ตอนที่ 7 สตรีอำมหิต
"แม่นางเสิ่น อยู่ในจวนตระกูลเสิ่นของเจ้าข้านั้นไม่รู้ว่าเจ้าจะมีอำนาจมากมายเพียงใด โอ้อวดภูมิใจแค่ไหน แต่ที่นี่คือจวนอ๋องเหยียนเจ้าเป็นเพียงชายารองเท่านั้น
ข้าไม่เชื่อหรอกว่าฮูหยินเสิ่นจะไม่สั่งสอนเรื่องกฎระเบียบการเป็นชายารองให้เจ้ารับรู้ ดังนั้นถ้าเจ้ายังเป็นบ้าเป็นหลังเช่นนี้อีกอย่าหาว่าพระชายาเอกอย่างข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน!"
เสิ่นหยุนชูตกตะลึงกับท่าทางของเซี่ยชูหลิงเมื่อสักครู่ นางให้คนไปสืบมาแล้วในจวนเสนาบดีเซี่ยชูหลิงคนนี้อยู่อย่างต่ำต้อยกว่าบ่าวในจวนเสียอีกแล้วเอาอะไรมาข่มขู่นางที่เป็นถึงสตรีที่เหยียนอ๋องเต็มใจอภิเษกกับนางกัน
เสิ่นหยุนชูหัวเราะคิก "เซี่ยชูหลิงเจ้าคิดว่าตนเองเป็นต้นหอมที่ทุกคนต้องใส่ในเครื่องจิ้มหรือ? ท่านอ๋องปฏิเสธการสมรสกับเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่าแต่เพราะความไร้ยางอายของพวกเจ้าบังคับขู่เข็ญให้ท่านอ๋องอภิเษก ตำแหน่งพระชายาเอกที่ได้มา มีอะไรน่าภูมิใจกัน"
เซี่ยชูหลิงไม่มีท่าทีร้อนใจหรือโมโหดั่งที่จะเป็น นางยิ้มเยาะเย้ยเชิดหน้าขึ้นสูง "เจ้าช่วยพูดให้ดังกว่านี้หน่อยสิ พูดให้คนในจวนได้ฟังว่าความคิดของเจ้านั้นแท้จริงเป็นเช่นไร
คำว่าพวกเจ้า ของเจ้าที่กล่าวมานั้นคงจะหมายถึงฮองไทเฮาและเหล่าไท่จวินด้วยสินะ หรือจะรวมฮ่องเต้ ฮองเฮาเข้าไปด้วย เพราะทุกพระองค์ต่างก็สนับสนุนการสมรสนี้ของข้ากับท่านอ๋องต่อให้ท่านอ๋องจะไม่เต็มใจแล้วทำอะไรได้ สุดท้ายข้าก็ได้เป็นพระชายาเอกอยู่ดี"
คำพูดเหล่านั้นถูกพูดออกมาอย่างสบายอกสบายใจแต่ทุกๆคำต่างก็ทรงพลัง เสิ่นหยุนชูรู้ดีว่าสิ่งที่นางพูดมานั้นเป็นความจริง ต่อให้ท่านอ๋องเข้าข้างนาง แต่อำนาจที่หนุนหลังเซี่ยชูหลิงนอกจากตระกูลเสนาบดีแล้วยังมีราชวงศ์และจวนกั๋วกงอีก
ต่อให้วันนี้นางไม่สามารถทำอะไรเซี่ยชูหลิงได้ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสรอให้ท่านอ๋องโปรดปรานและลุ่มหลงนางก่อนเถอะ วันนั้นจะเป็นวันที่เซี่ยชูหลิงอยากอยู่ก็ไม่สู้ตายเลยเชียว
"นี่เจ้ากล้าใช้ทั้งราชวงศ์มาข่มขู่ชายารองเช่นข้าเชียวหรือ คิกคิก ไม่คิดเลยว่าตำแหน่งชายารองนี้ของข้าจะสูงส่งถึงขนาดพระชายาเช่นเจ้าใช้ราชวงศ์มาข่มขู่"
"เจ้าผิดแล้วเสิ่นหยุนชู ข้าแค่จะเตือนเจ้าไว้เท่านั้น ตลอดเวลาที่ข้ายังอยู่ในจวนอ๋องนี้เจ้าจงเก็บหางของตัวเองเอาไว้ให้ดีอย่าได้มาหาเรื่องข้า เก็บความอยากได้ตำแหน่งพระชายาเอกของเจ้าเอาไว้ให้มิดอย่าให้ออกนอกหน้าจนน่ารังเกียจ
หากว่าข้าไม่พอใจมากๆ ข้าเกิดเปลี่ยนใจไม่หย่ากับท่านอ๋องขึ้นมาความพยายามของเจ้าในหลายวันก่อนอาจสูญเปล่า"
ภาพในงานแต่งชายารองผุดขึ้นมาอย่างเด่นชัด สตรีผู้นี้ภายใต้ความอ่อนโยนเสแสร้ง สามารถแม้กระทั่งดึงมีดในมือของเธอแทงช่องท้องของตนเอง
เหอะเจ้าอ๋องโง่นั่นก็ยิ่งทุ่มกายแรงใจเพื่อคนรักของตนสินะเพราะนางสามารถตายแทนได้ สนุกจริงๆ
เสิ่นหยุนชูชะงักไปในทันที แน่นอนว่าในวันนั้นเป็นความจงใจของนางล้วนๆและก็เรียกคะแนนได้ท่วมท้นเลยทีเดียว
"คำพูดออกจากปากข้าเป็นของข้าคำพูดออกจากปากเจ้า ผู้ใดจะเชื่อ" เสิ่นหยุนชูไม่ตายใจ
"เจ้าจะลองดูไหมหล่ะ?" ท่าทางของเซี่ยชูหลิงเวลานี้คือทุ่มหมดหน้าตัก ไม่เกรงไม่กลัวนั่นเพราะตำแหน่งพระชายาอะไรนี่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเธอเลยสักนิดแต่สำหรับเสิ่นหยุนชูนั้นไม่ใช่
เวลานี้เสิ่นหยุนชูกำมือในแขนเสื้อแน่น ไอเย็นที่ออกมาจากร่างกายของเซี่ยชูหลิงก็แทรกซึมเข้าไปในอวัยวะทุกส่วนของนางทั้งอวัยวะภายในตันทั้งห้าและอวัยวะกลวงทั้ง จนทำให้เสิ่นหยุนชูรู้สึกปากสั่นและขนลุกขึ้นมา
เวลานั้นยืนนิ่งอยู่ข้างเตียง ท่าทางโอ้อวดของนางเมื่อสักครู่นี้หายไปจนเกือบหมด
เซี่ยชูหลิงหันไปออกคำสั่งกับชิงฮวน “นำผ้าห่มผ้าปูที่นอนทั้งหมดที่พระชายารองสัมผัสไปเผาซะ
เสิ่นหยุนชูได้สติกลับมา “เจ้ากล้าเหยียดหยามข้างั้นหรือ”
เซี่ยชูหลิงพยักหน้าอย่างใจเย็น “ใช่ ข้ากำลังเหยียดหยามเจ้าอยู่ เจ้าจะไปฟ้องท่านอ๋องก็ได้ อธิบายให้เขาฟังว่าทำไมเจ้าถึงต้องมานอนบนเตียงสมรสของข้าด้วย"
เสิ่นหยุนชูพูดอะไรไม่ออกทันที นางอดกลั้น ความโกรธเอาไว้จนหน้าแดงก่ำ นางกัดฟันและพูดออกมาสามคำ “เจ้าจำไว้! ท่านอ๋องต้องให้ข้าเป็นพระชายาเอกแน่นอน!"
จากนั้นนางก็เดินออกไปอย่างโกรธเคืองพร้อมกับสาวใช้ข้างกาย
หลังจากเสิ่นหยุนชูออกไปแล้วชิงฮวนก็เอ่ยถามเซี่ยชูหลิงอย่างขลาดกลัว
"คุณหนูเจ้าคะ ชายารองคงไม่ไปฟ้องท่านอ๋องให้ท่านอ๋องมาต่อว่าคุณหนูอีกหรอกนะเจ้าคะ ข้าน้อยเกรงว่า.."
"ชิงฮวนนับแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าไม่ต้องคิดว่าเจ้านั้นด้อยกว่าบ่าวรับใช้คนใดในจวนเลย ใช้ชีวิตของตนเองให้ดีก็พอเราไม่ยุ่งกับใคร ใครก็อย่ามายุ่งกับเราขอแค่ข้ายังอยู่จากนี้ไปจะไม่มีใครมาเอาเปรียบเจ้าได้"
เพราะชีวิตของเจ้าของร่างเดิมนั้นได้สลายหายไปแล้ว เวลานี้เป็นเธอที่เข้ามาอาศัยอยู่ในร่างนี้แทน ชีวิตต่อจากนี้เธอจะเป็นผู้กำหนดเอง
สองนายบ่าวพูดคุยกันอย่างจริงใจจนเวลาผ่านไปเซี่ยชูหลิงรู้สึกเหนื่อยล้าจึงค่อยๆเอนกายลงบนเตียงแล้วเผลอหลับไป
ชิงฮวนรู้งานเมื่อจัดการห้องเรียบร้อยนางก็ออกไปเอาน้ำร้อนและโจ๊กในครัว
เซี่ยชูหลิงรู้ว่าเวลานี้มู่หรงเหยียนนั้นไม่พอใจนางเป็นอย่างมาก เสิ่นหยุนชูเองก็จ้องจะใช้แผนการตลอดเวลาดังนั้นจากนี้ไปเธอจะต้องเตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อม
เซี่ยชูหลิงหลับไปด้วยร่างกายที่อ่อนเพลีย ก็ไม่รู้ว่าหลับลึกแค่ไหนนางฝันถึงครั้งแรกที่เจ้าของร่างได้พบกับมู่หรงเหยียน ในตอนนั้นเขาทำให้นางหัวใจเต้นแรง เมื่อสองเดือนก่อนที่จวนเสนาบดี เจ้าของร่างนี้ได้พบกับเซี่ยชูหลางน้องสาวต่างมารดาของเจ้าของร่างนี้บนสะพาน
และเซี่ยชูหลางก็ได้พูดจาหยาบคายว่าร้ายใส่นางตามปกติ เพราะตั้งแต่ที่แม่ของเจ้าของร่างล้มป่วยและเสียชีวิตไปพี่ชายของเจ้าของร่างเองก็ป่วยหนัก นางและพี่ชายไม่มีที่พึ่งในจวนมหาเสนาบดีเลยเมื่อพบเจอกับน้องสาวต่างมารดานางก็อดทนการถูกกลั่นแกล้งทุกครั้งไป
แต่ในวันนั้นเซี่ยชูหลางกลับลงไม้ลงมือกระชากเสื้อผ้าของเธอออก เหยียดหยามเธอต่อหน้าบ่าวไพร่ในจวนเธอจึงปกป้องตนเองแต่ใครจะรู้น้องสาวตัวดีกลับทิ้งตัวเองลงไปในสระใต้สะพาน
จือชิวบ่าวรับใช้ของนางก็ตะโกนเรียกคนช่วย "ช่วยด้วยเจ้าค่ะ ช่วยด้วยคุณหนูใหญ่ผลักคุณหนูรองตกน้ำ"
เซี่ยชูหลางผลุบโผล่อยู่กลางน้ำ ก็เป็นแม่นมในจวนกระโดดลงไปช่วยนางขึ้นมา
ผู้เป็นพ่อวิ่งเข้ามาจากด้านหลัง และก้าวเข้าไปตบเซี่ยชูหลิงอย่างรุนแรงแบบไม่ถามเรื่องราวเลยสักนิด “นังอสรพิษ! แม้แต่น้องสาวแท้ๆ ของตัวเองก็ยังทำได้ลง! ยังไม่คุกเข่าลงอีก!"
เซี่ยชูหลิงจับแก้มที่ร้อนผ่าวของตัวเองและมองไปยังพ่อที่โกรธจัด น้ำตาแห่งความคับข้องใจเอ่อล้นในดวงตาของเธอ “ข้าไม่ได้ทำนะเจ้าคะ นาง เป็นคนที่หยาบคายใส่ข้าก่อน ข้าก็แค่ใช้มือมากันไว้เท่านั้น”
“ไม่สำนึกผิดแล้วยังจะแก้ตัวอีก เมื่อสักครู่นี้พ่อกับอ๋องเหยียนก็เห็นอย่างชัดเจน คนที่ปฏิบัติตัวไม่สมกับเป็นสตรีเช่นเจ้าทำไมยังไม่รีบไปขอโทษน้องสาว ของเจ้าอีก ขออ๋องเหยียนให้อภัยด้วยเถิด”
เซี่ยชูหลางเปียกโชกไปทั้งตัว ร่างกายของเธอสั่นเทาเล็กน้อย เธอทำหน้ากล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม “เป็นเพราะลูกเองที่ระวังไม่มากพอ ท่านพ่อ ท่านอย่าลงโทษท่านพี่เลยนะเจ้าคะ"
มู่หรงเหยียนยืนมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเงียบๆดวงตาที่เย็นชาและมืดมนของเขามองมาที่เซี่ยชูหลิงใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ
“ไม่คิดเลยว่าสตรีที่เสด็จย่าหมั้นหมายให้ข้านั้นจะกำเริบเสืบสานใช้อำนาจบาตรใหญ่ อำมหิตและเลวทรามเช่นนี้ เจ้าคงไม่ได้เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลสูงศักดิ์หรอกใช่ไหม ทำไมถึงแตก ต่างจากตอนที่อยู่ต่อหน้าไทเฮาลิบลับเลยล่ะ”
.....