บท
ตั้งค่า

บทที่ 9 ศักยภาพในการเลื่อยขาเก้าอี้

ชิ่งเอ๋อร์ลองกดลงไปในอาหารทุกจาน แต่เข็มเงินยังคงสดใสเหมือนใหม่

"ไม่มีพิษ ทานได้เจ้าค่ะ!" ในที่สุดซิ่งเอ๋อร์ก็โล่งอก จึงรีบบอกให้คุณหนูนั่งลง

"เจ้ากินก่อนเถอะ ข้าจะเอาไปส่งให้คนข้างในก่อน"

"ให้ข้าน้อยไปส่งเองเถอะ?"

มีเหตุผลอันใดที่ต้องให้คุณหนูไปส่งอาหารให้ด้วย?

ต้วนชิงเหยากดมือของซิ่งเอ๋อร์ "ข้าไปเอง จะได้ถือโอกาสดูบาดแผลของเขาด้วย!"

ต้วนชิงเหยาเดินเข้ามา มองเห็นชายหน้ากากสีเงินบนเตียงจ้องมองนางอย่างระมัดระวังด้วยดวงตากลมโตราวกับระฆังทองแดง เมื่อเห็นว่าเป็นนาง จึงผ่อนคลายลงมา

"ข้ามาส่งข้าวให้เจ้า! เจ้าถอดหน้ากากออกเถอะ ถ้าข้าคิดจะทำร้ายเจ้า ก็คงทำร้านไปนานแล้ว ไม่ต้องรอจนถึงเวลานี้หรอก!"

จุนเหยียนอานปกป้องหน้ากากโดยจิตใต้สำนึก และอธิบายว่า : "หน้าตาอัปลักษณ์ ข้าไม่อยากให้คนอื่นตกใจกลัว!"

ในตอนแรกต้วนชิงเหยาคิดว่านี่คือเครื่องมือที่ป้องกันตนเองจากการถูกจดจำ แต่ไม่คิดว่ามันจะมีสาเหตุเช่นนี้

ก็จริงอยู่ ชีวิตที่ต้องเสียเลือดจากคมดาบ จะไม่ทิ้งร่องรอยของบาดแผลเอาไว้ได้อย่างไร? และเมื่ออยู่ในตำแหน่งบนใบหน้าเช่นนี้ มันช่างน่าอายจริงๆ

ถึงแม้ว่าต้วนชิงเหยาจะไม่ถือสา แต่ก็ไม่บีบบังคับให้คนอื่นทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ

"อาการบาดเจ็บของเจ้าสามารถควบคุมได้แล้ว สถานที่นี่ของข้า เจ้าก็ได้เห็นแล้ว อันที่จริงก็ไม่เหมาะสมที่จะอยู่นาน ฉะนั้น——"

ถ้อยคำที่ชัดเจนเช่นนี้ เหตุใดจุนเหยียนอานจะฟังไม่ออกถึงความหมายที่ซ่อนอยู่

"ตกลง ข้าจะไปในวันพรุ่งนี้ ส่วนค่าตอบแทนที่รับปากกับเจ้าไว้ ข้าจะส่งให้เจ้าในวันหลัง!"

ถึงแม้ว่าต้วนชิงเหยาจะไม่ได้กล่าวเตือนเขา แต่ร่างกายของจุนเหยียนอานได้ฟื้นฟูกลับมาดังเดิมแล้วและวางแผนที่จะจากไปเช่นกัน

ตำหนักหลิงเซียวที่ชำรุดทรุดโทรมแห่งนี้มีอะไรดีบ้างเล่า?

"สำหรับค่าตอบแทน มิเช่นนั้น เจ้าเอาจี้หยกบนตัวของเจ้ามาเป็นของค้ำประกันก่อนดีหรือไม่? เมื่อเจ้านำค่าตอบแทนมาให้ข้าแล้ว ข้าจะนำจี้หยกส่งคืนให้เจ้า ว่าอย่างไรล่ะ?"

ต้วนชิงเหยาสายตาเฉียบแหลม ตอนที่นางรักษาบาดแผลให้เขายังสังเกตเห็นจี้หยกที่ห้อยอยู่บนเอวของเขาด้วย มันมีสีเขียวเปล่งประกายแวววาวดูงดงามอย่างยิ่ง ดูเหมือนว่าจะมีราคาสูงอย่างแน่นอน!

"จี้หยก?"

จุนเหยียนอานจับสิ่งของบนเอวของเขาโดยจิตใต้สำนึก ของชิ้นนี้เป็นสิ่งที่มารดาของเขาทิ้งเอาไว้ให้เขา สำหรับเขาแล้ว นั่นคือสมบัติอันล้ำค่า

เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้ของเขา รู้ว่าเป็นของล้ำค่าสำหรับเขามาก

"เจ้าวางใจเถอะ มันจะอยู่กับข้าแค่ชั่วคราว ข้าจะดูแลแทนเจ้าเป็นอย่างดี รอให้ร่างกายหายดีเป็นปกติ เมื่อนำค่าตอบแทนมามอบให้แล้ว และข้าจะนำจี้หยกที่ยังคงมีสภาพเหมือนดังเดิมส่งคืนให้เจ้าว่าอย่างไรล่ะ?"

จุนเหยียนอานลูบคลำบนตัว แต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่จะมาเป็นสิ่งของค้ำประกันแทนจี้หยกได้เลย

เมื่อเขากำลังลังเลใจ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ต้วนชิงเหยาเห็นว่าเขาลำบากใจเช่นนั้น จึงโบกๆ มือโดยตรง และกล่าวว่า : "ช่างเถอะ ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าอาลัยอาวรณ์ขนาดนั้น ข้าก็จะไม่บีบบังคับ! รอหลังจากที่เจ้ากลับไปแล้ว จงนำค่าตอบแทนมามอบให้โดยเร็วที่สุด! เจ้าก็รู้ดี เพื่อช่วยเหลือเจ้า ข้าจึงได้โกหกคำโต หากท่านอ๋องทราบเข้าว่าข้าสวมเขาให้เขา และมาสืบสวนหาความรับผิดชอบจากข้า ข้าก็จะต้องเชิดเงินหนี!"

"เชิดเงินหนี?"

สำหรับคำที่คุ้นเคยแต่แปลกๆ คำนี้ จุนเหยียนอานไม่แน่ใจเล็กน้อย ว่านี้หมายความว่าอย่างไร?

"ก็คือหลบหนีอย่างไรล่ะ? สวมเขาให้ท่านอ๋อง หรือว่าจะไม่หนี ยังจะรอให้ถูกยัดกรงหมู่ถ่วงน้ำหรือ?"

ต้วนชิงเหยากล่าวมีเหตุผล ราวกับว่านี่เป็นเรื่องปกติธรรมดา

หนังตาของจุนเหยียนอานกระตุกเล็กน้อย ท้ายที่สุดแล้วเขาแต่งงานกับฮูหยินแบบไหนกัน?

เขามองต้วนชิงเหยาอย่างตาไม่กะพริบด้วยแววตาที่ถามเจาะลึก พยายามที่จะมองเข้าไปในใจของนาง เพื่อต้องการเข้าใจว่านางต้องการจะทำอะไร

"ออกจากจวนอ๋องแล้วเจ้าต้องการจะไปที่ไหน?"

สิ่งที่จุนเหยียนอานไม่ได้ถามก็คือ หรือว่า ในเวลานี้ เจ้าอยากเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยใช่หรือไม่?

"แผ่นดินกว้างใหญ่ขนาดนั้น ยังกลัวไม่มีที่ไปด้วยหรือ? เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องนี้หรอก จำเอาไว้ว่านำค่าตอบแทนมาให้ข้าโดยเร็วที่สุดก็พอ!"

ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริงๆ พระชายาผู้สง่าผ่าเผย ได้แต่งงานเข้ามาอย่างกะทันหันเช่นนี้ อย่าได้พูดถึงสินเดิมเลย แม้แต่สินสอดนางก็ไม่ได้เห็น

แต่มันไม่สำคัญหรอก ด้วยวิชาทางการแพทย์ที่มีติดตัวมา ถึงว่าจะไม่มีอะไรเลย นางเชื่อว่าตนเองจะสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยมือเปล่าได้!

ต้วนชิงเหยาไม่รู้ว่า ความเชื่อมั่นของตนเองในเวลานี้ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสว่างอันโชติช่วง มันสุกสกาวราวกับดวงดาวในนามราตรี ทำให้คนไม่สามารถละสายตาออกไปได้

"ทำไมหรือ? มีอะไรอยู่บนใบหน้าข้าหรือ?"

ต้วนชิงเหยาเห็นสายตาของชายหน้ากากสีเงินจับจ้องมาที่ตนเอง นางจึงลูบที่มุมปากของตนเองโดยจิตใต้สำนึก

"ไม่มีหรอก วางใจเถอะ ข้าพูดคำไหนคำนั้น บอกว่าหนึ่งพันตำลึงก็คือหนึ่งพันตำลึง จะไม่ให้ขาดสักสลึงเดียว!"

เพียงแค่หนึ่งพันตำลึงเท่านั้น เขาไม่ได้เอามาใส่ใจแม้แต่น้อย

เมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น ต้วนชิงเหยาก็เดินมาที่ห้องเพื่อเปลี่ยนยาให้ชายหน้ากากเงินอย่างเป็นปกติ แต่นางพบว่าบนเตียงไม่มีคนอยู่แล้ว

"ไปโดยไม่บอกไม่กล่าว ไร้มารยาทจริงๆ!"

"ในที่สุดก็ไปแล้ว!"

ซิ่งเอ๋อร์ที่ตามหลังมาเมื่อเห็นว่าไม่มีร่องรอยของชายแปลกหน้าแล้ว ความอึดอัดในใจท้ายที่สุดก็ผ่อนคลายลงมา

ต้วนชิงเหยาอดทนรอมาเป็นเวลาสามวัน นางไม่ได้รอค่าตอบแทนของชายหน้ากากเงินคนนั้น แต่กลับรอการเรียกตัวของท่านอ๋อง

"ท่านอ๋องเรียกข้าทำไมหรือ?"

ตั้งแต่สมัยโบราณ หญิงที่ถูกผลักไสไปยังตำหนักเย็นจะต้องอยู่โดดเดี่ยวตามลำพัง ไม่มีทางที่ชีวิตจะพลิกผันกลับมาได้มิใช่หรือ?

นางเพิ่งจะอยู่ที่ตำหนักเย็นไม่กี่วัน มันเพราะเหตุใดกัน?

"ข้าน้อยไม่ทราบขอรับ!"

พ่อบ้านหลี่ก้มหน้าลง ไม่กล้ามองตาของต้วนชิงเหยา อย่าพูดถึงว่าเขาไม่รู้เลย ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ เขาก็ไม่กล้าบอกเช่นกัน!

"ตกลง ข้าจะเก็บข้าวของเล็กน้อยและจะไป"

พ่อบ้านหลี่แดงออกถึงความเข้าใจ และรออยู่ที่หน้าประตูอย่างเคารพนบนอบ

ต้วนชิงเหยาเดินเข้าไปในห้อง นางเปิดกล่องยาออก และนำขวดยาสีขาวจากในกล่องยามาใส่ไว้ในอ้อมแขน นางจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย หลังจากแน่ใจว่ามองไม่ออก จึงยืดหลังตรงและเตรียมที่จะออกไป

"คุณหนู ท่านจะไปพบท่านอ๋องแบบนี้หรือเจ้าคะ?"

"มีปัญหาอะไรหรือ?"

นางตั้งใจเจ้ามาโดยเฉพาะ ก็คือเข้ามาเอาสเปรย์พริกไทย เพื่อเตรียมพร้อมในเวลาวิกฤต

"มีปัญหาแน่นอนเจ้าค่ะ นี่เป็นคราแรกที่คุณหนูจะได้พบกับท่านอ๋อง จะมีสภาพเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?"

สภาพตนเองเป็นอย่างไร?

ต้วนชิงเหยาก้มลงมองตนเอง กระโปรงสีเขียวอ่อน ถึงแม้ว่าจะไม่ดูสวยหรู แต่ก็ดูสดใสและสง่างาม

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สิ่งที่ควรปกปิดก็ปกปิดเอาไว้ ไม่รู้สึกว่ามีอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควร!

"มิฉะนั้น มันควรจะมีสภาพอย่างไรล่ะ?"

"คุณหนูไปพบท่านอ๋อง แน่นอนว่าควรแต่งกายให้งดงาม! ตราบใดที่ท่านอ๋องโปรดปราน ต่อไปใครจะกล้ามารังแกคุณหนูได้อีกล่ะเจ้าคะ?"

ซิ่งเอ๋อร์เองก็เป็นคนรับใช้ จึงเข้าใจความคิดของคนรับใช้ดีที่สุด

"แต่ทว่า เข้าอย่าลืมสิ ท่านอ๋องเป็นคนปัญญาอ่อนนะ!"

โลกของคนปัญญาอ่อน คนภายนอกไม่เข้าใจหรอก!

แทนที่จะเอาใจเขา สู้เอาใจตนเองจะดีกว่า

"เฮ้อ!"

ซิ่งเอ๋อร์ทอดถอนหายใจอย่างแรง นี่คือเหตุการณ์กะทันหันที่ต้องใช้วิธีแก้ไขเฉพาะหน้า นางลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร?

"ก็จริงอยู่! แต่จะว่าไป เหตุใดจู่ๆ ท่านอ๋องปัญญาอ่อนถึงได้ต้องการเจอพระชายาล่ะเจ้าคะ? มิฉะนั้น ข้าน้อยไปกับท่านด้วยดีหรือไม่!"

"คนที่ท่านอ๋องต้องการพบคือข้า เจ้าจะไปทำอันใด?"

ต้วนชิงเหยาวางแผนเอาไว้ในใจแล้ว ไม่ว่าจะมาวิธีไหนก็สามารถรับมือได้ อย่ามากก็แค่สู้ไม่ไหวก็หนี อย่างไรเสียพระชายาคนนี้มิได้มีความหมายใดๆ!

"ของเส็งเคร็งอะไรกัน ไม่อร่อย! ข้าไม่อยากกิน!"

ยังไม่ทันเดินเข้าไปในจวนก็ได้ยินเสียงผู้ชายดังทอดเข้ามา เห็นได้ชัดว่าเป็นเสียงของผู้ใหญ่ แต่กลับฟังดูเหมือนเด็กๆ

ต้วนชิงเหยาลังเลอยู่หน้าประตูเล็กน้อย นางเข้าไปในเวลานี้มันจะไม่เหมาะสมหรือเปล่า?

แต่พ่อบ้านหลี่ที่นำทางมากลับหยุดลงที่หน้าประตู และทำท่าทางเชื้อเชิญ

ในเมื่อมาแล้ว ก็ต้องสงบใจอยู่ที่นี่ แต่งงานก็แต่งแล้ว นางจะต้องเห็นว่าสามีของตนเองท้ายที่สุดแล้วรูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไร ถึงว่าจะเป็นคนปัญญาอ่อนก็ตาม

ต้วนชิงเหยาสูดลมหายใจเข้า และยกเท้าซ้ายก้าวเข้าไป

แต่นางยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบกลับ แก้วน้ำก็ได้ลอยเข้ามาหานางเสียแล้ว

นางเอียงศีรษะเบาๆ แก้วน้ำได้กระแทกเข้ากับประตูใหญ่ แตกออกเป็นสองเสี่ยงและตกลงบนพื้น

"เจ้าเป็นใครกัน? ใครให้เจ้าเข้ามา? ไสหัวออกไป!"

ดวงตาขาวดำของจุนเหยียนอานเป็นประกาย และจ้องมองไปที่ต้วนชิงเหยา ชี้นิ้วไปที่ประตูใหญ่และต่อว่าเสียงดัง

ต้วนชิงเหยาตกตะลึง ไม่ใช่เพราะท่าทีที่ไม่ดีของจุนเหยียนอาน เพราะว่าเมื่อนางมาถึงยุคสมัยนี้ ไม่ว่าจะเป็นท่านพ่อก็ดี หรือพี่สาวของตนเองก็ดี มีใครปฏิบัติดีกับนางบ้างล่ะ?

แต่เป็นเพราะว่ารูปร่างหน้าตาของท่านอ๋องช่างงดงามเหลือเกิน หากอยู่ในยุคปัจจุบัน และได้ยืนอยู่บนเวที ถึงแม้ว่าจะไม่พูดอะไร หน้าตาอันงดงามเช่นนี้ก็คงดึงดูดเสียงกรี๊ดของแฟนคลับได้เป็นจำนวนมากเลย!

ถึงแม้ว่าต้วนชิงเหยาจะเป็นหมอทหารมาก่อน แต่นางก็ไม่สามารถปฏิเสธความบ้าผู้ชายได้เลยจริงๆ

ใครๆ ก็ชอบสิ่งสวยงามกันทั้งนั้น ต้วนชิงเหยาไม่คิดว่าตนเองมีอะไรที่ต้องอาย!

แต่ว่า ชิวจวี๋ที่ยืนอยู่ข้างๆ ท่านอ๋องเมื่อมองเห็นแววตานี้ของต้วนชิงเหยา นางกลับโกรธโดยไร้เหตุผล ราวกับว่าเนื้อในปากของตนเองกำลังถูกคนโหยหาก็มิปาน

"ท่านอ๋องให้เจ้าออกไป เจ้าไม่ได้ยินหรอกหรือ?"

อะไรคือสุนัขจิ้งจอกอ้างบารมีเสือ ก็คือเช่นนี้เอง!

ต้วนชิงเหยาทำเหมือนว่าชิวจวี๋เป็นอากาศ นางไม่เพียงแต่ไม่ออกไป แต่กลับก้าวไปทางจุนเหยียนอานสองก้าว

"ท่านอ๋องอาน ข้าคือพระชายาอาน ฮูหยินของท่าน มิใช่ว่าท่านเชิญข้ามาหรอกหรือ?"

เดิมทีแล้วต้วนชิงเหยาดูแคลนพระชายาคนนี้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าชิวจวี๋ นางจึงไม่ปรารถนาที่จะเห็นสีหน้าอันลำพองใจของนาง!

เป็นไปอย่างที่คิด สีหน้าของชิวจวี๋ซีดเผือดลง ย่ำแย่อย่างผิดปกติ

"ฮูหยินของข้าหรือ? ข้าแต่งงานแล้วหรือ? เหตุใดข้าจึงไม่รู้เรื่องเลย?"

จุนเหยียนอานชี้ไปที่ตนเอง และเอ่ยถามอย่างสงสัย

"นั่นนะสิเจ้าคะ? ท่านอ๋องอานมิเคยทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับผู้ใด แล้วพระชายาอานจะมาจากไหนเล่าเจ้าคะ! อีกอย่างหนึ่ง เจ้าคู่ควรที่จะเป็นพระชายาอานแล้วหรือ?"

ชิวจวี๋มั่นใจ ว่าวันนั้นชายที่เข้าหอกับต้วนชิงเหยา จะต้องไม่ใช่ท่านอ๋องอานอย่างแน่นอน!

"ท่านอ๋องอานเจ้าคะ! ข้าน้อยมีเรื่องที่ต้องการจะบอกกับท่าน!"

หากไม่เปิดโปงใบหน้าที่แท้จริงของต้วนชิงเหยาในเวลานี้ ยังจะรอไปถึงเมื่อไหร่เล่า?

หรือต้องรอให้นางได้รับความรักจากท่านอ๋อง และนั่งในตำแหน่งพระชายาอานก่อนหรือ?

"เรื่องอันใด?"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel