ตอนที่3(หนุ่มแปลกประหลาด)
การข้ามภพ…ข้ามชาติ…ไม่ใช่ว่าใครจะไปก็ไปกันได้…แต่ต้องเป็นคนที่ถูกเลือกแล้วเท่านั้น…..
ข้ามภพมาอยู่อีกมิติหนึ่งที่อาจจะเคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีตหรืออาจจะยังไม่เคยเกิดขึ้นก็ได้ นั่นเป็นเพราะมีใครบางคนอยากให้เรามาเพื่อเปลี่ยนแปลงและช่วยเหลืออะไรบางอย่าง คือสิ่งที่เรียกว่าคนบนฟ้าเป็นคนกำหนดนั่นคือ พรมลิขิตนั่นเอง….
การจะข้ามภพ ต้องใช้เวลา สถานที่ ต้องเป็นเวลาที่ตรงกัน สถานทีที่เดียวกัน และทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับ ชะตาลิขิต ฟ้าลิขิตและกรรมลิขิต…..
……………………………………………….
พุทธศักราช 2466
หมู่บ้าน ภูดาว
บ้านของนายพรานเข้ม
08:30น.
พรานเข้ม……
พรึบ
“พ่อหนุ่มเป็นยังไงบ้าง?”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง ผมที่กำลังเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้คนร่างหนาอยู่ก็ต้องละสายตาจากใบหน้าละมุนกลับไปมองพ่อของผมด้วยสายตาเรียบเฉย
“ยังไม่ฟื้นเลยพ่อ…”
“นี่ข้าก็ทำแผลให้แล้ว….”ผมตอบพ่อของผมไปพลางหันกลับมามองพ่อหนุ่มน้อยตรงหน้าของผมต่อ ดวงตาที่ปิดสนิทของเขาใบหน้าหล่อเหลาคมคายอย่างไร้ที่ติริมฝีปากสีชมพูสดที่กำลังเผยออยู่เพราะเขากำลังหายใจทางปากมันทำให้เขาดูมีเสน่ห์ในแบบที่ไม่เหมือนใครดีนะ
“อืม…พอเขาฟื้นแล้วรีบเอายาต้มให้กินทันที..”
“เดี๋ยวข้าจะไปคุยกับผู้ใหญ่ท้าวสักหน่อยว่าจะเอายังไงกันต่อไป…”
“ได้พ่อ…ข้าจะดูเจ้าหนุ่มแปลกประหลาดนี่เอง…”ผมตอบพ่อผมไป พ่อผมก็พยักหน้าให้เป็นอันรับรู้ก่อนจะค่อยๆเดินออกไปจากห้องนอนของผม
ผมก็หันกลับมาให้ความสนใจกับคนตรงหน้าต่อ
ที่กำลังผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอทำให้ผมรับรู้ได้ว่าเขากำลังหลับฝันดีอยู่
อะไรไม่รู้ดลใจให้ผมยื่นมือไปลูบโครงแก้มนวลเนียนของเขา
ผมไปช่วยเขาคนนี้ที่แต่งตัวผิดแปลกจากชาวบ้านของที่นี่มาจากทางชายป่าภูดาวทางทิศเหนือนู้นแหนะ เพราะเมื่อวานนี้เป็นวันพระใหญ่และเป็นวันสำคัญทางศาสนาและเป็นวันที่ไอ้พรายสมิงมันร่ายพิธีกรรมเปิดประตูมิติภพ
เพื่อเรียกคนอีกมิติหนึ่งเข้ามาให้มันได้กัดกินเพื่อทำให้พลังอาคมในตัวของมันแข็งแกร่งขึ้น
ไอ้พรายสมิงมันเป็นเสือแต่มันไม่ได้เป็นวิญญาณเสือร้ายตามคำสาปแช่งแต่มันเป็นเสือได้ตามใจชอบที่มันอยากจะเป็นเพราะมันร่ำเรียนวิชาแปลงกายเสือสมิงมา
ตอนแรกมันชื่อพราย มันร่ำเรียนวิชาไสยเวทไสยศาสตร์มาจากอาจารย์คนเดียวกันกับผม และผมกับมันก็เคยเป็นเพื่อนรักกันมาก่อนแต่ตอนนี้เราทั้งคู่กลับเป็นศัตรูกัน เพราะเราสองคน เลือกเดินเส้นทางที่ต่างกัน
ผมเองก็ร่ำเรียนวิชาเสือเย็นมาเหมือนกัน…แต่ผิดแปลกตรงที่ผมไม่กัดกินเลือดมนุษย์เหมือนกับไอ้พรายสมิง
เพราะมันกับผมเดินบนเส้นทางคนละสายกัน ผมร่ำเรียนวิชามาเพื่อไว้ป้องกันตัวในยามที่คับขันเพราะผมและพ่อมีอาชีพเป็นพรานป่าแต่ไอ้พรายสมิงมันร่ำเรียนมาเพื่อความยิ่งใหญ่และสนองความโลภของตัวมันเอง
“อึก…นะน้ำ…ขอน้ำหน่อย…”เสียงทุ้มแหบแห้งถูกเปล่งออกมาจากร่างหนาที่นอนเปลือยท่อนบนอยู่
ผมก็รีบหันไปรินน้ำใส่แก้วน้ำที่ทำจากกระบอกไม้ไผ่และรีบหันมายกร่างของคนร่างหนาขึ้นอุ้มไว้ในอ้อมแขนของผมและผมจ่อแก้วกระบอกไม้ไผ่ไปที่ริมฝีปากแห้งผาดของเขาอย่างนุ่มนวล
“อึกๆๆๆๆ”
“ค่อยๆกินก็ได้…เดี๋ยวก็สำลักตายกันพอดี!”ผมพูดเสียงเข้มอย่างดุคนในอ้อมแขนไปที่ดื่มน้ำอย่างกระหาย ก็แหงล่ะ เขาเล่นหลับไปสองวันเต็มๆเลยหนิ จะไม่หิวได้ยังไง
“อืม…ขอบใจ…”เสียงแหบแห้งเอ่ยออกมา ผมก็จัดการวางร่างของเขาให้นอนลงกลับไปบนที่นอนตามเดิมอย่างเบามือ และก็มองใบหน้าหล่อเหลาของเขาต่อที่คิดว่าเขาคงจะตื่นแต่กลับไม่เลย
“นอนหลับต่อซะงั้น….ขี้เซาจังนะเอ็ง?!”ผมพึมพำออกมาก่อนจะขมวดคิ้วและก็ยิ้มบางๆออกมา ใช่ผมยิ้มบางๆออกมาอย่างนั้นเหรอ
“เห้ย!”ผมร้องอุทานออกมาก่อนจะสะบัดศีรษะแรงๆเพื่อไล่ความคิดไม่ดีออกไปหัวของผมก่อนจะยันตัวลุกขึ้นยืนและเดินออกมาจากห้องนอนของผมเพื่อจะไปทำการตำยาสมุนไพรที่ผมเข้าไปเก็บจากในป่าเพื่อนำมาใส่แผลและรักษาบาดแผลที่เกิดจากการถูกยิงให้ชายหนุ่มหน้าหล่อคนนั้น
ผิวที่ขาวเนียนละเอียดของเขาผิดแปลกไปจากชาวบ้านของที่นี่มาก เพราะผู้ชายที่นี่ร่างกายจะหนาและกำยำผิวสองสีเหมือนกันกับผม เพราะพวกเราชอบถอดเสื้อกันเดินตากแดดไปไหนมาไหนตลอดเวลาแต่ผมก็มีสีผิวที่แปลกไปจากคนที่นี่อยู่เหมือนกัน เพราะผิวผมจะดูขาวกว่าคนที่นี่อยู่มากไม่ว่าผมจะตากแดดยังไงก็ไม่ดำคล้ำเหมือนกับผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันกับผม
ตุ๊บๆๆๆๆ
ผมก็จัดการหยิบสมุนไพรสองชนิดใส่ลงไปในครกไม้และตำจนมันละเอียดก่อนจะเอามือลงไปกอบกำขึ้นมาและทำการบริกรรมคาถาการรักษาบาดแผลที่ผมร่ำเรียนมาตั้งแต่เด็กลงไป
ก่อนจะลุกขึ้นและเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของผมและจัดการใส่ยาลงไปบนแผลการถูกยิงของเขา
ซึ่งโชคดีมากที่เขาถูกยิงไม่โดนจุดสำคัญเพราะได้เชือกเส้นใหญ่นั้นช่วยชีวิตไว้ไม่งั้น ไอ้หมอนี่ตาย ตายไม่พอยังเป็นอาหารของไอ้พรายสมิงอีก
โชคดีที่ผมรู้ทันมันเลยไปช่วยไอ้หนุ่มหน้าหล่อนี่ได้ทันเวลา
พรึบ
“ชะช่วยด้วย…”เสียงแผ่วเบาเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งในขณะที่ผมกำลังจัดการใช้ผ้าสะอาดปิดบาดแผลของเขาหลังจากที่ใส่ยาให้เขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว รับรองไม่เกินอีกสองวันแผลปิดสนิทเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแน่นอน
พรึบ
“พ่อครับ…”
“พ่อ…”เสียงแผ่วเบาเอ่ยเรียกพ่อถี่รัวพร้อมกับยกมือขึ้นมากลางอากาศพร้อมกับควานหาคนที่เขากำลังเพ้อถึงอยู่ในตอนนี้
พรึบ
“เห้ย!”ผมร้องเสียงหลงเมื่อมือหนามาดึงรั้งแขนผมไว้และในทันใดนั้นมันก็ดึงร่างของผมเข้าไปสวมกอด
เหี้ยแล้วไหมล่ะ เกิดมาไม่เคยกอดผู้ชายแต่ทำไม
ตึกตักๆๆๆๆ
หัวใจมันเต้นถี่รัวอย่างบ้าคลั่งแบบนี้วะ
และทำไมกลิ่นตัวให้หมอนี่มันหอมจังวะ
“ฟอดดดด”ว่าแล้วก็ขอหอมซะหน่อย ผมก้มหน้าลงไปสูมดมกลุ่มผมดำนุ่มนิ่มของคนข้างๆอย่างลืมตัว
พรึบ
“พ่อครับ….”เสียงทุ้มเอ่ยต่อและคราวนี้ทำให้ผมแทบจะหยุดหายใจเพราะมันเอื้อมมือมาโอบเอวสอบของผมแล้วและยังไม่พอมันยังเอาใบหน้าหล่อของมันมาซุกอกของผมอีก เห้ย…เชี้ยแล้วไหมล่ะ!เหี้ยล้วนๆไม่มีแย้ผสมเลย
“พ่อครับ….”
“ช่วยด้วย….”
ผมทำตัวไม่ถูกทำได้เพียงแค่นอนเฉยๆให้คนร่างหนาที่ตัวเล็กกว่าผมนอนกอดผมและเอาใบหน้ามาซุกไซ้หน้าอกของผมอยู่แบบนั้น
หัวใจก็เต้นโครมครามอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เกิดอะไรขึ้นกับผม ทำไมผมกลับหวั่นไหวกับผู้ชายคนนี้
คนที่ผมเพิ่งจะพบเจอกันและยังไม่ได้พูดคุยกันเลยสักคำเดียว….แต่พอสัมผัสกันแบบนี้ มันเหมือนคุ้นเคย เหมือนคนที่คุ้นเคยกันมากมาก่อน
19:00น.
พรึบ
“เสือ!!!”เสียงทุ้มดังตะโกนขึ้นอย่างคนที่ตกใจสุดขีด ผมที่นอนหลับกำลังฝันดีก็เผลอสะดุ้งสุดตัวผวาตื่นไปด้วยอย่างตกใจทคนที่นอนกอดผมและผมก็นอนกอดมันอยู่ทั้งวันผุดลุกนั่งขึ้นอย่างรวดเร็วผมก็งัวเงียๆและก็ค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่งตามคนร่างเล็กไป
ขอเรียกมันว่าร่างเล็กล่ะกันถึงมันจะเป็นผู้ชายที่ร่างกายเต็มไปด้วยหมัดกล้ามแต่มันก็ตัวเล็กกว่าผมอยู่ดี
เหงื่อโทรมกายจนเปียกชุ่มจนลามมาถึงร่างกายของผมเองก็ด้วย
พรึบ
“หะเห้ย!”เเรงสะบัดพร้อมกับตัวสั่นเทาด้วยความกลัวจัดของคนตรงหน้าผมที่ผมยื่นมือไปจะจับไหล่เขาแต่เขากลับสะบัดมือผมออก
“ตั้งสติ…”ผมเอ่ยขึ้นบอกคนร่างหนาที่นั่งตัวสั่นเทาด้วยความกลัวดูเหมือนเขาจะขาดสติไปแล้ว เพราะการตกใจสุดขีดของเขาที่เห็นไอ้พรายสมิงมันฆ่าคนตายต่อหน้าต่อตาเขา
ทำให้เขาตกใจสุดขีดและสติหลุด
ผมคงต้องเรียกสติให้เขา
พรึบ
ตุ๊บ
ผมยันตัวนั่งคุกเข่าและทำการใช้เล็บจิกลงไปบนนิ้วชี้ของผมให้เลือดสีแดงสดไหลรินออกมาก่อนจะเอื้อมมือไปจับคนร่างหนาตรงหน้าของผมยึดไว้อย่างแรงและจัดการดันร่างของเขาให้ติดกับฝาไม้ด้านหลังและกดปลายนิ้วชี้ที่มีเลือดของผมจี้ลงไปบนกลางหน้าผากของเขาและบริกรรมคาถาออกมาด้วยจิตรที่แข็งกร้าว
“{%%^**€#**#¥}”ผมบริกรรมคาถาอยู่สักพักร่างที่สั่นเทาก็ค่อยๆคลายลงจนในที่สุดก็หยุดนิ่งสนิทลง ผมก็ยกมือออกมาจากหน้าผากของผมและเอื้อมมือไปจับโครงหน้าหล่อของเขาแทนพร้อมกับขยับใบหน้าเข้าไปจ้องใบหน้าหล่อของเขา
ที่ตอนนี้สายตาคู่สวยกำลังจับจ้องมองผมอยู่ด้วยสายตาที่เอื่อยเฉื่อยและร่องรอย
พรึบ
“แปะๆๆๆๆ”ผมตบแก้มของเขาอย่างเบาๆสองสามครั้งเพื่อเรียกสติคนตรงหน้าให้กลับมา
“เฮือก!!”จนในที่สุดเขาก็ผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับสะดุ้งสุดตัวและก็หลับตาลงหมดสติไปในที่สุด
พรึบ
ร่างหนาเอนลงมาซบอกผม ผมก็ส่ายศีรษะไปมาก่อนจะจัดการนำพาร่างของเขาให้นอนลงกลับไปบนเตียงนอนที่ทำจากไม้ไผ่ของผมอย่างเเผ่วเบาอย่างเบามือที่สุด
พรุ่งนี้เขาจะหายจากอาการตกใจสุดขีดและกลับไปเป็นปกติเหมือนเดิม….