บทที่ 4 เข้าวัง
วังหลวง(ตำหนักใหญ่)
หลังจากองครักษ์เงาของหรงเสวี่ยได้ตามหลี่หมินไปยังจุดหมายอย่างปลอดภัยแล้ว เหล่าองครักษ์เงานายหนึ่งก็ได้กลับไปรายงานเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นให้ผู้เป็นนายเหนือหัวฟัง
"มีเรื่องอะไรว่ามาองครักษ์ปิน"เสียงทรงอำนาจเอ่ยถามขึ้นเสียงเย็นเมื่อได้เห็นว่าเป็นองครักษ์ที่ตนส่งไปดูแลคนของตน
"คุณชายหลี่หมินถูกนักฆ่าที่ฮูหยินภรรยาท่านเจ้าเมืองหลิวชวนหยูจ้างมาลอบเข้าไปสังหารที่บ้านไผ่พ่ะย่ะค่ะ"
"เจ้าว่าอะไรนะ!! แล้วหลี่หมินเป็นอย่างไรบ้าง"หรงเสวี่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าจากงานฏีกาที่ทำอยู่ทันที
"คุณชายเว่ยทรงปลอดภัยดีพ่ะย่ะค่ะตอนนี้คุณชายเว่ยและผู้ติดตามอีก2คนกำลังเดินทางมาที่เมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ"
"แล้วทำไมฮูหยินตระกูลหลิวจึงจ้างนักฆ่ามารอบสังหารคุณชายเว่ยกัน"หรงเสวี่ยถามออกมาอย่างสงสัย
"คุณชายเว่ยได้ช่วยสองพี่น้องที่โดนฮูหยินกรอกยาพิษมาไว้ที่บ้านไผ่พ่ะย่ะค่ะ แต่ดูเหมือนว่าคุณชายเว่ยจะไม่ใช่คนธรรมดานะพ่ะย่ะค่ะเพราะสามารถใช้พลังไร้ลักษณ์ได้พ่ะย่ะค่ะ พื้นที่บ้านที่เป็นอาณาเขตบ้านของคุณชายเว่ยหายไปในพริบตาเหลือเพียงที่ดินว่างเปล่าพ่ะย่ะค่ะ แถมคุณชายเว่ยได้ส่งหัวของพวกนักฆ่าไปที่ตระกูลหลิวแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
"หึหึ ข้าดูคนไม่ผิดจริงๆ อืมเช่นนั้นก็จัดการคนตระกูลหลิวทั้งหมดซะไปสืบมาว่าตระกูลหลิวทำผิดอันใดไว้บ้าง ส่วนฮูหยินหลิวก็ฆ่านางซะที่บังอาจมายุ่งกับคนของข้า"
"พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท"
3 วันต่อมา
หลี่หมินและบ่าวทั้ง2 หลังจากออกจากเมืองอันก็เดินทางมาถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยไร้คนตามเพราะพวกเขาได้ข่าวการจับกุมคนตระกูลหลิวทั้งหมดแล้วถึงแม้เป็นพระญาติห่างๆของกุ้ยเฟยคนโปรดขององค์ฮ่องเต้ก็ไม่มีการละเว้น ส่วนฮูหยินหลิวนั้นก็ถูกฆ่าระหว่างที่จะไปชายแดนใต้ สองพี่น้องเซียงหยงและหลินเพ่ยนั้นต่างก็ดีใจที่นายของตนได้รับความเป็นธรรมเสียที
จวนเจ้าเมือง
"วันนี้ไปหาซื้อที่ดินเปล่ากันก่อนแล้วกันนะจะได้เอาบ้านออกมาวาง จะได้พักกันก่อนพอตอนเย็นข้าจะทำหม้อไฟเลี้ยงพวกเจ้าเองดีหรือไม่"
หลี่หมินที่มาถึงเมืองหลวง หลี่หมินก็มาที่จวนเจ้าเมืองทันทีเพื่อหาซื้อที่ดินเปล่าแถวชานเมืองเพื่อนำบ้านที่เก็บไว้ในมิติออกมาวางจึงชวนบ่าวทั้งสองเข้าไปในจวนเจ้าเมืองพร้อมกับวางแผนอาหารเย็นไปในตัว
"ขอรับ/เจ้าค่ะคุณชายเว่ย"
เมื่อนายและบ่าวได้ที่ดินเปล่ามาเรียบร้อยก็เร่งออกเดินทางทันที แต่ภายในใจของหลี่หมินก็ยังนึกสงสัยอยู่ดีว่าทำไม่ที่ดินสวยๆที่ตนได้มานั้นช่างแสนถูกยิ่งนัก แต่ความคิดนั้นก็หายไปเมื่อตนได้มาถึงที่ดินว่างเปล่าตามแผนที่ที่ท่านเจ้าเมืองให้มา
"พื้นที่สวยยิ่งนักขอรับคุณชายแถมยังได้มาในราคาที่ถูกมากอีกด้วย"เมื่อโดนสะกิดความสงสัยอีกคราหลี่หมินก็อยากจะหาคำตอบนั้นเหลือเกินแต่เพียงท่านเจ้าเมืองบอกว่าพื้นนี้มีปัญหาไม่มีใครอยากซื้อเท่านั้นแต่มันจะใช่จริงหรือ หลี่หมินก็เพียงแต่เก็บความสงสัยของตัวเองเอาไว้ในใจ
หลี่หมินยืนมองดูพื้นที่ว่างเปล่าอย่างช่างใจก่อนจะดึงพื้นที่บ้านในถุงมิติออกมาวางเมื่อที่ดินของบ้านแตะสัมผัสกับพื้นดินภายนอกมิติตัวที่ดินก็ขยายใหญ่เต็มพื้นที่ทันที
สร้างความประหลาดใจให้กับบ่าวทั้งสองเป็นอย่างมาก เพราะถึงแม้ว่าเซียงหยงจะมีพลังธาตุดินแต่ก็ไม่สามารถทำแบบคุณชายของตัวเองได้เลยแม้แต่น้อย
"คุณชายทำได้อย่างไรขอรับ ข้าน้อยไม่เห็นทำได้เลย"
"หึหึ เป็นพรที่ได้รับมาน่ะคงไม่แปลกที่ข้าจะทำได้"ใช่ครับมันเป็นพร พรจากพี่ชายของผมเองที่มักจะไปโผล่ตามช่วงเวลาต่างๆและรวบรวมของแปลกมาให้ผมเพื่อจะได้ใช้ในการดำเนินชีวิตต่อไป
"อ่า ข้าไม่แปลกใจเลยขอรับ"
"เข้าบ้านกันเถอะ พักกันให้หายเหนื่อยแล้วค่อยไปเดินชมเมืองหลวงกันนะ"
"ขอรับ/เจ้าค่ะ"
หลังจากที่พักผ่อนกันเต็มที่แล้วหลี่หมินก็พาบ่าวทั้งสองไปเดินเที่ยวในตลาดเมืองหลวง
"พวกเจ้าอยากได้สิ่งใดก็บอกข้าได้เลยนะ อย่าได้เกรงใจเช่นไรพวกเจ้าก็เหมือนเป็นน้องของข้าแล้ว เข้าใจหรือไม่"
"ขอรับ/เจ้าค่ะ"
แล้วทั้งสามก็เริ่มเดินเที่ยวกันต่อจนได้เจอกับป้ายประกาศรับสมัครทหาร เซียงหยงที่อยากเป็นทหารมาตลอดก็รีบเข้าไปดูอย่างรวดเร็ว
"คุณชายขอรับมีการรับสมัครทหารขอรับ"เซียงหยงดึงป้ายประกาศออกมาให้หลี่หมินดูอย่างตื่นเต้น
"หึหึ เจ้าอยากเป็นทหารใช่หรือไม่เซียงหยง"
"ขอรับคุณชาย"
"เช่นนั้นก็ไปสมัครกับข้าเถอะ ข้าเองก็จะไปสมัครกับเจ้าด้วย"
"เอ๊ะ!!!!"
หลี่หมินที่นึกสนุกขึ้นมาก็ลากสองพี่น้องรีบไปยังจุดรับสมัครทันที
"ข้าและน้องชายมาสมัครเป็นทหารขอรับ"
"เจ้าเป็นเกอข้าคงให้เจ้าสมัครไม่ได้"
"เอ๊ะ? ข้าไม่ได้เป็นเกอนะขอรับเเต้มแดงนี่ข้าแค่แต้มเล่นกับน้องๆเท่านั้นขอรับดูสิขอรับหายไปแล้ว"หลี่หมินที่ลืมไปว่าการเป็นทหารนั้นต้องไม่ใช่เกอ
หลี่หมินจึงใช้หนังเทียมเเปะปิดรอยปานของตัวเองทันทีทำเอาบ่าวทั้งสองอึ้งไปตามๆกัน หลี่หมินก็หันมายักคิ้วให้สองพี่น้องอย่างทะเล้น
ทำเอาบ่าวทั้งสองเริ่มหนักใจไม่รู้ว่าพวกตนนั้นคิดถูกหรือไม่ที่มาเจอแผ่นประกาศเช่นนี้
"แต่เจ้าก็หุ่นบางเช่นนี้จะไหวแน่หรือ"นายทหารคนเดิมถามขึ้น
"ไหวขอรับ"
เมื่อการสมัครผ่านแล้วคนทั้งสามก็เริ่มออกเดินเที่ยวกันอีกครั้ง
"อ่า พวกเจ้าอย่าทำหน้าเช่นนี้สิ ข้าก็แค่อยากเข้าวังซักครั้งในชีวิต เอาหน่าๆไปเดินเที่ยวกันต่อเถิด คงไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกหน่าข้าก็เป็นบุรุษ ข้าเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว อีกอย่างหากข้าเจอคนรู้จักที่อยู่ในวังแล้วข้าจะออกจากวังทันทีเลยดีหรือไม่"
หลี่หมินที่เห็นสีหน้าไม่สบายใจของบ่าวทั้งสองก็เริ่มพูดเพื่อให้ทั้งสองคลายกังวลแล้วจับจูงบ่าวทั้งสองไปเดินเที่ยวต่อ
2วันต่อมา
วันนี้คือวันที่ทั้งหลี่หมินและเซียงหยงต้องเข้าวังเพื่อไปรายงานตัว ทำให้ทั้งสองต้องตื่นแต่เช้า หลินเพ่ยที่ทำอาหารไว้พร้อมแล้วก็ยกออกมาให้ทั้งสองได้ทานก่อนต้องออกเดินทางพร้อมทั้งห่อเป็นมื้อระหว่างทางให้ทั้งสองด้วย
"หลินเพ่ยเจ้าเข้าวังกับพวกข้าสิ ไปทำงานที่ห้องเครื่องข้าว่าเจ้าก้าวหน้าอย่างแน่นอน พวกข้าสองคนไม่อยากปล่อยเจ้าไว้เพียงลำพังในบ้านที่ห่างไกลผู้คนเช่นนี้"
"จะดีหรือเจ้าค่ะ"
"ดีสิเข้าไปด้วยกันนะ"
"ก็ได้เจ้าค่ะ"เมื่อคนทั้งสามทานอาหารเช้ากันเสร็จแล้วก็เร่งเดินทางกันทันที
ทางด้านหรงเสวี่ยที่ได้รับรายงานจากองครักษ์เงาว่าร่างบางที่ตนได้ให้คนตามดูแลนั้นกำลังจะเข้าวังมาเป็นทหาร หรงเสวี่ยก็ได้แต่งชุดผู้ตรวจการมายืนรออยู่ก่อนแล้วอย่างใจจดจ่อ
"ข้าจะทำให้เจ้ามาอยู่ข้างกายของข้าให้ได้เว่ยหลี่หมิน"
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>