ตอนที่ 4 สตรีอัปลักษณ์
เซี่ยชูหลิงรู้สึกว่าเวลานี้กระดูกซี่โครงของเธอนั้นน่าจะหักก็ไม่รู้ว่าร้ายแรงจนทิ่มอวัยวะภายในไหม
ภายในใจก็แอบคิดว่า หากมียาระงับความเจ็บปวดที่เธอวิจัยขึ้นมาได้ก็คงจะดีสินะ ฉับพลันภายในสมองส่วนกลางของเธอก็ปรากฎกระเป๋ายานาโนของเธอขึ้น
แม้จะเหนือความคาดหมายเซี่ยชูหลิงก็รู้สึกตื่นเต้นภายในใจ เธออยากจะหยิบยาระงับความเจ็บปวดออกมาฉีดให้ตัวเองเหลือเกินแต่เวลานี้ไม่สะดวกยิ่งนัก
เซี่ยชูหลิงกำมือแน่นขมวดคิ้วและมองไปที่มู่หรงเหยียน
"ท่านอ๋องคงลืมไปแล้วในวันอภิเษก ท่านอ๋องหนีออกไปกลางงาน ดังนั้นหม่อมฉันยังไม่ได้กราบไหว้ฟ้าดินกับท่าน จึงไม่ถือว่าเป็นเรื่องภายในจวน และท่านไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายหม่อมฉัน และหม่อมฉันก็จะไม่อ้อนวอนเพื่อที่จะได้รักษาอาการให้เหล่าไท่จวินหรอกนะ
หม่อมฉันแค่จะถามท่านคำเดียวว่าช่วยหรือไม่ช่วย ถ้าไม่หม่อมฉันก็จะไม่ยุ่งอีกเลยหม่อมฉันไม่กลัวอะไรทั้งนั้น จะกลัวอะไรกับอีแค่การฝ่าฝืน"
คำพูดเหล่านี้มีพลังและไร้ความกลัวจนมู่หรงเหยียนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
ในวันสมรสของมู่หรงเหยียนและเซี่ยชูหลิงนั้นเสิ่นหยุนชูคิดสั้นกระโดดน้ำหมายจะฆ่าตัวตายแต่บ่าวรับใช้มาช่วยไว้ทันทำให้มู่หรงเหยียนที่ทราบข่าวก็ทิ้งเจ้าสาวตรงออกไปยังจวนรองแม่ทัพเสิ่นในทันที
ท่ามกลางแขกเหรื่อมากมายเวลานั้นฮองไทเฮาไม่พอพระทัยยิ่งนัก หลังจากงานสมรสเสร็จสิ้นพระองค์จึงเสด็จไปไหว้พระสวดมนต์เป็นเวลาสามเดือนนี่ก็เพิ่งจะผ่านไปเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น ใครจะรู้ว่า ทั้งสองจู่ๆก็เข้าวังมาขอหย่า
"จิตใจที่แน่วแน่และทักษะของพี่สะใภ้ ข้ามู่หลินเฟิงเชื่อมั่นนัก ได้โปรดช่วยชีวิตเสด็จยายของข้าด้วย"
เซี่ยชูหลิงอยากจะไม่สนใจ แต่อาการโรคหัวใจกำเริบของเหล่าไท่จวินนั้นก็เป็นสิ่งที่เธอจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ นอกจากนี้คําพูดของมู่หลินเฟิงนั้นก็จริงใจ
ดังนั้นเธอจึงฝืนความรู้สึกไม่สบายในร่างกายของเธอ ก้าวไปข้างหน้าและคุกเข่าลงต่อหน้าเหล่าไท่จวิน ยื่นมือออกไปรับเข็มมาจากหมอหลวง แล้วแทงเข้าจุดสำคัญหลายจุดอย่างชำนาญและแม่นยำ
เซี่ยชูหลิงสะบัดนิ้วเบาๆ เข็มเงินก็ส่งเสียง "ฟิ้ว" ทันทีทีละอันๆ
หมอหลวงตะลึงงัน “วิชาฝังเข็มทองคำ เป็นไปได้อย่างไร?"
ว่ากันว่าหมอแปลกหน้าใช้เข็มทองคำทำให้คนตายฟื้นคืนชีพได้ อีกทั้งวิชานี้ก็ไม่ได้รับการสืบทอด และหายไปเป็นร้อยปี นางเป็นแค่ผู้หญิงที่ไม่เคยออกจากเรือนทำแบบนี้ได้อย่างไรกัน
เซี่ยชูหลิงอ่อนแรงไปทั้งตัว เหงื่อเย็นไหลซึมออกมาจากหน้าผากของเธอร่างกายโอนเอนไปมา
รัชทายาททนดูต่อไปไม่ไหว “พระชายา ท่าน...."
เซี่ยชูหลิงเช็ดเหงื่อออกจากศีรษะ ส่ายหน้าด้วยความยากลำบาก
มู่หรงเหยียนมองไปที่แผ่นหลังที่ดื้อรั้น ของนางมือในแขนเสื้อกำแน่น เขาเม้มริมฝีปากแต่ไม่พูดอะไร
เวลาผ่านไปอีกครึ่งถ้วยชาเซี่ยชูหลิงก็ปักเข็มลงไปที่เส้นเลือดที่คอของเหล่าไท่จวิน ก่อนจะถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก "ในขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้อง..."
พูดยังไม่ทันจบด้านหน้าก็มืดสนิท ร่างทั้งร่าง โอนเอนลงไปกองอยู่กับพื้น
เธอได้ยินเสียงเอะอะแว่วๆ ที่ข้างๆ “ฟื้นแล้ว เหล่าไท่จวินฟื้นแล้ว”
เธอจึงวางใจและหมดสติไปในความมืดมิด
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้เซี่ยชูหลิงถึงรู้สึกตัว ดวงตาหงส์ค่อยๆ สำรวจบริเวณห้องที่ตนเองอาศัยอยู่ ทุกอย่างหรูหราและสวยงาม
คิ้วเรียวขมวดก่อนนี้เธอได้ฝังเข็มให้เหล่าไท่จวินแล้วก็สลบไป นั่นเพราะว่าการฝังเข็มยื้อชีวิตใช้พลังลมปรานเป็นจำนวนมากเพราะร่างกายอ่อนแอเธอจึงหมดสติ
เมื่อตั้งสติได้เซี่ยชูหลิงค่อยๆยกมือตรวจดูชีพจรของตัวเอง
เธอเปิดระบบการแพทย์ที่ฝังอยู่ในระบบประสาทส่วนกลางโดยไม่รู้ตัว แต่รางกายนี้เป็นร่างกายที่เธอสิงสถิตอยู่ ระบบการแพทย์นั้นจึงไม่น่าจะใช้ได้?
ถือว่าสวรรค์ยังคงไม่ทอดทิ้งเธอ ถึงแม้ระบบการแพทย์ จะดูผิดปกติไปเล็กน้อยก็ตาม ส่วนจะเป็นจุดไหนที่ผิดปกติไปนั้น ตอนนี้ยังไม่อาจบอกได้ แต่โชคยังดีที่สามารถใช้งานได้
หลังจากการตรวจวินิจฉัยทั่วทั้งร่างของตนเองภาพสแกน MRI ร่างกาย ก็ปรากฎขึ้นเวลานี้กระดูกซี่โครงของเธอนั้นร้าวไม่ได้หัก
เซี่ยชูหลิงหยิบยาระงับความเจ็บปวด และแก้อักเสบให้กับตัวเองหลังจากเก็บทุกอย่างเข้าระบบแล้วเธอจึงหายใจเข้าลึกๆเพื่อให้อาการปวดบรรเทา
"พระชายาท่านฟื้นแล้ว.." ทันใดนั้นที่ด้านนอกประตูก็มีเสียหญิงสูงวัยเอ่ยดังเข้ามา
ทันทีที่เธอตวัดสายตามองออกไปก็สัมผัสได้ถึงดวงตาเฉียบคมราวกับนกอินทรีจ้องมองมา ริมฝีปากบาง ฉีกยิ้มเย้ยหยัน
"อย่าคิดว่าแค่เพียงช่วยเหลือเสด็จยายเพียงเล็กน้อยจะทำให้ข้าเปลี่ยนใจยกย่องเจ้าขึ้นเป็นพระชายาเอก
สตรีที่มากแผนการร้อยแปดวิธีการที่แสนชั่วร้ายอย่างเจ้าอย่าได้คิดเพ้อฝันในสิ่งที่ไม่สมควรจะได้รับ!"
เซี่ยชูหลิงผงะไปครู่หนึ่ง ชายคนนี้เต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อเธอจริงๆ เขาไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตาเลยสักนิด
หรือเพราะว่าเจ้าของร่างนี้เคยไปขุดสุสานบรรพบุรุษของเขาขึ้นมาอย่างนั้นหรือ?
เซี่ยชูหลิงยืดตัวตรงดวงตาจับจ้องไปยังร่างสูงสง่าที่เดินเข้ามาไม่ว่าเจ้าของร่างจะเคยถอนขนหน้าแข้งเขาไปเท่าไหร่
หลังจากที่เธอเข้ามาอาศัยอยู่แล้วจะให้เธอยอมถูกเอารัดเอาเปรียบเหมือนร่างเดิมนั้นไม่ได้แล้ว ในเมื่อเขากล้ารังแกฉัน ฉันก็จะสู้กับเขาให้ดู
จะทำให้รู้ว่าฉันเซี่ยชูหลิงคนนี้ไม่ใช่หญ้าหางหมาที่ใครๆ ก็พากันเหยียบย่ำได้อีกแล้ว
เซี่ยชูหลิงยกยิ้มเย้ยหยัน “หม่อมฉันนั้นช่วยเหล่าไท่จวินก็เพราะในหน้าที่ของหมอผู้หนึ่งเท่านั้น ท่านอ๋องท่านก็ช่วยคิดเข้าข้างตัวเองให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ
วันนี้หย่าไม่ได้วันต่อไปก็ต้องหย่าได้ หม่อมฉันนี่แทบรอไม่ไหวที่อยากจะไปจากจวนของพระองค์ ดังนั้นไม่มีเรื่องเพ้อฝันอย่างที่ท่านอ๋องเข้าใจอย่างแน่นอน"
ดวงตาที่เย็นชาของมู่หรงเหยียนหยุดอยู่บนใบหน้าของเธอ "ช่างฉอเลาะนักวันนี้ข้าหย่ากับเจ้าไม่สำเร็จแต่เจ้าก็อย่าได้ใจเร็วไป
เจ้าพูดถูก วันนี้ไม่ได้ วันข้างหน้าก็ยังมีข้าไม่เชื่อหรอกว่า ข้าจะไม่มีโอกาสที่จะหย่ากับเจ้า!"
เซี่ยชูหลิงเลิกคิ้วขึ้นสูง "หนึ่งวันเห็นหน้าท่านข้ายังรู้สึกอึดอัดเลย หากมีอะไรที่ข้าพอช่วยท่านอ๋องให้การหย่าร้างของพวกเราดำเนินไปได้ด้วยดีก็รีบบอกมานะเพคะ หม่อมฉันจะรีบอย่างไม่ให้เสียเวลาเลยแม้แต่นิดเดียว"
"เจ้า..."
"ท่านทั้งสอง หยุดกันได้แล้วมั้งเจ้าคะ เวลานี้เหล่าไท่จวินทรงฟื้นแล้ว ทูลเชิญท่านอ๋องและพระชายาเสด็จที่ห้องโถงเถิดเพคะ" แม่นมชราคนรับใช้ข้างกายเหล่าไท่จวินที่คอยรับใช้มาตั้งแต่อายุสิบสี่จนตอนนี้ห้าสิบ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
มู่หรงเหยียนโน้มเข้าไปใกล้เซี่ยชูหลิงจากนั้นก็เอ่ยคำพูดรอดไรฟัน "ข้าจะยังไม่คิดบัญชีกับเจ้าวันนี้ แต่ข้าขอเตือนเจ้าไว้ อีกประเดี๋ยวเมื่อไปพบเสด็จยายก็ให้รักษาอาการป่วยอย่างตรงไปตรงมา อย่าทำตุกติกต่อหน้าเสด็จยาย ข้าไม่มีทางสนใจเจ้าหรอก"
เซี่ยชูหลิงที่ได้ยินคำพูด หยิ่งผยองของเขาก็หัวเราะและพูดว่า "ท่านอ๋องเหยียนท่านก็อย่าหลงตัวเองเกินไปเลย ชูหลิงเองก็ไม่ได้สนใจท่าน เช่นกัน”
“เจ้าอย่าลืมว่าในตอนแรกใครเป็นคนที่รนหาที่ตาย รบเร้าจะแต่งเข้าจวนอ๋องนี้ให้ได้"
เซี่ยชูหลิงขมวดคิ้วนึกถึงปัญหาเก่าๆ นี้ได้ในตอนนั้นไทเฮาเป็นคนริเริ่มพระราชทานการอภิเษกนี้ให้นางกับเหยียนอ๋องเมื่อเหยียนอ๋องกลับมาจากการรบก็เคยกราบทูลว่าไม่อยากแต่งงาน
ในเวลานั้นเซี่ยชูหลิงเองก็ยังไม่สามารถยั่วยวนเขา ได้อีกทั้งท่านพ่อของเธอยังไม่อยากจะเสียลูกเขยในอุดมคติไปจึงรีบไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ กราบทูลว่าบุตรีของตนได้ข่าวว่างานอภิเษกจะถูกยกเลิกจึงพยายามคิดหาวิธีจบชีวิตตนเอง
และนางยังประกาศอีกว่าหากมิใช่เหยียนอ๋อง นางก็จะไม่มีทางตบแต่งด้วย ตอนนั้นการแสดงของนางสมจริงจนเกินไปมาก
ดังนั้นมู่หรงเหยียนจึงไม่สามารถสลัดการอภิเษกนี้ออกไปได้ และการขอยกเลิกการอภิเษกในครั้งนั้นจึงล้มเหลว
เซี่ยชูหลิงนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องที่เจ้าของร่างเดิมประสบพบเจอครั้งก่อนน้ำตาไร้ค่าสองหยดก็ไหลลงมา มู่หรงเหยียนเพียงกลืนคำพูดที่กำลังจะกล่าวนั้นลงไปแต่แล้ว..
“ตอนนั้นสายตาของหม่อมฉันคงจะไม่ดี” ชูหลิงกล่าวสั้นๆ “คนหนุ่มสาวน่ะ มีหรือที่จะไม่มีช่วงที่บุ่มบ่ามหน้ามืดตามัว"
คำพูดนั้นทำให้มู่หรงเหยียนรู้สึกหงุดหงิด เขาจ้องมองเธอด้วยแววตาดุดัน ใบหน้าของเขาขยับก่อนจะเอ่ยออกมาทีละคำ “ข้าเกือบลืมไปแล้วว่าเจ้าน่ะเป็นคนที่ไร้ยางอาย!
ใบหน้าอัปลักษณ์แต่อยากได้สามีที่รูปงามเพียบพร้อมถึงขนาดใช้อำนาจบารมีของบิดากดดันข่มขู่ราชวงศ์เพียงเพื่อหลงใหลในรูปลักษณ์ของข้าฟ้าดินก็ไม่สน
แม้ว่าข้านั้นจะรังเกียจเจ้าเพียงใด ขยะแขยงเจ้าเพียงใดเพื่อสนองความต้องการแล้วผิดถูกเจ้าก็ไม่สนใจ"
สตรีอัปลักษณ์? สตรีไร้ยางอาย?
คำพูดนี้ทิ่มแทงใจจนเซี่ยชูหลิงใบหน้าเปลี่ยนสีมู่หรงเหยียนนั้นพึงพอใจมาก แต่แล้วความพึงพอใจนั้นก็ต้องดับลงเมื่อได้ยินคำพูดต่อมาของนาง
"อัปลักษณ์หรือ? หึ! ท่านอ๋องพวกเรารีบหย่ากันเลยเถอะข้าจะทำให้ท่านรู้ว่า สตรีอัปลักษณ์เช่นข้านั้นจะหาผู้ชายมาสักสิบยี่สิบคนมาปรนนิบัติพัดวีไม่ได้เชียวหรืออย่างไรกัน?"
กล่าวจบเซี่ยชูหลิงก็ให้แม่นมชราจับมือประคองนางเดินออกไป
....