บทที่ 2 เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง
เพียงแค่ต้วนชิงเหยาได้ฟังก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวน ก่อนหน้านี้ตอนที่เป็นหมอก็รู้จักเพียงแค่อาการป่วยที่เป็นอันตรายร้ายแรง
แต่ตอนนี้ได้รู้แล้วว่า สิ่งที่อันตรายร้ายแรงกว่าอาการป่วย ก็คือจิตใจของมนุษย์
พ่อผู้ให้กำเนิดที่ไร้ซึ่งจิตสำนึก พี่สาวที่ภายนอกดูเป็นคนดีแต่ภายในชั่วร้ายแบบนี้ อีกทั้งมองไปยังห้องที่มืดสลัว เปียกชื้นหนาวเย็น ถ้าหากขืนอยู่ที่จวนเฉิงเซี่ยงต่อไป คาดว่านางคงจะไม่ได้มีชีวิตที่ดีเป็นแน่
บัดนี้ไม่ต้องเอ่ยถึงว่านางไม่มีที่พึ่งพักพิงหรอก แต่ด้วยร่างกายที่อ่อนแอนี้ แม้แต่แรงที่จะฆ่าไก่ก็ยังไม่มี!
แต่งก็แต่ง ก็เพียงแค่คนปัญญาอ่อนคนหนึ่งก็เท่านั้น ก็เหมือนกับการดูแลคนป่วยคนหนึ่ง ถึงอย่างไรก็เพิ่งจะมาที่นี่เป็นครั้งแรก ไม่คุ้นเคยกับผู้คนและสถานที่ของที่นี่ เช่นนั้นก็คงจะต้องสำรวจเส้นทางสักเล็กน้อยแล้วค่อยว่ากัน!
นอกจากนี้ เมื่อดูจากสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว ก็คงจะไม่ปล่อยให้นางได้มีทางเลือกเป็นแน่!
ยายเฒ่าร่างท้วมสองคนหอบผ้าสีแดงกองหนึ่งเดินเข้ามา และไม่ว่านางจะเต็มใจหรือไม่ พวกนางก็ได้ทำการถอดชุดของนางออกในทันที
"ข้าจัดการเองก็แล้วกัน!"
ผู้เข้าใจสถานการณ์คือผู้เฉลียวฉลาด แทนที่จะปล่อยให้ยายเฒ่าทั้งสองปฏิบัติอย่างหยาบคายเช่นนี้ ก็สู้ลงมือด้วยตัวเองเสียดีกว่า
"คุณหนูรองเจ้าคะ ข้าน้อยขอแนะนำให้ท่านรู้จักวางตัวสักเล็กน้อย อย่าคิดที่จะใช้วิธีการอื่นใดอีก ท่านคิดว่าการที่ท่านร้องไห้โวยวายและแขวนคอจะทำให้ท่านมิต้องแต่งงานอย่างนั้นหรือ? ท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์ย่อมไม่เหมือนกันที่คิด กระทั่งยังทำให้คุณชายน้อยเดือดร้อนถูกลงโทษไปด้วยนะเจ้าคะ!"
หากยายเฒ่าไม่พูด นางก็แทบจะลืมไปแล้วว่า นางยังมีต้วนชิงหยาง น้องชายที่อายุไม่ถึงสิบปีอีกคนหนึ่ง
ว่ากันว่าเสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า จะไม่มีเรื่องอะไรที่ท่านเฉิงเซี่ยงผู้นี้ทำไม่ได้!
"คุณชายน้อยเป็นอะไรไป?"
"วันแรกที่คุณหนูรองไม่ยอมแต่งงาน คุณชายน้อยถูกลงโทษให้คุกเข่าอยู่แต่ในศาลบรรพบุรุษ ไม่ได้กินไม่ได้ดื่ม! จนนี่ก็ผ่านไปสามวันแล้วเจ้าค่ะ!"
เด็กคนหนึ่ง ที่ไม่ได้กินไม่ได้ดื่มอะไรเลยตลอดสามวัน นี่จะอดทนแบกรับได้อย่างไรกัน?
"ใครบอกว่าข้าไม่ยอมแต่งงานล่ะ ข้าจะแต่งงาน! เพียงแต่ ข้าต้องการที่จะให้คุณชายน้อยมาส่งเกี้ยวให้ข้า"
การส่งเจ้าสาวไปยังบ้านเจ้าบ่าวเป็นประเพณีของราชวงศ์ต้าเหลียง แต่ทว่าตั้งแต่ไหนแต่ไรล้วนเป็นพี่สาวน้องสาวที่เป็นคนมาส่งเกี้ยว มีน้องชายมาส่งเสียที่ไหนกัน?
"คุณหนูรองเจ้าคะ ท่านอย่าเล่นตัวจะได้หรือไม่? ท่านจงสวมชุดแต่งงานนี้เสีย ตราบใดที่ท่านขึ้นเกี้ยวแล้ว แน่นอนว่าคุณชายน้อยก็จะได้รับการปล่อยตัวเจ้าค่ะ!"
ยายเฒ่าข่มอารมณ์แล้วกล่าว
ภารกิจของพวกนางก็คือการส่งคุณหนูรองขึ้นเกี้ยว ตราบใดที่ส่งคนออกไปแล้ว ผลงานอันยิ่งใหญ่ของพวกนางก็จะประสบความสำเร็จ ก็จะสามารถได้รับรางวัลตามความสำเร็จได้!
คำพูดของพ่อผู้ให้กำเนิดนางยังไม่อยากจะเชื่อ แล้วคำพูดของยายเฒ่าทั้งสองคน นางจะเชื่อถืออย่างนั้นหรือ?
"ป้าทั้งสอง ข้าขอถามพวกเจ้าสักเล็กน้อย ภายในจวนต้วนแห่งนี้ ใครที่เห็นว่าข้าเป็นเสมือนญาติพี่น้องที่แท้จริงบ้างหรือ? ก่อนที่ข้าจะต้องแต่งงานออกไปก็อยากที่จะได้เห็นน้องชายแท้ๆ ของตัวเอง ข้อเรียกร้องนี้มันมากเกินไปอย่างนั้นหรือ? และอีกอย่าง พวกเจ้าก็ไปบอกกับนายท่านเลยว่า ถ้าหากเขาไม่ให้ชิงหยางมาส่งตัวข้า เกี้ยวนี้ ข้าก็จะไม่ขึ้น!"
ถึงอย่างไรนางก็ไร้เรี่ยวแรง จะได้ถือโอกาสกลับไปนอนบนเตียงด้วยอาการป่วยเสียเลย
นิสัยอันกล้าหาญของต้วนชิงเหยาพวกเขาก็ได้รับรู้แล้ว มีเรื่องน้อยก็ย่อมทุกข์น้อย สุดท้ายแม่นมจึงกลับไปเรียนนายท่านอย่างตรงไปตรงมา
"จะให้ชิงหยางไปส่งตัว นางคิดจะทำบ้าอะไรอีกล่ะ?"
ต้วนเฉิงเซี่ยงแสดงท่าทีเคร่งขรึมและไม่เต็มใจ
แต่ต้วนหงเยียนที่อยู่ข้างๆ กลับช่วยพูดสนับสนุนว่า "ท่านพ่อ พวกเขาเป็นพี่น้องที่มีความผูกพันกันลึกซึ้ง การพบหน้ากันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ไม่ดี แต่อย่าทำให้ราชวงศ์ต้องขุ่นเคืองก็พอ!"
หาได้ยากกว่าจะมีใครยอมแต่งงานกับท่านอ๋องปัญญาอ่อนแทนตนเอง ต้วนหงเยียนจึงกลัวว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา
"ท่านพี่!"
เมื่อต้วนชิงเหยาเห็นเด็กผู้ชายที่ร้องไห้และคุกเข่าลงที่ปลายเท้าของตนเอง นางก็มีน้ำตาคลอเบ้าโดยไม่มีสาเหตุ
"ให้พี่ดูหน่อยซิ!"
เด็กผู้ชายวัยสิบขวบ เดิมทีควรจะสดใสร่าเริงไร้เดียงสา แต่ในแววตาของเขา กลับไม่มีความไร้เดียงสาของเด็กแม้แต่น้อย
เมื่อมองไปที่แขนของเขา ก็เห็นบาดแผลสีแดงเลือดอันน่าตกใจ
"พวกเขาทำร้ายเจ้าหรือ?"
ต้วนชิงหยางไม่อยากให้พี่สาวเป็นห่วงเขา จึงดึงแขนกลับไปด้วยจิตสำนึก
"ข้าไม่เจ็บเลยสักนิด!"
บาดแผลที่มีรอยเลือดซิบๆ เช่นนั้น จะไม่เจ็บปวดได้อย่างไรกัน? ในเวลานี้ ถ้าหากมีแผ่นบรรเทาความปวดและยาแก้อักเสบก็คงจะดี!
บางทีอาจเป็นเพราะเลือดข้นกว่าน้ำ เมื่อเห็นน้องชายได้รับบาดเจ็บต้วนชิงเหยาจึงร้อนใจเป็นพิเศษ
นางมองหาสิ่งของรอบตัวที่สามารถใช้ได้ แต่ก็พบกล่องยากล่องหนึ่งที่วางอยู่นิ่งๆ ที่มุมกำแพง
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นกล่องยาสามัญประจำบ้านที่นางวางเอาไว้ในรถ!
"เจ้ารอประเดี๋ยวนะ!"
ต้วนชิงเหยาวิ่งเข้าไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ และหาสิ่งของที่นางต้องการได้ในกล่องยานี้จริงๆ
นางหยิบยาเม็ดสีขาวเม็ดเล็กๆ สองเม็ดส่งให้กับต้วนชิงหยาง "กินยาสองเม็ดนี้เสีย!"
"ยา?"
ต้วนชิงหยางโตจนป่านนี้แล้ว ก็ยังไม่เคยพบเห็นสิ่งของอันแปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน คาดไม่ถึงว่าท่านพี่จะเรียกมันว่ายาอย่างนั้นหรือ?
"กินเถิด พี่จะทำร้ายเจ้าได้เชียวหรือ?"
แน่นอนว่าไม่ได้ ภายในจวนทั้งหมด คนที่ดีกับตนเองที่สุดก็คือท่านพี่!
ต้วนชิงหยางนำยากลืนลงไปอย่างว่านอนสอนง่าย ต้วนชิงเหยาจึงยิ้มๆ อย่างพึงพอใจ
"อีกสองวันก็จะดีขึ้น จำเอาไว้ว่าหลังอาหารเช้าและหลังอาหารเย็นจะต้องกินยาครั้งละสองเม็ดนะ"
ต้วนชิงเหยานำปริมาณยาสองวันห่อเอาไว้ในผ้าเช็ดหน้า
ถึงแม้ว่าต้วนชิงหยางจะไม่รู้ว่าเหตุใดท่านพี่ถึงได้มองสิ่งของเหล่านี้ราวกับของล้ำค่า แต่เขาก็รู้ดีว่า บาดแผลนี้ของตนเองหากไม่ใช้ระยะเวลาถึงสองเดือนก็คงจะไม่หายเป็นแน่ เพราะไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน!
แต่เขาก็ไม่ได้สนใจว่าตนเองจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่ เพราะสิ่งที่ตนเองสนใจก็คือพี่สาวของตัวเอง!
"วันนี้เป็นวันที่พี่จะแต่งงานแล้ว ดีใจหน่อยสิ! นี่คือเงินเล็กน้อยที่พี่แอบเก็บสะสมเอาไว้ เจ้าเอาไว้ซื้อลูกกวาดกินนะ"
ต้วนชิงเหยาหยิกแก้มของน้องชายเล็กน้อย แล้วแสร้งทำเป็นยิ้มอย่างสบายใจ
พี่สาวกำลังจะแต่งงาน เดิมทีแล้วเขาก็ควรจะดีใจ แต่ทว่าเขาจะดีใจได้อย่างไรกัน? คนที่พี่สาวจะต้องแต่งงานด้วย นั่นก็คือคนปัญญาอ่อนคนหนึ่ง