ตอนที่ 8 จวนอ๋องยากจน
ในเวลานั้นท่านพ่อลำบากใจเล็กน้อย “เป็นเพราะ กระหม่อมสั่งสอนนางได้ไม่ดีพอ กระหม่อมจะให้แม่นมในจวนมาสอนกฎระเบียบให้นางใหม่”
“ไม่จำเป็น!” เสียงของมู่หรงเหยียนเย็นชามาก “ลูกสาวคนโตของตระกูลสูงศักดิ์หยิ่งผยองเกินไป ข้าทนไม่ได้ ข้าจะเข้าวังและขอให้เสด็จพ่อและเสด็จย่า ยกเลิกสัญญาหมั้นระหว่างเราสองคนเสีย"
ท่านพ่อหน้าซีดด้วยความตกใจ “ท่านอ๋องนี่..."
มู่หรงเหยียนก้มลงมองไปยังเซี่ยชูหลิง “เดิมทีข้าก็ไม่ได้มีใจเห็นด้วยกับงานแต่งงานนี้อยู่แล้วหวังว่าท่านเสนาบดีจะเข้าใจ เดิมทีจวนอ๋องเหยียนของข้าได้หมายตาพระชายาเอกไว้แล้วท่านเสนาคงจะเคยได้ยินคุณหนูรองตระกูลเสิ่น”
เซี่ยชูหลิงตกตะลึง ถึงแม้ในใจจะเต็มไปด้วย ความน้อยใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คาดหวังงานแต่งงานในครั้งนี้สักเท่าไหร่ แต่หลังจากอ๋องเหยียนเข้าไปทูลขอถอนหมั้นทางฮองไทเฮานั้นก็ไม่ยินยอม
อี้เหนียงเสนาบดีและเซี่ยชูหลางที่เดิมทีคิดว่า ท่านอ๋องเหยียนจะเปลี่ยนจากเซี่ยชูหลิงมาสมรสกับเซี่ยชูหลางแทนแผนการไม่ได้ผลก็ลงมือทำร้ายเจ้าของร่างเพื่อระบายความเกลียดชัง
หลังจากนั้นไม่นานท่านพ่อของนางก็สร้างเรื่องให้นางดูย่ำแย่เพราะไม่อยากสูญเสียลูกเขยในอุดมคติไป ฉับพลันข่าวลือโด่งดังทั่วเมืองหลวงกล่าวว่าบุตรสาวคนโตของเสนาบดีเซี่ยผูกคอตายเพราะไม่ได้สมรสกับเหยียนอ๋องจนได้สมรสเข้ามาเป็นพระชายาในที่สุด
เซี่ยชูหลิงค่อยๆรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ภายในหัวใจชาหนึบ ความไม่เป็นธรรมที่เจ้าของร่างได้รับนั้นมันช่างน่าอดสูเสียจริงๆ
ชิงฮวนที่เห็นเซี่ยชูหลิงขยับนางก็รีบเข้ามาถาม " คุณหนูตื่นแล้วหิวหรือไม่เจ้าคะ?"
เซี่ยชูหลิงมองออกไปด้านนอก ตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำท้องฟ้าเริ่มจะมืดลงแล้วแสงจากขอบฟ้าส่องผ่านม่านหน้าต่างสีขาวซีด และเคลือบแจกันหยกบนโต๊ะจนเป็นสีทอง
เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าดวงตาของชิงฮวนนั้นเป็นสีแดงก่ำราวกับดวงตาของกระต่าย
“เจ้าร้องไห้ทำไม ใครรังแกเจ้า?"
ชิงฮวนส่ายหน้าด้วยความอดกลั้น “ไม่มีเจ้าค่ะ ฝุ่นเข้าตาเท่านั้นเอง”
“พูดความจริง!”
ชิงฮวนเงยหน้าขึ้น แต่ก่อนที่เธอจะได้อ้าปาก น้ำตาก็ร่วงหล่นลงมาเสียก่อน “คนในจวนอ๋อง รังแกกันเกินไปแล้ว เมื่อสักครู่นี้บ่าวเข้าไปที่ครัว และขอให้พวกเขาต้มโจ๊กเนื้อสับให้คุณหนู แต่กลับถูกหัวเราะเยาะ เห็นชัดๆว่ามีหม้อซุปอยู่บนเตาขนาดเล็ก ไหนจะเหล้าดอกไม้ที่ยังอุ่นอยู่ พวกเขา กลับบอกว่าดับไฟไปแล้ว ถ้าจะทานอะไรต้องรอถึงตอนเช้าเสียก่อน"
เซี่ยชูหลิงได้ยินเธอพูดถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกหิวขึ้นมา เช่นกันราวกับว่าตั้งแต่ที่เธอสลบไป จนตื่นขึ้นมาถึงตอนนี้ยังไม่ได้กินอะไรเลย
เมื่อเธอกลับมาที่พระราชวัง เธอก็พลาดเวลาอาหารกลางวัน ชิงฮวนก็ติดตามเธอไปทุกที่ ดังนั้นเธอก็คงจะยังไม่ได้ทานอะไรอย่างแน่นอน
เธอจับมือชิงฮวนเอาไว้และดึงเข้ามาหาตัว จากนั้นก็เช็ดน้ำตาบนใบหน้าของนางออก “การที่เจ้าติดตามข้าทำให้เจ้าต้องได้รับความไม่เป็นธรรมแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหนจะมีคนที่คอยดูถูกอยู่เสมอ และเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย เจ้าบอก ข้ามา ข้าจะออกหน้าแทนเจ้าเองท่านอ๋องล่ะ”
ชิงฮวนตระหนักถึงสถานการณ์ที่น่าอับอายที่คุณหนูกำลังเผชิญอยู่นางส่ายหน้าและพูดเสียงสั่น “บ่าวไม่เป็นอะไรเลยเจ้าค่ะ คุณหนูอย่าไปหาท่านอ๋องเลยนะเจ้าคะ"
เซี่ยชูหลิงวางรองเท้าลงกับพื้น “ไม่ต้องเป็นห่วง ข้ารู้ว่าอะไรที่มันมากเกินไป ข้าจะไม่อวดดีเด็ดขาดเขาล่ะ”
“งานเลี้ยงถูกเตรียมไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วเจ้าค่ะ คงจะอยู่ในลานของชายารองเป็นแน่"
ถ้าไม่พูดก็คงจะลืมไปแล้ว เมื่อวานก่อนนั้นมู่หรงเหยียนไม่ได้ทานเนื้อสัตว์เลย(เข้าหอ) ตอนนี้เขาคงจะรอแทบไม่ไหวที่จะไปร่วมห้องหอกับเสิ่นหยุนชู
เซี่ยชูหลิงรวบผมยาวประบ่ามัดไว้หลวมๆ ด้วยเครื่องผูกผม “เดิมทีข้าก็มีรายการเงินถมสินสอดของข้าอยู่มิใช่หรือ เวลานี้อยู่ที่ไหน?"
“อยู่ที่แม่หวังเจ้าค่ะ ถ้าคุณหนู ต้องการบ่าวจะไปขอจากแม่หวังมาให้ เพียงแต่ว่าตั้งแต่เข้ามาในจวนบ่าวก็ไม่เห็นแม่หวังอีกเลย"
“ข้าเกรงว่าเจ้าจะนำมันคืนมาไม่ได้ ต่อไปนี้ระวังแม่หวังเอาไว้นะ นางเป็นคนของอี้เหนียงติดตามสินเดิมข้ามาก็เพื่อมาเป็นสายให้อี้เหนียง”
"ชิงฮวนเข้าใจความหมายคำพูดของคุณหนูเจ้าค่ะ"
ชิงฮวนกล่าวต่อ “แต่คุณหนูดีกับนางขนาดนั้น แม่หวังก็ช่างใจดำจริงๆ ถ้านางกล้ากลับมาอีก บ่าวจะใช้ไม้ตีนางให้กระเด็นออกไปเลย"
เซี่ยชูหลิงส่ายหน้าเบา ๆ และหันหลังเดินออกไป
"คุณหนูจะไปไหนหรือเจ้าคะ" ชิงฮวนวิ่งตามออกมาเอ่ยถาม
"ข้าจะไปห้องชายารองน่ะ" เซี่ยชูหลิงตอบอย่างไม่หันกลับมามอง
ชิงฮวนชะงักไปครู่หนึ่งแล้วนึกถึงไอสังหารที่อยู่รอบกายของอ๋องเหยียนทำให้เขาดูเหมือนเจ้าชีวิตของคนทั้งจวน วันนี้คุณหนูก็หาทางออกมาได้แล้วเหตุใดยังจะเข้าไปหาเรื่องอีกล่ะ
ยิ่งตอนนี้ไม่ใช่ว่าท่านอ๋องกำลังพรอดรักกับชายารองอยู่หรือ?นี่เป็นการเอาชีวิตไปทิ้งชัดๆ นางวิ่งตามเซี่ยชูหลิงไปด้วยสองขาที่สั่นเทา
ลานที่เสิ่นหยุนชูอาศัยอยู่มีชื่อว่าเรือนไป๋หลาน และมีการสร้างโครงไม้ขึ้นมาใหม่นอกลาน ซึ่งดูเหมือนว่าจะปลูกจากที่อื่นและนำมาไว้ที่นี่ ฤดูนี้ ดอกไป๋หลานเหี่ยวเฉา กิ่งก้านและใบที่หนาแน่นของเถาวัลย์ทำให้เกิดแสงและเงาเป็นรอยด่างบนพื้นดิน
เมื่อเซี่ยชูหลิงเดินผ่านไป เธอหยุดครู่หนึ่งและอดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นอย่างขมขื่น ก่อนที่จะก้าวเข้าไปในลาน
ทันทีที่เธอเข้าประตูไป เธอก็พบกับคนคุ้นเคยแม่หวังกำลังคุยกับจิ่งสืออยู่ที่ระเบียงที่ยื่นออกไป เมื่อเห็นเซี่ยชูหลิงแม่หวังก็มีสีหน้า กระอักกระอ่วนและเดินยิ้มเข้ามาหาเธออย่างร้อนรน
เซี่ยชูหลิงไม่ได้พูดอะไรกับนางมากมาย “ชายารองล่ะ”
ก่อนที่แม่หวังจะได้ตอบกลับจิ่งสือก็พูดขึ้นมาก่อน และเหลือบมามองเธออย่างเย่อหยิ่ง “เกรงว่าเวลานี้จะไม่สะดวกเท่าไหร่นะเจ้าคะ ท่านอ๋องกำลังเสวยพระกระยาหารอยู่ในห้องกับชายารองขอพระชายาค่อยมาใหม่วันพรุ่งนี้เถิดเจ้าค่ะ”
เซี่ยชูหลิงไม่ได้สนใจนางเดินเข้าไปในเรือน “เจ้าไม่เห็นหรือยังไม่ถึงคราวที่เจ้าต้องพูด"
จิ่งสือก้าวไปด้านหน้าเพื่อที่จะขวางเซี่ยชูหลิงไว้ แต่แม่หวังก็ขวางจิ่งสือไว้อย่างใจเย็นและแอบส่งสายตาให้นาง พร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ “ให้นางไปเถอะ”
เซี่ยชูหลิงผลักประตูเข้าไปทันทีตามมาด้วยชิงฮวนเดินอยู่ด้านหลัง กลิ่นหอมของผักกับกลิ่นของสุราข้าวลอยเข้ามาเตะจมูก ซึ่งกระตุ้นให้ความหิวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
เมื่อมู่หรงเหยียนและเสิ่นหยุนชูได้ยินเสียงประตู พวกเขาก็หันหน้าไปพร้อมกันเมื่อพวกเขาเห็นว่าผู้ที่เข้ามานั้นเป็นเซี่ยชูหลิงพวกเขาถึงกับกัดฟันกรอด
เสิ่นหยุนชูหน้าดำหน้าแดง และจิตใจเตลิดเปิดเปิงเนื่องจากคิดไม่ถึง
เซี่ยชูหลิงยกยิ้มขึ้นช้าๆ “ท่านอ๋องก็อยู่ที่นี่ด้วย บังเอิญเสียจริง”
มู่หรงเหยียนเย้ยหยันอย่างเย็นชา “ข้าไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ หากเจ้าตั้งใจเช่นนั้นและยอมรับอย่างเปิดเผย ข้าจะลองมองเจ้าใหม่"
เซี่ยชูหลิงนั่งลงอย่างไม่เกรงใจนางมองไปที่ อาหารตระการตาบนโต๊ะและไม่แม้แต่จะมองเขาด้วยซ้ำ จากนั้นก็ยกจานไก่ฉีกปรุงสุกหอมกรุ่นตรงหน้าเสิ่นหยุนชูขึ้นมา
“ท่านอ๋อง ท่านเข้าใจผิดแล้ว หม่อมฉันมาที่นี่เพื่อทานอาหารเท่านั้น ท่านไม่ใช่อาหาร สู้ไก่ทอดนี้ไม่ได้หรอก”
กล่าวพลางถลกแขนเสื้อขึ้นหมุนข้อมือ และจู่ๆก็มีมีดผ่าตัดใหม่แวววาวอยู่ในมือของนางปรากฎออกมา
เสิ่นหยุนชูหน้าซีดเซียวทันที และกระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของมู่หรงเหยียนด้วยร่างกายที่สั่นเทา “ท่านพี่พระชายา ท่านจะทำอะไร"
เซี่ยชูหลิงยกมีดขึ้น และนำน่องไก่ยัดไปในมือของชิงฮวนที่อยู่ด้านหลัง “รสชาติน่าจะดีทีเดียว”
ชิงฮวนถือมันไว้ในมือและไม่กล้ากินมัน สายตาเย็นชาของมู่หรงเหยียนที่จ้องมองมาแทบจะทำให้นางกลายเป็นก้อนน้ำแข็งไปแล้ว
หลังจากหายตกใจเสิ่นหยุนชูก็ลุกขึ้นจากอ้อมแขนของมู่หรงเหยียนอย่างเขินอาย “ข้าคิดว่าท่านพี่พระชายาคิดไม่ตกอีกแล้ว”
“หืม?” เซี่ยชูหลิงเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าก็เลยรีบเข้าไปขวางท่านอ๋องไว้ เกรงว่าเขาจะหยิบมีดของข้าไปจ้วงแทงตนเองเหมือนที่เกิดขึ้นในงานแต่งงานของเจ้าหรือ? ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีความสุขที่เห็นมันเกิดขึ้นนะ”
มู่หรงเหยียนเม้มปากบาง “เซี่ยชูหลิงเจ้ามาที่นี่เพื่อยั่วยุข้าใช่ไหม”
เซี่ยชูหลิงพลิกมีดไปมาที่ปลายนิ้วของเธอเบาๆ และหนังไก่สีทองกรอบของไก่ก็ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ ทีละชั้น เธอไม่มีตะเกียบเธอจึงหยิบมันขึ้น มาด้วยปลายนิ้วแล้วนำเข้าปากทั้งๆ ที่เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม แต่เธอก็ทำมันได้อย่างสบายใจ และสวยงาม
“ดูท่าจวนท่านอ๋องจะไม่ค่อยร่ำรวยเท่าไรนัก หม่อมฉันกินเนื้อไปแค่ไม่กี่คำ ท่านอ๋องก็อารมณ์เสียขนาดนี้แล้ว ไม่แปลกใจเลยที่หม่อมฉันและคนรับใช้กินไม่ได้แม้แต่โจ๊กหลังจากเข้าไปในวังมา"
มู่หรงเหยียนชะงักไปครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างประชดประชัน “จวนของข้าไม่ต้อนรับคนเกียจคร้าน นับประสาอะไรกับคนนอก”
ชายคนนี้ขี้เหนียวจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่เขาเพิ่งจะแต่งงานในวัยนี้
เซี่ยชูหลิงทานอาหารต่อไปอย่างเอร็ดอร่อย แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บและไม่สามารถทานอาหาร ที่มีไขมันมากเกินไปได้ แต่ก็ต้องเติมพลังให้ตัวเองให้เร็วที่สุด
....