ตอนที่ 3 เหล่าไท่จวินป่วย
ฮองเฮาแย้มสรวญ จ้องมองคนทั้งสองอย่างมีความหมายเซี่ยชูหลิงกัดฟัน
“ชูหลิงรู้ตัวว่าผิดเพคะ”
ฮองเฮาตวัดดวงตาหงส์มองมายังนาง ริมฝีปากก็แย้มสรวญขึ้นมาอีกครั้ง มุมของดวงตาและคิ้วโค้งโดยไม่มีรอยยิ้ม “รู้ตัวว่าผิดก็ดี รู้เร็วก็แก้ไขเร็วมีอะไรต้องกังวลกัน.. ”
ตรัสจบฮองเฮาก็จิบชาคำหนึ่งแม้ฮองเฮาไม่ได้พูดถึงหรือตำหนิเธอสักคำ แต่เซี่ยชูหลิงก็สัมผัสถึงความไม่พอใจที่มีต่อเธอ เธอก้มหัวลงโดยไม่พูดอะไรสักคำ รอให้มู่หรงเหยียนเป็นคนเอ่ยปากเรื่องขอหย่า
ทุกอย่างรอบกายดูเงียบงัน เซี่ยชูหลิงที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า ลังเลว่าควรจะพูดออกไปอย่างไรดี มู่หรงเหยียนที่อยู่ข้างๆก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบ
"เสด็จแม่ ลูกมีเรื่องอยากกราบทูลพะย่ะค่ะ"
ฮองเฮาหยุดชะงัก จากนั้นก็ปรายเนตรอันแหลมคมจ้องมองมา
"มีเรื่องอะไรเร่งด่วนถึงขนาดต้องเข้าวังแต่เช้า?"
"ลูกต้องการหย่าพะย่ะค่ะ"
"ล้อเล่นอะไร การสมรสของพวกเจ้าไม่ใช่การที่อยากจะสมรสก็สมรส อยากจะหย่าก็หย่า " ฮองเฮายังคงพระทัยเย็น
"นางไม่เหมาะกับตำแหน่งพระชายาเอกของลูก!" มู่หรงเหยียนยังคงดึงดัน
ฮองเฮาค่อยๆวางถ้วยน้ำชาลง ตวัดพระเนตรอันแรงกล้ามายังเซี่ยชูหลิงจากนั้นก็หันมามองมู่หรงเหยียน
“เจ้าเป็น ถึงเชื้อพระวงศ์ แม้ว่าคนอื่นจะสูญเสียศักดิ์ศรี อย่างไร เจ้าก็ควรจะวางตัวให้เหมาะสม เจ้าชอบพอคุณหนูรองตระกูลเสิ่น ฮ่องเต้ก็ตอบรับ วันเวลายังอีกยาวไกลอย่าละโมบโลภมาก ละเมิดกฎระเบียบจนทำให้เสด็จย่าของเจ้าพิโรธ เสด็จยายของเจ้าทรงกังวล"
"เสด็จแม่สั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ลูกกับนางก็ต้องได้หย่าร้างกัน!'
"เหลวไหล!" ทันทีที่มู่หรงเหยียนกล่าวจบ ทางด้านนอกประตูก็มีเสียงหญิงชราดังขึ้น
กงกง จึงเข้ามากราบทูล "เหล่าไท่จวินเสด็จพะย่ะค่ะ"
ฮองเฮาค่อยๆ ลุกขึ้นโดยมีแม่นมข้างกายประคอง
"เสด็จแม่ เหตุใดถึงจู่ๆ มาได้" ทันทีที่ร่างหญิงชรา ศรีษะขาวโพลนเดินถือไม้เท้าเข้ามา ฮองเฮาก็ตรัสถาม
หญิงชรายกมือขึ้น จากนั้นก็เดินตรงมายังคนทั้งสองที่คุกเข่าอยู่นางมองมายังเซี่ยชูหลิงด้วยดวงตาที่เจ็บปวด
"การแต่งงานนี้เป็นฮองไทเฮาพระราชทานพวกเจ้าสองคนกล้าขัดพระราชโองการอย่างนั้นหรือ?"
มู่หรงเหยียนกล้ำกลืน "แต่หลานก็ไม่ได้ขัดราชโองการของเสด็จย่านะพะย่ะค่ะ สมรสกันแล้วค่อยหย่าร้าง นี่เป็นการขัดพระราชโองการที่ไหนกัน? อีกอย่างหลานก็ไม่ได้ชอบนาง นางไม่เหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาของหลาน"
เซี่ยชูหลิงระงับความเจ็บปวด "ขอบคุณเหล่าไท่จวินที่เมตตา แต่ท่านอ๋องไม่อยากอภิเษกชูหลิงเองก็ไม่อยากเช่นนั้นจึงต้องมาขอหย่าเพคะ"
เหล่าไท่จวินใช้ไม้เท้าเคาะพื้น "พวกเจ้านี่ช่างเหลวไหลเสียจริง ที่ข้าพูดไปเมื่อสักครู่ลืมแล้ว?การแต่งงานนี้ยกเลิกไม่ได้ "
"เสด็จยาย อนุญาตให้หลานหย่าเถิดพะย่ะค่ะ" มู่หรงเหยียนดื้อดึง
เหล่าไท่จวินกระแทกไม้เท้าลงพื้นอย่างรุนแรง พร้อมกับไอออกมาสองครั้ง
"ท่านแม่ เหยียนเอ๋อเจ้าพอได้แล้ว.." ฮองเฮารีบเข้ามาประคองเหล่าไท่จวินเอาไว้
"แต่เดิมทีตำแหน่งพระชายานี้ ควรจะเป็นของคุณหนูรองตระกูลเสิ่นอยู่แล้ว ก็เพียงแค่เสด็จยายทรงอนุญาตเหตุใดจะไม่ได้"
"หยวนเอ๋อเจ้าพอได้แล้ว บุตรสาวของอนุ มีอะไรเหมาะสมกัน" ฮองเฮาเสียงเข้ม
เหล่าไท่จวินกำลังจะพูด แต่ทันใดนั้นนางก็รู้สึกไม่สบายมือกําหัวใจแน่น ดวงตากลอกไปมา ก่อนที่ มือและเท้าจะเริ่มกระตุก
สีหน้าของมู่หรงเหยียนเปลี่ยนไป เขารีบก้าวเข้าไปกอดเหล่าไท่จวินที่เป็นลมไว้ “เสด็จยายเป็นอะไรไปพะย่ะค่ะ"
“เมื่อสักครู่ตอนที่เข้าวังมาพระนางบ่นว่ารู้สึกเจ็บหน้าอกเป็นกังวลเรื่องของท่านอ๋อง แต่ทานยาไปแล้ว ทำไมถึงยังมีอาการรุนแรงอยู่ " แม่นมฉีที่คอยรับใช้นางรายงานอย่างตะกุกตะกัก
"ตามหมอหลวงมาเร็วเข้า!" ฮองเฮารีบสั่งการด้วยความตกพระทัย
ไม่นานหมอหลวงก็วิ่งเข้ามาพร้อมกับกระเป๋ายา เมื่อเข้ามาก็รีบเข้ามาตรวจดูชีพจรก่อนจะตกใจสั่นกลัว “นี่ นี่...”
“รีบช่วยสิ นี่อะไร?” มู่หรงเหยียนเอ่ยเร่งอย่างโมโหหมอรวบรวมความกล้าก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
“วิตกกังวลมากเกินไปจนโรคเก่ากำเริบขอรับกระหม่อมไม่ชำนาญโรคนี้"
แม่นมฉีที่คอยรับใช้ร้อนรนจนเม็ดเหงื่อผุดบนหน้าผาก “ถ้ารักษาไม่ได้ก็รีบส่งเหล่าไท่จวินกลับจวนเถอะเจ้าค่ะ หมอประจำจวนเคยบอกว่าหาก อาการกําเริบต้องทำการรักษาทันที ห้ามปล่อยไว้ นานไม่เช่นนั้นอาจถึงชีวิตได้"
เซี่ยชูหลิงที่กำลังเหม่อลอยอยู่นั้นก็เงยหน้าขึ้นไปมองเหตุการณ์ตรงหน้าจากนั้นคิ้วเรียวก็ขมวดเข้าหากัน
พักหนึ่งเธอก็ค่อยๆ ขยับร่างที่เจ็บปวดเคลื่อนเข้ามา พลางเอ่ยเสียงแผ่วเบา "หากกั๋วกงฮูหยินชราเป็นโรคหัวใจ จะเคลื่อนย้ายไม่ได้เด็ดขาด!"
มู่หรงเหยียนเพียงแค่เหลือบตามองเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจกล่าวเสียงเย็น “หลบไป!”
เซี่ยชูหลิงกํามือแน่นก่อนจะหันกลับไปมองมู่หรงเหยียนนิ่งๆ “เรื่องเกี่ยวพันถึงชีวิตเช่นนี้ข้าไม่ได้ล้อเล่นหรอกนะ ถ้าท่านอยากจะช่วยฮูหยินเฒ่าก็ช่วยลืมความเกลียดชังที่มีต่อกันลงไปก่อนเถอะ!"
กล่าวจบเซี่ยชูหลิงก็หันไปสั่งแม่นม "ผ่อนปกเสื้อและเข็มขัดของท่านฮูหยินออกเพื่อให้นางหายใจได้สะดวกขึ้น"
“เสด็จยายป่วยหนักจะมาทำเล่นๆ แบบนี้ไม่ได้ เจ้าไม่ได้มีความรู้ด้านการแพทย์อย่าได้ทําอะไรมั่วๆ ข้าสั่งให้เจ้าหลบไป!" มู่หรงเหยียนเอ่ยอย่างมีเหตุผล
เมื่อเห็นว่านางยังไม่ขยับมู่หรงเหยียนก็โกรธจัด ดวงตาเย็นยะเยือกของเขาหรี่ลง “ถ้ายังไม่รีบไป อย่าหาว่าข้าไม่ปรานีก็แล้วกัน”
ความใจดีของเซี่ยชูหลิงกลับไม่ได้รับความสนใจ เธอรู้ดีว่าต่อให้พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์จึงได้แต่ ฝากความหวังไว้ที่หมอหลวง “รีบหาวิธีช่วยคนสิ!"
ขณะนั้นหมอก็สงบสติลงและเอ่ยอย่างติดๆ ขัดๆ "เหล่าไท่จวินในตอนนี้ไม่ควรขยับเขยื้อนจริงๆ ขอรับท่านอ๋อง ไม่สู้ท่านส่งคนไปตามหมอจากจวนก๋วกงมา ข้าน้อยจะลองฝังเข็มวิธีรักษานี้มีบันทึก ไว้ในตำรับยาเพื่อช่วยผู้ที่ป่วยโรคหัวใจ"
ในเวลานี้มู่หรงเหยียนเองก็สับสนเช่นกัน เขาลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะทำตามคำพูดของหมอ เขาสั่งให้คนไป เชิญหมอจากจวนกั๋วกงมาโดยเร็ว ในขณะที่จ้องมองการฝังเข็มอย่างใกล้ชิด
เวลาผ่านไปครึ่งถ้วยชาใบหน้าของหมอก็พลันซีดลง มือของเขาสั่นอย่างรุนแรงและในที่สุดเขาก็ทนไม่ได้อีกต่อไป "ไม่ไหว เหล่าไท่จวิน หัวใจของนางแทบจะหยุดเต้นแล้ว"
“ปัง!” มู่หรงเหยียนกระแทกกำปั้นลงกับโต๊ะจนเกิดเสียงดัง ฮองเฮาเองก็อ่อนยวบลงกับที่
เหล่านางกำนัล ขันทีที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็ตกอกตกใจหมอบลงกับพื้นในทันที
เซี่ยชูหลิงเห็นท่าไม่ดี จึงก้าวออกมาด้วยอารมณ์โกรธ “หม่อมฉันทำเอง”
“โจวอ้ายฉิงข้ารู้ว่าเจ้าไม่พอใจเสด็จยาย ไม่พอใจข้า ข้าขอเตือนเจ้า อย่าทำอะไรที่เกินกำลังของตัวเอง อย่าทำเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่นๆ” มู่หรงเหยียนกล่าวพลางผลักเธอออกไปอย่างไม่ปรานี
ในขณะนั้นเองร่างบอบบางของเซี่ยชูหลิงก็ถูกรับเอาไว้ เธอรู้สึกวิงเวียนไปชั่วขณะและตัวของเธอก็ถูกประคองเอาไว้
“เสด็จพี่ พระชายาแค่มีใจที่จะช่วยเสด็จยาย ทำไมท่านถึงไม่แยกแยะผิดชอบชั่วดี? อีกอย่างท่านรู้ได้อย่างไรว่านางไม่พอใจเสด็จยายหรือ?"
มู่หรงเหยียนกัดฟันกรอด “มู่หลินเฟิง นี่มันเรื่องของข้า เจ้าไม่ต้องเข้ามาสอด"
เซี่ยชูหลิงพยายามฝืนความเจ็บปวดเอาไว้ เธอรู้ว่าตัวเธอผ่านประตูนรกมาแล้วรอบหนึ่งก็ซาบซึ้งจนหันไปมองคนที่เข้ามาช่วยเธอไว้ บุรุษที่มีใบหน้างดงามราวหยก ดวงตาสุกสกาวราว ดวงดาว เขาคือรัชทายาทของจวนอันกั๋วกง ลูกพี่ลูกน้องของมู่หรงเหยียน มู่หลินเฟิง
......