องค์ชายหลงยุค
ถามเพราะกลัวว่าอีกคนจะไม่กล้า ใช้ส้อมในมือจิ้มไปที่ไส้กรอกส่งเข้าปากเคี้ยวดังกรุบกรับ
“เจ้าไม่ต้อง ระวังกิริยาเมื่ออยู่ต่อหน้า...องค์ชายหรอกหรือ”น้ำหวานเกือบจะสำลักไส้กรอก
“องค์ชาย...องค์ชายเมื่อ600กว่าปีที่ผ่านมาตอนนี้ หากยังอยู่ก็คงเหลือแต่กระดูก จริงสิ”
เหมือนนึกอะไรได้ ลุกขึ้นจากที่นั่งเดินวนรอบตัวหวางอี้ตัน
“อยู่ในนั้นนาย ไม่มีกายหยาบ ชะโงกหน้าเข้าใกล้ๆ อย่างลืมตัวหวางอี้ตันกลืนน้ำลายลงคอใจสั่นกับใบหน้าสวยหวานของน้ำหวานที่ใกล้สุดใกล้
“จริงของเจ้าตอนนี้ข้าหิวข้าง่วงข้าเจ็บ และข้า…”จะบอกอย่างไรว่าใจสั่นก็ในเมื่อไม่เคยเข้าใกล้หญิงใดเพียงนี้
“นายเกิดใหม่อย่างนั้นหรือ”เอื้อมมือหยิกที่ท่อนแขนเบาๆ หวางอี้ตันขยับตัวหนี
“ระวังกิริยาของเจ้าหน่อย เช่นไรจึงกล้าแตะต้องตัว…. บุรุษ”น้ำหวานถอนหายใจทิ้งตัวลงนั่ง
รีบกินแล้วรออยู่ที่นี่ฉันจะออกไปเลือกเสื้อผ้าให้ขืนเดินไปในชุดแบบนี้”ส่ายหน้าไปมา
“อาภรณ์ของข้าทำจากไหมหายากอีกทั้งย้อมสีที่เป็นที่ชื่นชอบในบรรดาบุรุษ”น้ำหวานถอนหายใจ
“ผ้าไหมเก่า กับสีฟ้าคราม แล้วก็ผมเผ้าเหมือนพระเอกซีรียส์จีนนายเดินไปไหนกับฉันคนต้องขอถ่ายรูปนึกว่าเป็นพระเอกซีรียส์”
ยอมรับว่าหวางอี้ตันหน้าตาดีที่สุดในบรรรดาหนุ่มจีนที่เคยเห็นมาหรือจะเป็นเพราะเขาเป็นถึงองค์ชาย ด้วยชาติกำเนิด จึงดูดีกว่าคนทั่วไป หวางอี้ตันยกเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมาดู
“แต่ข้าชอบอาภรณ์ชุดนี้ที่สุด ท่านแม่ประทานให้และท่านแม่เย็บและปักลวดลายเองกับมือเพื่อให้ข้าสวมในวันเกิดอายุครบ20ปี”
สีหน้าอิ่มเอมเมื่อพูดถึงมารดา
“ฉันสัญญาจะเก็บไว้อย่างดี เรายังไม่รู้ว่าจะช่วยนายได้อย่างไรจะปลดปล่อยนายได้อย่างไรไหนนายบอกว่าจะไปผุดไปเกิดทำไมถึงมีกายหยาบแล้วหากนายไปเกิดใหม่ไม่ได้ คงต้องปรับตัวอยู่ที่นี่ฉะนั้นเริ่มแรกเลยต้องเริ่มที่การแต่งตัว”
หวางอี้ตันพยักหน้าก่อนจะส่ง ไส้กรอกเข้าไปในปากลิ้มรสของมันแก้หิว
น้ำหวาน ออกไปข้างนอกเลือกซื้อเสื้อผ้าของผู้ชายในแบบที่ไม่แพงนักนั่งนับเงินของตัวเอง อาหารที่ซื้อมาตุนคงพอ กินไปอีกไม่กี่วัน ความจริงเงินที่ซื้อเสื้อผ้าตั้งใจเอาไว้ซื้ออาหารมาตุนไว้ในตู้เย็นแต่ตอนนี้มีคนมาช่วยกินรายจ่ายต้องเพิ่มขึ้นคงต้องเอาเงินที่เก็บไว้สำรองยามฉุกเฉินมาใช้ก่อนจะปล่อยให้องค์ชายหลงยุคคนนี้ไปก็ติดที่สัญญาว่าจะช่วยเขาอีกทั้งหากปล่อยเขาไปไม่แคล้วต้องถูกจับในข้อหาลักลอบเข้าเมือง หรืออาจถูกจับส่งโรงพยาบาลบ้าแน่ๆ ในเมื่อพูดจาก็แปลกๆ และยังมีท่าทีแปลกๆ นึกเสียว่าช่วยเอาบุญก็แล้วกัน
ขับรถมุ่งหน้ายัง พิพิธพัณฑ์ ป้าคนดูแลยังไม่มา น้ำหวานวิ่งเข้าไปข้างในอย่างเร่งรีบตั้งใจไปหยิบเอา ประวัติของพิพิธพัณฑ์กลับไปอ่านตอนบ่ายค่อยเอามาคืน
เสี่ยวปาวิ่งตามไปตามมา ตั้งใจจะถาม แต่ไม่กล้า อยากรู้ว่าหวางอี้ตันหายไปไหน
เปิดบันทึกอ่านดู
หาคำว่าหวางจื่ออี้ตัน
“องค์ชายห้า ผู้เป็นที่รักของ องค์ฮ่องเต้กับมีสิริอายุได้เพียง20ปี และสิ้นพระชนม์ในวันคล้ายวันเกิดปีที่20พอดี….ทำไมเขียนไว้แค่นี้ ไม่มีอย่างอื่นบอกไว้นอกนั้นก็เป็นเพียง เรื่องราวหลังจากนั้นคือการปิดตายจวนอ๋องห้ามไม่ให้ใครกล้ำกราย แปลกจริงๆ ในที่สุดคฤหาสน์แห่งนี้ ก็กลายสมบัติของชาติในที่สุด ไม่มีทายาทไม่มีผู้สืบทอด”
น้ำหวานพลิกสุดบันทึกไปมาก็ไม่พบอะไรผิดปกติ หรือว่าจะมีแค่นี้จริงๆ
วางสมุดบันทึกไว้ เสี่ยวปามองตามน้ำหวานที่ ขับรถกลับไปที่พัก นึกเป็นห่วงหวางอี้ตันไม่น้อยเพราะปล่อยให้หวางอี้ตันรออยู่ที่นั่นนับชั่วโมง หวางอี้จื้อ วิ่งตามเกาะรถไปติดๆ แต่น้ำหวานกลับมองไม่เห็นเขาเอาเสียดื้อๆ
จอดรถ ไว้ที่ลานจอดรถ ก้าวขาขึ้นไปชั้นบนทว่าร่างดำทะมึนขององค์ชายใหญ่ กับ กระโจนคว้าข้อแขนของน้ำหวานไว้แน่น น้ำหวานตกใจสุดขีด สะบัดมือจนหลุดจากการเกาะกุมก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดไปทันที
เปิดประตูห้องเข้าไปอย่างเร่งรีบ ถลาเข้าหาหวางอี้ตันที่อ้าแขนรับน้ำหวาน เข้าสู่อ้อมกอด องค์ชายใหญ่หวางอี้จื้อ ตามขึ้นมาทันที
“พี่ใหญ่”