บทที่11
สามพี่น้องบ้านหวังเดินเท้าถึงร้านหมออู๋ เสี่ยวเอ้อหน้าร้านก็จำได้ จึงรีบต้อนรับเข้าไปในห้องรับรอง หลงจู๊กับหมออู๋ก็เข้ามาทักทายทันที
"ท่านปู่อู๋ พวกข้ามีเรื่องอยากรบกวนท่านปู่" มู่หลินรู้ว่าถ้าต้องการให้คนช่วยต้องแสดงน้ำใจ นางเอาเเห็ดหลินจือแดงดอกใหญ่สองฝ่ามือออกมา เมื่อเห็ดหลินจือวางบนโต๊ะ หลงจู๊หงายหลังไปเรียบร้อยแล้ว หมออู๋ก็ตกใจกว่าจะตั้งสติพูดได้ก็ผ่านไปหนึ่งเค่อได้ (1เค่อ=15นาที)
"หลินเออร์ไหนเจ้าบอกไม่มีแล้ว" หมออู๋หรี่ตามองเด็กเจ้าเล่ห์อย่างมู่หลิน
“ดอกใหญ่ขนาดนี้ ยังไม่มีใครพบเจอมาก่อน ท่านหมอนำเข้าประมูลดีไหมขอรับ” หลงจู๊เจินเอ่ยถามหมออู๋
“ดีดี เจ้าไปแจ้งหอเฟยหลงที่อำเภอได้เลย อีกไม่ถึงสิบวันจะมีการประมูลแล้ว” หมออู๋ตื่นเต้นที่โรงหมอของเขาจะมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้น
“ข้าจะออกหน้าให้เจ้า แต่ทางโรงประมูลจะหักสองในสิบส่วน”
“ได้เจ้าค่ะ ข้าจะให้ท่านปู่อู๋สามส่วน อย่าเพิ่งห้ามเจ้าค่ะ ฟังข้าก่อน ข้ามีคำขอที่จะให้ท่านปู่ช่วย” หมออู๋ที่กำลังจะเอ่ยปากแย้งก็ยอมรับฟังมู่หลินก่อน
“ข้าอยากทราบเรื่องตระกูลเซี่ยของท่านแม่ทัพที่เมืองหลวงเจ้าค่ะ แล้วข้าก็รู้ว่าท่านปู่อู๋ต้องรู้แน่นอน”
หมออู๋กำลังมองประเมินสามพี่น้องที่เอ่ยถามเรื่องตระกูลเซี่ยขึ้นมาก็ให้แปลกใจ เมื่อพิจารณาใบหน้าของเจียวโจว ดวงตาคู่นั้นช่างคล้ายกับสหายของตนยิ่งนัก ก่อนจะถอนหายใจแล้วเล่าเรื่องของตระกูลเซี่ยเมื่อ 17 ปีก่อน
“เรื่องของตระกูลเซี่ยก็ไม่ใช่ความลับอะไร คนในเมืองหลวงล้วนรู้เรื่องราวดี ถ้าจะนับเรื่องทั้งหมดคงเริ่มตั้งแต่บุตรีท่านแม่ทัพเซี่ยโดนลอบฆ่า หายตัวไปเป็นตายร้ายดีไม่มีใครรู้ได้ ไม่เจอแม้กระทั่งร่าง รองแม่ทัพเซี่ยที่เป็นพี่ชายตามหาอยู่นานถึง3เดือน ถ้าหากไม่เกิดเรื่องใส่ร้ายขึ้นมาก็คงจะไม่หยุดตามหา องครักษ์ที่รอดกลับมานั้นจับตัวบ่าวที่ผลักคุณหนูเซี่ยกลับมาด้วย
องครักษ์ได้เปิดเผยคำพูดสุดท้ายที่บ่าวชั่วได้พูดกับหนูเซี่ย เมื่อตรวจสอบและหลักฐานที่มีทำให้ตระกูลเซี่ยกับตระกูลเว่ยแตกกัน คุณหนูเว่ยโดนโทษหนัก โดนทางตระกูลเว่ยตัดขาด ทางการตัดสินให้เนรเทศไปใช้แรงงานที่ชายแดน ถึงผลตัดสินจะยุติธรรม แต่กับตระกูลเซี่ยถือว่าบอบช้ำอย่างหนัก ฮูหยินท่านแม่ทัพล้มป่วยเพราะตรอมใจ ท่านแม่ทัพลาออกจากตำแหน่งยกให้บุตรชายขึ้นเป็นแม่ทัพต่อ
พยัคฆ์ที่อ่อนแอเสือซุ่มทั้งหลายต่างก็รอเวลาเพื่อลงมือ หลักฐานใส่ร้ายมากมายส่งถวายฎีกาต่อฝ่าบาท แต่หลักฐานที่มีก็ไม่แน่นหนาพอจะเอาผิดได้ พระองค์กับแม่ทัพเซี่ยออกศึกร่วมกันนับครั้งไม่ถ้วนใจพระองค์รู้ดีที่สุดว่าสหายของตนเป็นเช่นไร หลังจากเรื่องของคุณหนูเซี่ย ฝ่าบาทเรียกท่านแม่ทัพเข้าวังอย่างลับๆ บอกให้แม่ทัพพร้อมลูกชายคืนตำแหน่งรักษาชีวิตไว้แล้วกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเดิม โดยจะประกาศราชโองการยึดทรัพย์ทั้งหมด แต่พระองค์ให้องครักษ์เงาของพระองค์ขนย้ายทรัพย์สินส่วนหนึ่งไปไว้ที่บ้านเดิมก่อน เมื่อราชโองการออกให้ออกเดินทางไปแต่ตัว" ระหว่างที่เล่าไปมู่หลินรู้สึกว่าเรื่องราวมันมีอะไรมากกว่าที่หมออู๋เล่า แต่นางค่อยสอบถามทางท่านตาเมื่อเจอหน้า
"สงสัยใช่หรือไม่ทำไมเรื่องลับระหว่างฝ่าบาทกับตาเฒ่าเซี่ย ปู่เจ้าคนนี้ถึงได้รู้" หมออู๋สอบถามเด็กทั้งสามก่อนจะเอ่ยปากเล่าต่อ
"วันนั้นข้าอยู่ที่นั้นด้วย ทุกครั้งที่ฝ่าบาทกับตาเฒ่าเซี่ยออกรบ ข้าก็ติดตามไปด้วยในตำแหน่งหมอ เกือบได้ไปดื่มน้ำแกงยายเมิ่ง (เทพประจำในนรกภูมิ จะยืนคอยส่งน้ำลืมเลือนให้กับวิญญาณที่จะข้ามสะพานไหน่ห่อเกี๊ย) ก็หลายครา หลังจากตาเฒ่าเซี่ยกับคืนบ้านเกิด ข้าก็ออกเดินทางมาอยู่ที่นี้" หมออู๋เล่าไปก็ถอนหายใจ อดสะท้อนใจกับชีวิตที่ผ่านมาไม่ได้
"ไม่ใช่ตาเฒ่าเซี่ยที่อ่อนแอแต่เป็นเพราะหมดหวังที่จะใช้ชีวิตอยู่ต่อ บุตรชายในตอนนั้นก็แข็งแกร่งไม่เท่าตาเฒ่าเซี่ย จึงมิอาจช่วยเหลืออันใดกับลูกน้องหรือสหายได้" ตลอดช่วงที่เล่าเรื่องเก่า มีแต่ความเจ็บปวดในแววตา ทั้งตนและสหายต่างวัยที่เป็นถึงฮ่องเต้ก็มิอาจยืนมือเข้าช่วยได้
"ท่านปู่อู๋ท่านเคยไปพบท่านผู้เฒ่าเซี่ยอีกหรือไม่"
"ข้าเดินทางไปพบตาเฒ่าที่บ้านเกิดครั้งล่าสุดเมื่อหกเดือนที่แล้ว เห้อ พยัคฆ์ก็คือพยัคฆ์ แม้จะล้มความเป็นพยัคฆ์ก็คงมี เงินที่เหลือตาเฒ่านำไปซื้อที่นา บุตรชายเพียงคนเดียวของตาเฒ่าจากจับดาบต้องมาจับจอบทำนา แม้ข้าจะยื่นมือเข้าช่วยเพียงใดก็ไม่รับ จะยอมรับแค่เพียงให้รักษาฮูหยินเซี่ยที่ล้มป่วยตั้งแต่ลูกสาวหายตัวไป เห้อออ" เสียงถอนหายใจดังครั้งแล้วครั้งเล่า มู่หลินมองหน้าพี่ชายทั้งสองก่อนจะตัดสินใจบอกเรื่องเกี่ยวกับมารดาของตนให้หมออู๋ฟัง
"ท่านปู่อู๋ แม่ของข้าคือเซี่ยเหมยฮวา นางเพิ่งจำเรื่องราวครั้งก่อนได้เมื่อวานนี้เองเจ้าค่ะ ท่านพ่อข้าเจอท่านแม่ที่ริมแม่น้ำ เมื่อรักษาจนฟื้นขึ้นมาถึงได้รู้ว่าไม่มีความทรงจำเดิมแล้ว" ท่านหมออู๋ลุกขึ้นจนเก้าอี้ด้านหลังล้มลง พี่ใหญ่เร็วสุดรีบเข้าไปประคอง หลงจู๊เจินที่สั่งงานลูกน้องเรียบร้อยแล้วรีบเข้ามาด้วยความตกใจ
“ไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นไร สวรรค์ สวรรค์เมตตาแล้ว" หมออู๋พูดได้เท่านั้นก็ถึงกับร่ำไห้เพราะดีใจแทนสหายรักของตน
"ท่านปู่อู๋ พวกข้าพี่น้องจะเดินทางไปรับท่านตา ท่านยายและท่านลุงมาอยู่ด้วยเจ้าค่ะ อยากให้ท่านปู่บอกที่อยู่" หมออู๋รีบยกมือโบกปฏิเสธทันที
"ไม่ต้อง ไม่ต้องข้าจะพาไป เดินทางอีกห้าวัน ไม่ ไม่ อีกสองวันเดินทางเลย จากนี้ไปหางโจว เดินทางโดยรถม้าใช้เวลาห้าวัน แต่พวกเจ้าจะไม่ได้เข้าดูประมูลเช่นนั้นว่าอย่างไร"
"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ พวกข้าพี่น้องขอลาท่านปู่อู๋เพื่อกลับไปเตรียมตัวก่อนนะเจ้าค่ะ" มู่หลินรีบบอกลาหมออู๋ทันทีเพราะเวลาที่กระชันชิด นางบอกพี่ใหญ่ให้ไปซื้อรถม้าก่อนถ้าหากต้องเช่าก็สู้ซื้อเลยดีกว่า
สามพี่น้องมาดูรถม้าที่โรงขายสัตว์ พี่ใหญ่กับพี่รองต่างเลือกตามความชอบของตน ได้ม้าดำสองตัว ม้าสีขาวสองตัว พร้อมรถม้าเทียมขนาดใหญ่อีกสองหลัง ทางโรงสัตว์สอนให้พี่น้องขับรถมาครึ่งชั่วยามทั้งคู่ก็ขับเป็น ระหว่างรอมู่หลินเดินไปซื้อเบาะรองนั่งใส่รถม้า มู่หลินเห็นยังพอมีเวลาเหลือจึงชวนพี่ชายทั้งสองไปโรงค้าทาส มู่หลินต้องการคนขับรถมาและคนดูแลบ้านช่วงที่ครอบครัวเดินทางไปรับท่านตา ถ้าหากให้พี่ชายทั้งสองบังคับรถม้าตลอดห้าวันดูท่าทางคงจะทรมานน่าดู
ในโรงค้าทาส นายหน้าต่างตะโกนเรียกให้ซื้อชีวิตคนเหมือนกับสิ่งของ พี่ใหญ่พี่รองที่ไม่เคยเจอถึงจะสะท้อนใจแต่ก็ยังควบคุมอารมณ์ได้อย่างดี มู่หลินเดินดูจนไปหยุดที่โรงค้าทาสที่เกือบจะสุดซอยแล้ว นายหน้าเดินมาต้อนรับอย่างดี พอบอกความต้องการไปแล้ว นายหน้านำทาสออกมาให้เลือกเหมือนกับเสนอสินค้าอย่างหนึ่ง
ตรงหน้ามู่หลินนั้น มีทาสที่เป็นครอบครัวอยู่สองครอบครัว นายหน้าบอกเป็นกลุ่มทหารเก่าที่ต้องโทษเป็นทาสหลวง ต้องการขายทั้งครอบครัว ที่นายหน้ายินยอมเพราะรับของมีค่าที่ติดตัวมากับพวกทาสมาด้วยนั้นเอง
สองครอบครัว มีทั้งสิ้น 15 คน มู่หลินจ่ายเงินไปทั้งสิ้น สิบตำลึงทอง เพราะราคาแต่ละคนไม่เท่ากัน มู่หลินให้คนที่ขับรถมาได้มาขับแทนพี่ชาย คนที่เหลือให้แบ่งกันนั่งในรถม้าทั้งสองคัน สามพี่น้องไม่ได้รังเกียจพวกทาสเลย ตอนแรกที่ทาสทั้งหมดกลัวจะเจอเจ้านายไม่ดีก็เบาใจลงไปเยอะ
นางแบ่งหน้าที่ให้ทาสบางคนทันที ให้ไปซื้อซาลาเปา ซื้อเสื้อผ้า เครื่องนอน ให้ทุกคน คนที่บาดเจ็บหรือป่วยนางพาไปที่โรงหมอของหมออู๋ กว่าจะเสร็จสิ้นทั้งหมดก็เข้าปลายยามเว่ย (13.00-14.59น.) ทั้งหมดจึงรีบเดินทางกลับเข้าหมู่บ้าน เพราะต้องรีบสร้างบ้านแบบง่ายๆ อยู่กันไปก่อน
เมื่อทั้งสามพาคนเข้ามาถึงบ้าน ก็เกือบถึงเวลาเลิกงานของชาวบ้านแล้ว ชาวบ้านต่างเดินมาสอบถามด้วยความสงสัย สองพี่น้องหวังเจียวโจวกับหวังเจียวจ้านก็ตอบคำถามอย่างดี เมื่อทุกคนกลับไปแล้ว มู่หลินให้พวกทาสมาแนะนำตัวกับท่านพ่อและท่านแม่ บ้านของพวกทาสก็ให้นายช่างช่วยสร้างแบบพออยู่ช่วงนี้ไปก่อน4ห้อง คนที่นายช่างพามามีจำนวนมากจึงทำให้เสร็จได้ในเวลารวดเร็ว และยังมีแรงงานจากทาสชายที่เพิ่งซื้อมาด้วย
หัวหน้าครอบครัวและภรรยาของทาสทั้งสองครอบครัว เมื่อได้เห็นหน้าเหมยฮวาถึงกับรีบคุกเข่าร้องไห้เสียงดังออกมา เหตุการณ์ทั้งหมดทำให้คนโดยรอบบริเวณลานบ้านตกใจ แม้แต่ท่านแม่เหมยฮวาก็ร่ำไห้ด้วยความปวดใจที่เห็นคนของท่านแม่ทัพเซี่ยตกต่ำถึงเพียงนี้ เมื่อปลอบกันจนเงียบแล้วนั้นท่านแม่ก็สอบถามความเป็นมาทั้งหมด ทำไมทั้งสองครอบครัวคนสนิทของท่านแม่ทัพถึงได้ตกเป็นทาสหลวง
หลังจากที่ท่านแม่ทัพเดินทางกลับบ้านเดิมแล้ว คนที่เข้ามารับตำแหน่งท่านแม่ทัพแทนเป็นคนของตระกูลเว่ย ความเจ็บแค้นที่โดนตระกูลเซี่ยกำจัดหมากตัวสำคัญอย่างเว่ยเลี่ยงซู ทำให้ตระกูลไม่สามารถเกี่ยวดองกับฉีอ๋องได้ แม้จะพยายามส่งบุตรของฮูหยินรองหรืออนุไปยั่วยวนเท่าใด ฉีอ๋องก็ตลบหลังจับคนพวกนั้นแต่งออกไปกับตระกูลคุณชายเสเพลทั้งสิ้น
ยิ่งทำให้เสนาบดีเว่ยโกรธแค้นท่านแม่ทัพอย่างมาก ทหารที่เคยภักดีต่อตระกูลเซี่ยบางคนก็ต้านทานอำนาจเงินไม่ไหวทำให้ย้ายฝั่งไปเข้าพวกกับตระกูลถังที่เสนาบดีเว่ยหนุนหลังให้ขึ้นเป็นท่านแม่ทัพคนปัจจุบัน ส่วนทหารที่ไม่ยินยอมก็จะโดนยัดข้อหายักยอกเสบียงแล้วตัดสินโทษให้เป็นทาสหลวง ยังมีอีกหลายสิบครอบครัว แต่กระจายกันออกไป ที่โรงค้าทาสในตำบลชุนไห่ยังมีอีกสองครอบครัว ในอำเภอโยวโจวมีอีกสามครอบครัว แต่ไม่รู้ว่ามีคนซื้อไปแล้วหรือยัง ที่พวกตนมีเครื่องประดับติดสินบนนายหน้าค้าทาสเป็นเพราะท่านแม่ทัพให้คนแอบนำเงินและของมาให้
ครอบครัวทาสที่1
เฉินหย่ง บิดา อายุ 57 ปี
เมิ่งซิน มารดา อายุ 52 ปี
เฉินฝู บุตรชายคนโต อายุ 36 ปี
ชางซิงอี สะใภ้ใหญ่ อายุ 32 ปี
เฉินหาน บุตรชายคนรอง อายุ 34ปี
ซ่งหรู สะใภ้รอง อายุ 30 ปี
เฉินเหวิน บุตรชายเฉินฝู อายุ 15 ปี
เฉินวั่งซู บุตรีเฉินเฉินฝู อายุ 12 ปี
เฉินฮัน บุตรชายเฉินหาน อายุ 12 ปี
ครอบครัวทาสที่2
หลิวกัง บิดา อายุ 56 ปี
เฉินหราน มารดา อายุ 52 ปี (น้องสาวเฉินหย่ง)
หลิวกุ้ย บุตรชาย อายุ 34 ปี
จางเหลียง ลูกสะใภ้ อายุ 28 ปี
หลิวเสิน บุตรชาย อายุ 26 ปี
หลิวเทียน บุตรชายหลิวกุ้ย อายุ 11 ปี