ตอนที่ 11 ทางที่ยากลำบาก
เวลานี้เหล่าไท่จวินนั่งลงกับพื้นและกำลังให้อาหารปลาใต้ต้นทับทิมในสวน พอได้ยินว่าเซี่ยชูหลิงกำลังจะมา ท่านก็รีบบิดตัวอีกข้างหนึ่งและลุกขึ้นไปนอนลงบนเก้าอี้กุ้ยเฟย
พร้อมกับห่มผ้าห่ม หลับตาลงราวกับคนไม่มีชีวิต
ชีวา
เซี่ยชูหลิงเห็นจากระยะไกลแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรพอมาถึงก็นำกล่องไม้ไผ่วางไว้กับพื้นพร้อมกับพูดขึ้น “ถวายบังคมเหล่าไท่จวินเพคะ"
เหล่าไท่จวินหลับตาลงช้าๆ อย่างอ่อนแรง “สายป่านนี้แล้วเพิ่งจะมา หรือว่าข้าคนนี้ไม่มีความ
สำคัญ ก็เลยรบกวนสามีภรรยาอย่างพวกเจ้า?"
เฮ้อ เหล่าไท่จวินคนนี้ทำไมจึงพูดจาไม่มีมูลเช่นนี้ คำพูดเยาะเย้ยเช่นนี้ก็พูดออกมาได้
ฮูหยินใหญ่กั๋วกงหัวเราะเบาๆ เซี่ยชูหลิงไม่ได้กระทำผิดอะไรแต่กลับถูกแซวจนหน้าแดง นางเปิดฝากล่องออก
“เหล่าไท่จวินช่างมีอารมณ์ขันยิ่งนัก ที่
หม่อมฉันมาช้าเป็นเพราะว่าเตรียมยาให้ท่านอยู่
เพคะ”
สีหน้าของเหล่าไท่จวินเคร่งขรึมขึ้นมาทันที “ยาตั้งกล่องหนึ่ง นี่เจ้ากะจะวางยาพิษข้าหรือ หรืออยากให้ยาติดคอข้าจนตายหรือไง” เหล่าไท่จวินผู้นี้ก็มีเหตุผลที่จะโกรธ
เซี่ยชูหลิงนำยาออกมา “มีอยู่ไม่กี่ชนิด แต่เป็นปริมาณสำหรับสี่ห้าวัน กินยาให้ตรงเวลาท่านก็จะดีขึ้นในไม่ช้า"
เหล่าไท่จวินมองมาที่นางและพึมพำเบาๆ “เจ้าหวังให้ข้าหายเร็วๆ จะได้ไม่รบกวนเจ้าใช่ไหม” เซี่ยชูหลิงรู้สึกจนปัญญา นางนั่งลงตรงหน้าหญิงชราลดสายตาลงและพูดเบาๆ
“แน่นอนหม่อมฉันหวังจะให้ท่านหายเร็วๆ แม้ว่าหม่อมฉันจะหย่ากับท่านอ๋องแล้ว แต่ก็ยังจะมาเยี่ยมท่านบ่อยๆ"
เหล่าไท่จวินเบิกตากว้างและมองมาอย่าเคร่งขรึม
“ขืนเจ้ายังพูดคำว่าหย่าให้ข้าได้ยินอีก ข้าจะเป็นลมให้เจ้าดูเดี๋ยวนี้เลย”
“ชูหลิงไม่เหมาะสมกับท่านอ๋องจริงๆเพคะ”
“นี่เจ้ายอมพ่ายแพ้แก่คุณหนูรองตระกูลเสิ่นนั่น ทั้งๆที่เจ้ายังไม่ได้พยายามเลยแม้แต่น้อย ช่างเปล่าประโยชน์เสียจริง!”
เซี่ยชูหลิงตะลึงไปครู่หนึ่ง
เหล่าไท่จวินหันหน้าไปและเอนกายลง จากนั้นก็
หลับตาและเงียบไปครู่หนึ่ง “เจ้าเด็กนี่เจ้ารู้หรือ
ไม่ว่าทำไมข้าและไทเฮาถึงไม่ยอมให้เหยียนเอ๋อร์หย่าและยืนกรานที่จะจับคู่ให้เจ้าทั้งสอง
เหยียนเอ๋อร์กับท่านตาของเขารบราฆ่าฟันในสนามรบมาโดยตลอด จึงทำให้ไม่มีอำนาจในราชสำนัก และเจ้าเองก็ได้รับการสนับสนุนจากมหาเสนาบดี ซึ่งเป็นประโยชน์กับเหยียนเอ๋อร์มากกว่าแต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมด
เพราะในราชสำนักขุนนางชั้นสูงต่างก็ต้องการเหยียนเอ๋อเป็นบุตรเขยทั้งนั้น แต่ไทเฮาและข้าตัดสินใจแล้วว่าพระชายาของเหยียนเอ๋อต้องเป็นเจ้าเท่านั้น เจ้ารู้ไหมว่าเหตุใดถึงเป็นเจ้า”
นี่คือจุดที่เซี่ยชูหลิงเองก็ไม่เข้าใจ ว่าตัวนางมีความสามารถอะไรกัน "เพราะอะไรหรือเจ้าคะ"
“เพราะนิสัยไง! เลือกภรรยาก็ต้องเลือกจากการ
เป็นคนดี เหยียนเอ๋อร์มีอารมณ์ฉุนเฉียว แต่จิตใจกลับสงบเยือกเย็น เขาต้องหาภรรยาที่ฉลาดและมีคุณธรรมอย่างเจ้าถึงจะคู่ควร”
เซี่ยชูหลิงไม่ได้พูดอะไร ในแง่ของชื่อเสียง จิ่นซื่อนั้นเก่งในด้านการแสดงเป็นอย่างมาก นางและบุตรสาวทำให้เธอซึ่งเป็นลูกสาวของจวนมหาเสนาบดีกลายเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการได้อย่างง่ายดายภายใต้การกำกับของนาง
จนกระทั่งชื่อเสียงของเธอในเรื่องการรังแกน้องสาว ด่าทออนุของบิดาก็มีอยู่ทุกที่
“ในตอนแรก พ่อของเจ้าเข้ามาในเมืองหลวงเพื่อสอบ และได้รับการเสนอชื่อจากนั้นก็ได้รับคัด
เลือกจากตระกูลจิ่นให้เป็นลูกเขยอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เขาแต่งเข้าไปเป็นเขยตระกูลจิ่นจวบจนเวลาร่วมสิบปี
ตลอดเวลาสิบปีนี้อีกด้านแม่ของเจ้าที่คอยดูแลพ่อแม่สามี และทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูเจ้ากับพี่ชายของเจ้า นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงธรรมดาจะทำได้
ต่อมานางก็เข้าเมืองหลวงเพื่อตามหาพ่อของเจ้า และหลังจากที่ตระกูลจิ่นรู้เรื่องนี้ พวกเขาทำ
ทุกอย่างที่ทำได้เพื่อขับไล่พวกเจ้าสามคน แม่และ
ลูกสาว ออกจากเมืองลั่วเฉินไปอย่างอับจน
หนทาง
เมื่อทางฝ่ายที่อิจฉาริษยาพ่อของเจ้าพวกเขาได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาก็มีแรงจูงใจที่จะเกลี้ยกล่อมให้แม่ของเจ้าเปิดโปงเรื่องที่พ่อของเจ้าละทิ้งภรรยาและลูกในศาล เพื่อทำให้ราชสำนักของข้าต้องอับอาย
ข้ายังจำได้ว่าแม่ของเจ้ารับรู้และเข้าใจเรื่องราว
เป็นอย่างดี นางดูแลพ่อของเจ้าอย่างดีภายใต้
สายตาของทุกคน และยังใส่ใจถึงหน้าตาของราชสำนักของข้าด้วย
ในเวลานั้นพวกเขาล้มเหลวจากการเกลี้ยกล่อมแม่ของเจ้า จึงหันมาล่อลวงเจ้าและพี่ชายด้วยเพชรพลอย ทองและเงิน แต่พวกเจ้าก็ปฏิเสธไป
ตอนนั้นเจ้าอายุไม่เกินสิบเอ็ดหรือสิบสองปีใช่ไหม คิดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถรับมือกับการ
เปลี่ยนแปลงได้โดยไม่แปลกใจ เจ้าฉลาดมาก และหักล้างกบฎราชสำนักในตอนนั้นจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว”
“ตอนนั้นไทเฮาตัดสินใจในทันทีว่าเด็กสตรีดีเด่นเช่นมารดาของเจ้า จะต้องสอนเจ้าเป็นอย่างดี
แน่นอน สำหรับตระกูลจิ่นเมื่อรู้ว่าพ่อของเจ้ามี
ภรรยาอยู่แล้ว ในตอนแรกพวกเขาใช้ดาบเพื่อขู่ฆ่าเอาความรัก และใช้อำนาจของพวกเขากลั่นแกล้งผู้อื่นทุกวิถีทาง นั่นเป็นเหตุผลที่ไทเฮาตัดสินใจแทนแม่ของเจ้าในการลดระดับตระกูลจิ่น ให้เป็นอนุภรรยาตลอดกาล และการแต่งงานกับอ๋องเหยียนก็คือต้องเป็นเจ้า
ข้าเองก็รับรู้มาตลอดว่าแม่ลูกคู่นั้นวางแผนเล่นสกปรกกับพวกเจ้าแม่ลูกตลอดเวลาจนข้าเบื่อที่จะดู หลังจากที่แม่ของเจ้าเสียชีวิต มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเจ้าและพี่ชายของเจ้าที่จะตั้งหลักใช้ชีวิตในจวนที่มีอนุของบิดาเป็นอสรพิษ
แล้วเจ้าจะทำตัวเย่อหยิ่งและรังแกอนุและเยี่ยชูหลางได้อย่างไร แต่เหยียนเอ๋อร์เติบโตในค่ายทหารมาตลอดเขามีนิสัยสุขุม เรียบง่าย ไม่เข้าใจอะไรมากมายนัก
เจ้าต้องให้เวลาเขา สักวันเขาจะเห็นความดีของ
เจ้า”
เหตุการณ์เก่าๆ เหล่านี้ถูกนำขึ้นมาพูดอีกครั้ง และความทรงจำของ เซี่ยชูหลิงก็เลือนรางเล็กน้อย
แม่ของเจ้าของร่างเดิมเกิดในตระกูลนักวิชาการ
และปู่ของเธอเป็นนักวิชาการที่มีชื่อเสียงของแคว้น
ดังนั้นเธอจึงชื่นชมพ่อของเธอ ผู้ซึ่งเกิดในตระกูล
ต่ำต้อยแต่เต็มไปด้วยความรู้ จึงให้ลูกสาวของตัว
เองแต่งงานกับคนอกตัญญูและเนรคุณคนอย่างพ่อของเธอคนนี้
แม้ว่าเจ้าของเดิมและพี่ชายจะเติบโตในชนบท แต่พวกเขาก็ได้รับการอบรมสั่งสอนอย่างดีจากปู่และแม่ตั้งแต่เด็ก
ความรู้และความหยั่งรู้ของพวกเขา
เหนือกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันมาก ยิ่งไปกว่านั้น
เจ้าของร่างเดิมไม่ใช่คนขี้ขลาดและขี้อายตั้งแต่
แรก หลังจากเข้าไปในจวนมหาเสนาบดีแล้ว เธอก็
ต้องกล้ำกลืนความโกรธอยู่ตลอด
สิ่งที่เหล่าไท่จวินพูดทำให้เธอทั้งเสียใจและขมขื่น
ราวกับว่าในที่สุดก็มีใครสักคนที่เข้าใสถานการณ์
ที่ยากลำบากของเธอได้ ราวกับว่าความคับข้องใจ
ของเธอได้รับการตีให้แตก จากนั้นดวงตาของเธอก็รื้นเล็กน้อย น่าเสียดายที่เธอกลัวว่าจะทำให้ความคาดหวังของเหล่าไท่จวินทั้งหมดนั้นไม่สำเร็จ
เธอก้มหัวลงและกัดริมฝีปากแน่นเหมือนเด็กที่ทำ
ผิด จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ชูหลิงเกรง
ว่าจะทำให้ไทเฮาและเสด็จยายต้องผิดหวัง"
เหล่าไท่จวินพึมพำเบาๆ โดยไม่ยกเปลือกตาขึ้น“ข้าก็พูดจนปากเหือดปากแห้งหมดแล้ว เจ้ายังไม่ใจอ่อนอีกหรือ ช่างไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ เรื่องหย่าเจ้าเก็บเอาไว้ก่อนอย่าได้เอ่ยขึ้นมาอีก
หากมีเวลาว่างเจ้าก็กลับไปเดินรอบๆ บ้านแม่ของเจ้าสักครั้งหนึ่ง
จากนั้นค่อยตัดสินใจใหม่ พูดให้น่าฟังหน่อยก็คือ
หย่าร้าง ถ้าไม่ค่อยน่าฟังก็คือถูกทิ้ง พ่อเจ้าไม่รัก
เจ้า เจ้าจะยังกลับไปที่จวนมหาเสนาบดีได้อยู่อีก
หรือ อยากจะเดินกลับไปมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ”
เหล่าไท่จวินโบกมือให้นางด้วยความหงุดหงิด และออกคำสั่งให้ส่งแขกถ้าเหล่าไท่จวินไม่ได้พูดถึงนางก็เกือบจะลืมไปแล้ว
ราชวงศ์นี้แตกต่างจากประเพณีที่นางรู้จัก หลังจากแต่งงานกับราชวงศ์แล้วเมื่อหย่าร้างหรือสามีสิ้นพระชนม์ สตรีจะแต่งงานใหม่ไม่ได้เพราะถือเป็นการหยามราชวงศ์
......