ตอนที่ 9 ทวงสินเดิม
“ที่ท่านอ๋องพูดก็มีเหตุผล แม้ว่าท่านกับหม่อมฉันจะยังไม่ได้หย่ากัน แม้แต่พี่น้องก็ยังมีบัญชีแยกกันชัดเจน ทำให้ชัดเจนไปเลยจะดีที่สุด เพื่อไม่ให้สับสนเพราะเงินค่าอาหารเล็กน้อย
...เช่นนี้แล้วกัน ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป หม่อมฉันกับคนรับใช้ที่ดูแลหม่อมฉันจะแยกครัวออกมาเองพึ่งพาตัวเอง และจะไม่เข้ามาในจวนของท่านอีก
ท่านว่าอย่างไร”
“ตราบใดที่จะทำให้ข้าไม่เห็นเจ้า เจ้าจะทำอะไรก็ได้ แต่เจ้าก็อย่าลืมว่าลานที่เจ้าอยู่ในตอนนี้ก็เป็นที่ของข้าเช่นกัน” จู้จี้จุกจิกเสียจริง เซี่ยชูหลิงเงยหน้าขึ้นพร้อมกับยิ้มหวาน “ท่านอ๋องก็อย่าลืมล่ะว่าเสด็จย่า เสด็จ
ยายและเสด็จแม่ของท่านไม่ยอมให้หม่อมฉันย้ายออกจากจวน นี่ไม่ใช่ความต้องการของหม่อมฉันเลย”
มู่หรงเหยียนสำลัก “ไม่ใช่เพราะเจ้าใช้วิธีการที่น่ารังเกียจเพื่อสร้างความสับสนให้กับคนอื่นหรอกหรือ”
เซี่ยชูหลิงกะพริบตา “ถ้าท่านอ๋องไม่ชอบใจที่หม่อมฉันรักษาเหล่าไท่จวิน ท่านห้ามหม่อมฉันไว้ก็ได้นี่เพคะ”
มู่หรงเหยียนตะคอกอย่างเย็นชา “เซี่ยชูหลิงอย่ามั่นใจนัก!”
“ท่านอ๋องช่างจินตนาการเหลือเกิน ท่านเตือนหม่อมฉันว่าต้องให้เกียรติท่านแค่เพื่อจะทานอาหารในจวนอ่านอ๋องน่ะหรือ" มู่หรงเหยียนหรี่ตาลงและจ้องหน้านางอย่างเย็นชา
“ตอนนี้เจ้าก็กำลังทานอาหารของจวนข้าอยู่"
เซี่ยชูหลิงยิ้มให้เขาอย่างสดใสและดวงตาเปล่งประกาย “ข้าวมื้อเดียวยังตระหนี่ขนาดนี้ ในเมื่อท่านจู้จี้จุกจิกแบบนี้ ไม่ช้าก็เร็วเงินถมสินสอดของหม่อมฉันจะต้องถูกส่งกลับไปที่จวนมหาเสนาบดี
ถ้าหากว่าขาดอะไรไปไม่แน่ว่าอาจจะทำให้คนอื่นๆ เข้าใจผิดได้ว่าจวนท่านอ๋องทำการทุจริต อีกสักครู่รบกวนท่านอ๋องสั่งคนให้นำไปไว้ที่ลานของหม่อมฉันด้วย รบกวนแล้ว”
“ฮ่าๆ เงินถมสินสอดเล็กน้อยพวกนั้นข้าไม่สนใจด้วยซ้ำ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงกันแล้วชายารองคงไม่ติดขัดอันใดหรอกใช่ไหม” เสิ่นหยุนชูนั่งที่ด้านข้าง เห็นว่ามู่หรงเหยียนโกรธอยู่
จึงไม่กล้าเข้าไปแทรกแซงใครจะรู้ว่าเซี่ยชูหลิงจะวางกับดักเพื่อเอาเงินถมสินสอดทั้งหมดของตัวเองกลับไปนางจึงรู้สึกกังวลขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
แม้ว่าเงินถมสินสอดของเซี่ยชูหลิงจะถูกจัดขึ้นโดยจวนเสนาบดี แต่ก็เป็นเรื่องของการรักษาหน้าตาในฐานะลูกสาวของจวนมหาเสนาบดีและพระชายา เงินถมสินสอดยังคงมากมายกว่าเงินถมสินสอดของนางที่มีเสียอีก ไหนๆก็ได้มาตั้งแต่แรกแล้วถ้าคืนมันไปก็คงจะปวดใจอยู่ไม่น้อย
แต่ไหนแต่ไรมาตั้งแต่มู่หรงเหยียนยังไม่สมรสกับเซี่ยชูหลิงทุกอย่างในจวนนางก็เป็นคนเข้ามาดูแล และต่อให้เซี่ยชูหลิงจะสมรสเข้ามาแล้วที่จวนเหยียนอ๋องนางก็ถือวิสาสะจัดการดูแลเช่นเดิม นางถือว่าเซี่ยชูหลิงไม่ได้รับความโปรดปรานจากเหยียนอ๋องเรื่องราวในจวนนางก็ไม่มีสิทธิ์มาดูแล
ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ไม่เห็นนางจะสนใจ เหตุใดวันนี้ถึงได้เอ่ยขึ้นมากันแต่หลังจากมาคิดดูแล้ว ถ้าเซี่ยชูหลิงสามารถ
เก็บของและออกไปจากจวนอ๋องได้จริงๆ ทั้งจวนท่านอ๋องก็เป็นของนางอยู่แล้ว ทำไมยังจะต้องมาคิดถึงเรื่องเงินถมสินสอดเล็กๆน้อยๆของจวนเสนาบดีนี่อีก
สีหน้าของนางประดับไปด้วยรอยยิ้ม “ท่านพี่พระชายาสงสัยกันเกินไปแล้ว ข้าเพิ่งจะคุยเรื่องนี้กับแม่หวังบ่าวรับใช้ที่ดูแลเรื่องสินเดิมของท่านไปเองบอกว่าอีกเดี่ยวให้คนนำไปให้น่ะ”
เซี่ยชูหลิงแทะไก่จนเหลือเพียงโครงกระดูกและเรอออกมาอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็หยิบ
ผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดปากและยืนขึ้น “พอคิดถึงอุดมการณ์อันไกลโพ้นของเจ้า เจ้าคงไม่สนใจของเล็กน้อยพวกนี้หรอก อ้อในเมื่อข้าต้องทำอาหารเอง คงจะต้องออกไปซื้อวัตถุดิบทุกวัน
ท่านอ๋องอย่าลืมไปบอกคนเหล่านั้นด้วยล่ะ ถึงเวลานั้นจะได้ไม่ถูกห้ามให้ออกไปด้านนอก"
เมื่อเห็นท่าทางสบายใจของนาง มู่หรงเหยียนก็รู้สึกเต็มไปด้วยความโกรธ เขาฟึดฟัดและหายใจเอาลมร้อนออกมา “คนอื่นออกไปได้ แต่เจ้าห้ามออก"
"ทำไมล่ะเพคะ?"
“ข้ากลัวว่าเจ้าจะไปทำให้ชื่อเสียงของจวนอ๋องของข้าแปดเปื้อนน่ะสิ”
เซี่ยชูหลิงกัดฟันกรอด ชายคนนี้ปากร้ายจริงๆเขาไม่ปล่อยโอกาสที่จะทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดไปเลย หางแมงป่องยังไม่เจ็บปวดเท่าปากของเขา
เลย เซี่ยชูหลิงกัดฟันและยิ้มอย่างสดใสให้กับทั้งสองคน
“ต้องขอโทษจริงๆ เหล่าไท่จวินกำชับกับหม่อมฉันไว้เป็นพิเศษว่าให้นำยาไปส่งที่จวนกั๋วกงด้วยตัวเอง แน่นอนว่าไม่ต้องเตรียมรถให้ยิ่งใหญ่เกินไป
หม่อมฉันรู้สึกว่า จวนอ๋องเหยียนสามคำนี้ก็น่าขายหน้ามากพออยู่แล้ว" กล่าวจบเซี่ยชูหลิงก็หันหลังเดินจากไป
เพล้ง! เสียงของแก้วเหล้าที่ร่วงลงพื้น เธอเกลียดผู้ชายที่ทำลายข้าวของเวลาโกรธที่สุดชายคนนี้ นอกจากจะขี้เหนียว ขี้โมโห และชอบใช้
ความรุนแรง ที่สำคัญ เขายังมักมากในตัณหาและโง่เง่าอีกด้วย
ชิงฮวนยังคงกำน่องไก่มันเยิ้มอยู่ในมือและเดินตามหลังเซี่ยชูหลิงออกไป หลังจากออกมาจากลานนางถึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกราวกับเพิ่งเอาชีวิตรอดจากภัยอันตรายมาได้
“คุณหนู คุณหนูทําบ่าวตกใจจริงๆ เลย!" ทันใดนั้นเองจู่ๆ เซี่ยชูหลิงก็หันหน้ากลับมาและ
มองไปที่เรือนไป๋หลานด้วยความเสียดาย “น่าเสียดาย”
“เสียดายอะไรหรือเจ้าคะ”
“น่าเสียดายที่ไม่ได้อยู่ชมละครสนุกๆ น่ะสิ ฤดูใบไม้ผลิและพระราชวังที่น่ามหัศจรรย์ เป็นครั้งเดียวในรอบพันปีเชียวนะ”
ชิงฮวนหน้าแดงด้วยความเขินอาย “คุณหนู! คุณหนูพูดแบบนั้นได้อย่างไร น่าอายจริง"
เซี่ยชูหลิงแตะยาในแขนเสื้อและรู้สึกเสียใจขึ้นมา ถ้าไม่กลัวว่ามู่หรงเหยียนจะมาหาเรื่องตัวเอง เธอ
ควรจะใส่ยาระบายรุนแรงให้เสิ่นหยุนชูไปลองคิดดูสิ ตอนที่ทั้งสองกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม และเสิ่นหยุนชูก็ผายลมออกมาเป็นชุด และจากนั้น
ก็กลั้นไว้ไม่ไหว วิ่งหน้าตั้งทิ้งมู่หรงเหยียนไว้ คงจะสนุกมากทีเดียว
รับประกันว่ามู่หรงเหยียนคงจะอ่อนแรงและจำฝังใจไปตลอดชีวิต อย่างไรก็ตาม แบบนั้นมันชัดเจนเกินไป
ตัวเองคงจะต้องรู้จักเอาตัวรอดและมีเมตตาสักหน่อย
ภายในเรือนไป๋หลาน ในที่สุดใบหน้าที่มืดมนของมู่หรงเหยียนที่เหมือนก้นหม้อก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อยโดยมี
เสิ่นหยุนชูคอยเกลี้ยกล่อมจากนั้นก็ส่งให้เขาดื่มทีละแก้วเพื่อโน้มน้าวใจ มู่หรงเหยียนไม่ปฏิเสธ แต่เขาเย็นชาและเงียบขรึม บรรยากาศ
ก็ไม่มีความสนิทสนมกันเกินไป
เขาค่อยๆ มึนเมา ทั้งใบหน้าและร่างกายของเขาก็ร้อนขึ้นด้วย บรรยากาศในห้องก็คลุมเครือมากขึ้นเรื่อยๆ เสิ่นหยุนชูเอนตัวไปและค่อยๆพันแขนไปโอบรอบคอของเขา กลิ่นหอมลอยออกมาจากคอเสื้อของนาง
“ท่านอ๋องเพคะ ตอนนี้ก็ดึกแล้วให้หยุนชูปรนนิบัติให้ท่านดีหรือไม่”
หลังจากดื่มอีกแก้วหนึ่ง มู่หรงเหยียนก็หรี่ตามองไปที่สัญลักษณ์บัวแดงความบริสุทธิ์บนหน้าอกของนางพลันในดวงตาเริ่มมีไฟลุกโชน
เสิ่นหยุนชูปิดตาของเขา ริมฝีปากแดงของนางเริ่มขยับใกล้เข้าไป เข้าใกล้มากขึ้น ใกล้มากขึ้นจนเกือบจะสัมผัสริมฝีปากของเขา ทันใดนั้นเอง
โคร้ก! มีเสียงดังออกมาจากท้องและทะลักออกมาจากลำคอของเสิ่นหยุนชูกลิ่นเปรี้ยวของเหล้าข้าวหมักพุ่งตรงไปที่
จมูกของมู่หรงเหยียนเขาตัวแข็งทื่อและผลักสาวงามในอ้อมแขนออกไป
เขาเป็นคนรักความสะอาดมาก และเขารับไม่ได้กับของสกปรกหรือกลิ่นใดๆเสิ่นหยุนชูรู้สึกเขินอายเป็นอย่างมากและต้องการอธิบายด้วยความลำบากใจ แต่ขณะที่นางอ้าปาก ก็มีเสียงเรอดังอีกครั้ง จากนั้นครั้งที่สามและสี่ก็ตามมาไม่หยุด
“เจ้าคงจะดื่มมากเกินไป” มู่หรงเหยียนยืนขึ้น “รีบพักผ่อนเถอะ”
เสิ่นหยุนชูทำหน้าเศร้า “หม่อมฉันอาจจะแค่เป็นหวัดเท่านั้น ท่านอ๋อง เอริ้ก ท่าน...เอริ้ก.....จะไปที่ใดหรือ...เอริ้ก”
มู่หรงเหยียนรู้สึกราวกับไฟลุกโชนอีกครั้ง เรือนหลักของตัวเองถูกยึดโดยหญิงสาวน่ารังเกียจ ตัวเขาเองจะไปไหนได้เขาตะคอกด้วยความหงุดหงิด “ห้องตำรา!"
เสิ่นหยุนชูทำใจให้สงบและนอนหลับอย่าง
สบายใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น เสิ่นหยุนชูให้คนนำเงินถมสินสอดมาส่งให้เธอ ทำให้ของสีแดงสดวางอยู่เต็มลานเมื่อดูจากเวลาที่กลับมา ใครๆ ก็สามารถบอกได้ว่า
มู่หรงเหยียนไม่ได้พักที่เรือนไป๋หลานเมื่อคืนนี้อย่างแน่นอน ถ้าไม่อย่างนั้น จากวิธีการของเสิ่นหยุนชูแล้วพวกเขาทั้งสองคงจะอยู่ด้วยกันจนสาย และเสิ่นหยุนชูจะขยันมาส่งเงินถมสินสอดตั้งแต่เข้าเช่นนี้ได้อย่างไร
ถือโอกาสตอนที่คนอื่นกำลังนับเงินถมสินสอดและวางไว้ในห้องโถงด้านข้างที่ค่อนข้างกว้างขวางแน่นอนว่าเงินที่ถูกเก็บไว้ด้านล่างของร้านเถียนชี่นั้นอยู่ในมือของเธอ ร้านขายสินสอดทองหมั้นจินสื่อควรจะทำกำไรได้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือร้านของพวกเขาจะมีอนาคตอย่างแน่นอน
ที่มาพร้อมกับเงินถมสินสอด ยังมีคนอีกสามคน
คนหนึ่งคือลูกชายของจวนมหาเสนาบดี ซึ่งเป็น
เด็กชายอายุไม่เกินสิบสองปี ชื่อหลิงกวนเอ๋อร์ เขาฉลาดมากและมีหน้าที่รับผิดชอบในการทำธุระและส่งข้อความ แต่เนื่องจากอายุยังน้อย เขาจึงสามารถเข้าออกจากลานได้อย่างอิสระ
อีกคนคือแม่หวัง ซึ่งได้รับมอบหมายจากจิ่นอี้เหนียงอนุภรรยาของเสนาบดีเซี่ยให้มาคอยจับตาดูนางที่จวนอ๋อง
....