บทที่ 8 โจมตีมือสังหาร
บริเวณหางตา มีแสงแวบหนึ่งเป็นประกาย ดาบยาวที่แฝงไปด้วยรังสีอำมหิตพุ่งมาทางนางจากด้านขวา
ช่างพอดิบพอดีที่เฟิ่งเฉี่ยนเอนกายไปข้างหลัง เอวเรียวบางของนางโค้งได้องศา ดาบนั้นเฉียดฉิวไปยังหน้าท้องของนางเล็กน้อย
มือสังหารหน้ากากดำเผยแววตาประหลาดใจออกมา เมื่อเขาได้สติจะโจมตีอีกครั้ง พบว่าเฟิ่งเฉี่ยนวิ่งหนีเข้าไปในห้องนอนแล้ว เขาสบถออกมาเบาๆ “ฉิบหายแล้ว” ก่อนจะวิ่งตามออกไป!
เมื่อเขาวิ่งตามมาถึงในลาน พบว่าในมือเฟิ่งเฉี่ยนมีของสองชิ้นเพิ่มขึ้นมา ข้างซ้ายเป็นหม้อ ข้างขวาเป็นกระบวย ยืนรอเขาอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีแสนประหลาด
“บอกมา ใครเป็นคนส่งเจ้ามาที่นี่?” เฟิ่งเฉี่ยนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย รังสีอำมหิตที่มีติดตัวแต่กำเนิดแผ่ซ่านออกมาจากร่างของนาง!
มือสังหารชุดดำหายใจแทบไม่ออก ไหนว่าหวางโฮ่วเป็นแค่คนไร้ประโยชน์? ไม่เป็นวิทยายุทธมิใช่หรือ? แล้วเหตุใดรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างของนางจึงน่ากลัวกว่าข้ามากนัก?
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้!” มือสังหารหยิบดาบยาวมาไว้ในมือ หมุนมันแล้วตะโกนออกมาว่า “จงตายเสียเถอะ!”
หลังจากสิ้นเสียงตะโกน ดาบสีแดงยาวก็ทะลวงอากาศพุ่งเข้ามา นี่คือเอกลักษณ์พิเศษของพลังดาบ นักบู๊ทิพย์ระดับสอง!
ผู้อยู่เบื้องหลังต้องการเอาชีวิตนางเลยหรือนี่! รู้ทั้งรู้ว่านางไม่เป็นวิทยายุทธ กลับส่งนักบู๊ทิพย์ระดับสองมาสังหารนาง ช่างง่ายกว่าบี้มดเสียอีก!
น่าเสียดายที่แม้พวกเขาจะคิดมาอย่างรอบคอบแล้ว แต่ยังมีจุดบกพร่องอยู่นั่นก็คือ นางไม่ใช่หวางโฮ่วคนเดิมอีกต่อไป แต่เป็นหวางโฮ่วที่ในมือมีหม้อมังกรและกระบวยพันชั่งร้อยแปลงอยู่ในมือ!
ติ๊ง! มือสังหาร : พลังกาย 210 พลังต่อสู้ 210!
เมื่อเห็นข้อมูลของอีกฝ่าย เฟิ่งเฉี่ยนก็ไม่ได้หวาดกลัวอีกต่อไป!
นางเห็บหม้อมังกรลงไป ในมือจับด้ามของกระบวยพันชั่งร้อยแปลงเอาไว้ ก่อนจะใช้ท่าทางเหมือนจะตีกอล์ฟ บิดเอว ยกกระบวยขึ้นตะโกนว่า “ทักษะทำลายล้าง!”
ชั่วพริบตา ลมแรงพัดผ่าน เสียงมังกรคำรามดังก้องในหู บังคับออร่าดาบสีแดงให้ถอยกลับอย่างแรง จากนั้นภายใต้การจ้องมองที่น่าสยดสยองของมือสังหาร ทั้งดาบและเขาเหมือนถูกเตะขึ้นไปในอากาศแล้วหายไปจากนอกกำแพงวัง
“อ๊ากกกกกกกก......!” มือสังหารร้องเสียงหลง ร่างกระเด็นไปกระแทกพื้นอย่างแรง จากนั้นได้ยินเสียงเขาด่าทอออกมาว่า “ฉิบหายเอ๊ย! ไหนบอกว่ากระจอกไง กระจอกบ้านแม่งสิแบบนี้!”
เขาโซซัดโซเซไปหลายก้าว ก่อนที่มือสังหารผู้นั้นจะวิ่งหนีไป
“สุดยอด!” เฟิ่งเฉี่ยนจับไปยังกระบวยพันชั่งร้อยแปลงดั่งสมบัติล้ำค่า
นางไม่ได้วางตามไป เพราะไม่ต้องเดาก็รู้ได้ว่าบัดนี้ในราชวังมีเพียงคนเดียวที่ต้องการชีวิตนาง......ก็คือสตรีผู้นั้น!
ณ ตำหนักยีหลัน สตรีนางหนึ่งนั่งเอนกายอยู่บนเก้าอี้กุ้ยเฟย ท่าทางสง่างามไร้ที่ติ แต่สิ่งที่ดูขัดตานั่นคือแก้มแดงเรื่อบวมเป่ง เป็นรอยนิ้วแดงน่าตกใจ!
นางไม่ใช่ใครอื่น เป็นองค์หญิงหลานซินที่ถูกตบเสียจนหน้าบวมเป่งเป็นหัวหมู
“คนที่เจ้าส่งไปไว้ใจได้หรือไม่ เหตุใดจนบัดนี้ยังไม่มีความคืบหน้า?” องค์หญิงหลานซินเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิดใจ
มามาวัยกลางคนคนหนึ่งตอบรับว่า “จี้เฟยเป็นมือสังหารที่บ่าวฝึกฝนมาด้วยตนเองกับมือ แม้ความสามารถมิได้สูงมากนัก แต่เพียงพอแล้วที่จะรับมือกับหวางโฮ่ว!”
“นี่ก็กว่าครึ่งเล่มธูปแล้ว เขาควรกลับมาเสียที” องค์หญิงหลานซินครุ่นคิดแล้วรู้สึกไม่สบายใจ “เพื่อมิให้เกิดข้อผิดพลาดใดขึ้น เจ้าจงส่งมือสังหารไปอีกสักคน อาศัยช่วงเวลานี้ยังไม่มีองครักษ์คุ้มกันวังเย็น ต้องสังหารหวางโฮ่วให้ข้าให้ได้! โอ๊ย ใบหน้าของข้า……”
เนื่องจากอารมณ์ที่รุนแรงกว่าปกติ จึงทำให้กระทบกระเทือนต่อแผล องค์หญิงหลานซินซูดปากด้วยความเจ็บปวด
โจวมามาเห็นดังนั้นก็ปวดใจ "เพคะ บ่าวจะส่งโก่วเที่ยวไปที่วังเย็น หากมีทั้งจี้เฟยและโก่วเที่ยวร่วมมือกันกำจัดหวางโฮ่ว ต่อให้หวางโฮ่วมีปีกก็หนีไปไม่ได้!"
องค์หญิงหลานซินขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย "เจ้าตั้งชื่อให้กับลูกน้องอะไรกัน ดูชื่อไม่น่าฟัง ไม่เป็นสิริมงคลเอาเสียเลย!"
"เอ่อ......" โจวมาเหงื่อตก “คือว่า......เป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้น บังเอิญเท่านั้นเพคะ!"
หลังจากนั้นเมื่อโก่วเที่ยวรับคำสั่งก็รีบเดินทางไปยังวังเย็น ระหว่างทางเขาพบกับจี้เฟยที่เดินทางกลับมาด้วยท่าทางสะบักสะบอม จึงหัวเราะเยาะว่า "จี้เฟย เจ้าเป็นอะไรไป? สังหารสตรีแค่คนเดียว เหตุใดสภาพทุเรศทุรังเช่นนี้?"
จี้เฟยเอามือกุมบั้นท้ายไว้ เดินกระโผกกระเผก เดิมทีเขาก็อารมณ์ย่ำแย่ เมื่อได้ยินคำเยาะเย้ยจากโก่วเที่ยวจึงทำให้รู้สึกไม่พึงพอใจ และต้องการจะสั่งสอนเขา จึงตั้งใจเอ่ยว่า "สหายเจ้ามาได้จังหวะพอดี อาการบาดเจ็บเดิมของข้ากำเริบ เกรงว่าไม่อาจทำภารกิจนี้ได้สำเร็จแล้ว......"
"ที่แท้อาการเก่าของเจ้ากำเริบนี่เอง ข้ายังคิดว่าเจ้าเกิดหลงกลไปอยู่ในกำมือของหวางโฮ่วเสียอีก ฮ่า ๆ ๆ ......” โก่วเที่ยวหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
จี้เฟยคิดอยู่ในใจว่า ก็เป็นไปดังที่เจ้าคิดนั่นแหละถูกแล้ว แต่เขาไม่อยากบอกกับอีกฝ่าย จึงแสร้งยิ้มขึ้นว่า “เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร? หวางโฮ่วไม่มีวิทยายุทธสักหน่อย การสังหารนางง่ายยิ่งกว่าฆ่ามดสักตัวด้วยซ้ำ น่าเสียดายที่อาการเก่าข้ากำเริบขึ้นมาเสียก่อน แม้แต่ประตูวังเย็นก็คงไม่อาจปีนข้ามไปได้"
“เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถิด รอฟังข่าวดีจากข้า!" โก่วเที่ยวตบบ่าของเขาเบาๆ แล้วยกหน้ากากสีดำขึ้นปิดใบหน้า ตรงไปยังตำหนักเย็นด้วยท่าทีอันฮึกเหิม
จี้เฟยยืนมองเขาตามหลังไปก่อนจะเผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมา "สหาย ขอโทษด้วย! หากข้าจะต้องโดนด่า สู้เจ้าถูกด่าด้วยคงดี จะได้ไม่เหงา!"