมู่หลินไปที่ลำธาร
"ท่านพ่อ พี่ใหญ่ พี่รอง ถ้าท่านยังทำเหมือนวิญญาณออกจากตัวแบบนี้ ชาวบ้านได้สงสัยขอดูตะกร้าพวกท่านแน่" นับว่าได้ผล หลังจากที่นางขู่ไปนั้น ทั้งสามก็กลับมาปกติมากกว่าก่อนหน้านี้นิดหน่อย พี่รองจึงต้องเป็นคนแบกปลา กลับเพราะไม่มีใครยอมให้มู่หลินแบกของเลยสักคน