ตอนที่ 9 ช่วยคน 2
นางช่างกล้าพูดมาได้
เฮ่อเฉิงข่มความโมโหเอาไว้ในใจ จากนั้นก็เริ่มส่งสัญญาณให้องครักษ์ข้างกายของนายท่านผู้เฒ่าเฉินที่อยู่ด้านนอกให้รับรู้เพื่อจะได้พาชายชรากลับไปรักษาให้ทัน
หลังจากที่เขาเดินกลับมาเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“คุณหนูท่านนี้ อายุยังน้อยเหตุใดเจ้าถึง..."
เฮ่อเฉิงยังไม่ทันพูดจบก็ได้ยินเสียงของหลินลู่หยุนพูดขึ้นมาว่า “เวลานี้หัวใจของท่านผู้เฒ่าท่านนี้กำลังเต้นผิดปกติ บริเวณด้านหน้าอกตรงหัวใจเจ็บหนักขึ้น และจะปวดร้าวแผ่ซ่านไปถึงไหล่ซ้ายกับส่วนท้องในเวลาอันรวดเร็ว
อีกอย่างทางเดินหายใจก็มีสิ่งอุดตันที่กำจัดออกไม่หมดด้วย” หลังจากพูดจบหลินลู่หยุนก็เงยหน้าขึ้น “กลางคืนจนถึงแปดโมงเช้าเป็นช่วงที่อาการกำเริบ เพิ่งจะกำเริบมาเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ดึกขนาดนี้แล้วไม่ควรออกมาเลย”
เฮ่อเฉิงตกตะลึง เหลือเชื่อมาก “แม่นาง... เจ้าพูดไม่ผิดแม้แต่นิดเดียว!"
รวมถึงช่วงเวลาที่โรคกำเริบด้วย!
ยังไม่ทันที่เขาจะได้สติกลับมาจากอาการตกตะลึงก็ได้ยินเด็กสาวพูดขึ้นมาอีกว่า "เข็มเงิน!"
เฮ่อเฉิงยังไม่ทันได้คิดว่าเด็กสาวผู้นี้รู้ได้อย่างไรว่าเขาพกเข็มเงินมาด้วย เขาก็รีบล้วงหยิบเอากล่องที่บรรจุเข็มเงินยื่นให้นาง
หลินลู่หยุนเปิดกล่องออก นางหยิบเข็มเงินเจ็ดเล่มในกล่องมาไว้ในมือ กำลังจะลงมือ
เมื่อเห็นเช่นนั้นเฮ่อเฉิงก็อดเตือนไม่ได้ “ใช้ได้มากสุดสี่เล่ม?" หลินลู่หยุนที่ได้ฟังในที่สุดนางก็หันไปมองเขา
ดวงตาขาวดำที่ตัดกันอย่างชัดเจนไม่แสดงอารมณ์ใดๆ คล้ายมีหมอกขาวปกคลุมบางเบาอีกชั้นหนึ่ง อารมณ์ดีร้ายไม่ปรากฎให้ชัดเจน
“ท่านช่วยเงียบหน่อยได้หรือไม่?”
"อ่า..ได้..ขอ ขออภัยแม่นาง" เฮ่อเฉิงรู้สึกขัดเขินนิดหน่อย แต่เขาก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรพิกล
เมื่อก่อนตอนที่เขาเห็นหมอเทวดาเหยาเซิงที่เป็นปรมาจารย์ของหุบเขาโอสถรักษาให้นายท่านเฉินนั้น เขาใช้เพียงเข็มเงินสี่เล่มพร้อมกันเท่านั้น
เขายังเคยถามดูถึงได้รู้ว่าหมอที่เป็นสุดยอดฝีมือ เหนือกว่าหมอระดับอาจารย์บนหุบเขาโอสถเท่านั้นที่จะสามารถใช้เข็มเงินเก้าเล่มพร้อมกันในการรักษา แต่บุคคลผู้นั้นเวลานี้ไม่มีตัวตนอยู่แล้ว
คิดๆ ดูก็น่าจะจริง มีมืออยู่แค่สองข้าง เข็มเก้าเล่มจะควบคุมไหวหรือ
แต่เพียงแค่ชั่วพริบตาต่อมาเฮ่อเฉิงก็อดที่จะเบิกตาโพลงไม่ได้
เขาเห็นเข็มเก้าเล่มทิ้งรอยเข็มอยู่ในมือของเด็กสาว เข็มถูกทิ่มลงบนจุดฝังเข็มแล้วดึงออกจุดแล้วจุดเล่า กระทําอย่างรวดเร็ว
เฮ่อเฉิงพยายามจับตำแหน่งของเข็ม แต่กลับพบว่ามองไม่ทัน เขารู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก นี่มีอหรือ? เหตุใดถึงได้รวดเร็วถึงเพียงนี้
หลังจากที่หลินลู่หยุนปักเข็มเล่มสุดท้ายเสร็จนายท่านผู้เฒ่าเฉินที่นอนอยู่บนพื้นในที่สุดก็หายใจเฮือกขึ้นมา อาการหน้าเขียวค่อยๆ หายไป และค่อยๆ กลับมาแดงระเรื่อเช่นคนปกติ
ตลอดกระบวนการรักษาไม่ถึงหนึ่งเค่อด้วยซ้ำ หลินลู่หยุนเก็บเข็มเงินใส่เข้าไปในกล่องอีกครั้ง
นางลุกขึ้นมือข้างหนึ่งไพล่เอาไว้ด้านหลัง ลุกขึ้นยืนอย่างสบายๆ ลมหายใจยังคงเป็นปกติ "เสร็จแล้ว"
เฮ่อเฉิงยังคงอึ้งอยู่ รู้สึกว่าขนาดหมอเทวดาเหยาเซิงหลังจากทำการรักษาให้นายท่านผู้เฒ่าเสร็จยังหมดแรงเลย นั่นเป็นชายที่มีวรยุทธเชียวนะแล้วนี่..
“แค่กๆๆ!” ผู้เฒ่าเฉินไอออกมาอย่างแรง ลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก
ก่อนหน้านี้เขาอยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น ยังพอรับรู้โลกภายนอกอยู่บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น
หลังจากควบคุมลมหายใจให้เป็นปกติค่อยๆ ลุกขึ้นโดยมีเฮ่อเฉิงช่วยพยุง
เขาไออีกเล็กน้อย สีหน้าเคร่งขรึม สายตาอ่อนโยนน้ำเสียงผ่อนคลาย “สาวน้อยเจ้าช่วยชีวิตของข้าเอาไว้
จากนี้ไปหากเจ้ามีความจำเป็นหรือเดือดร้อนอะไรเจ้าก็บอกกับข้าได้"
เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหัวใจของเขาดีกว่าเมื่อก่อนมากมายยิ่งนัก เด็กอายุเพียงเท่านี้ฝีมือการรักษาระดับนี้
ถ้าเทียบกับหมอเทวดาที่หุบเขาโอสถคงไม่มีใครเทียบได้อย่างแน่นอนหรือแม้แต่เจ้าหุบเขาโอสถก็อาจเทียบไม่ได้
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” หลินลู่หยุนไม่ได้สนใจ “ข้าแค่เพียงช่วยไปตามสถานการณ์เท่านั้น"
ตั้งแต่ข้ามภพมาก็นานมากแล้วการแพทย์แผนโบราณนี้นางก็ศึกษาได้อย่างถ่องแท้แล้วต้องขอบคุณมิติโอสถนั่นที่ทำให้นางไม่ได้ละทิ้งการแพทย์ไม่ละทิ้งการรักษาคน ดูท่าความสามารถของนางในการศึกษาแพทย์แผนจีนนี้ก็ไม่ได้แย่จนไม่สามารถทำอะไรได้ เหลือก็เพียงแต่การปรุงยาแบบผสมผสานเรียกง่ายๆแบบเข้าใจคือการวิจัยยาสมุนไพรกับยาสมัยใหม่การหลอมรวมยาเหล่านี้เข้าด้วยกันแน่นอนว่าประสิทธิภาพนั้นคงจะสูงมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน และต่อไปถ้าหากนางขัดสนเงินทองอีกยังใช้วิชานี้หาเงินเลี้ยงปากท้องก็ย่อมได้
ผู้เฒ่าเฉินก็ไม่ได้บังคับ เขาครุ่นคิดแล้วหยิบหยกแขวนออกมาชิ้นหนึ่งพร้อมกับเอ่ยขึ้นมาอย่างจริงจัง "เช่นนั้นเจ้าช่วยรับของชิ้นนี้ไว้หน่อยเถิด มีเรื่องอะไรให้เจ้าไปที่หอเผิงไหลขอเพียงแต่ไม่ใช่การโกหกหลอกลวงข้าสามารถช่วยเจ้าได้อย่างแน่นอน”
เฮ่อเฉิงตกใจนี่ไม่ใช่การรับปากทั่วไปแต่นี่เป็นคำสัญญาของอาวุโสเจ้าของหอใต้หล้าเผิงไหลเชียวนะ
หลินลู่หยุนไม่อยากรับ แต่ตอนที่เห็นอักษร 'บนตัวหยก ดวงตาก็หยุดนิ่งไปชั่วขณะ ไม่รู้นึกถึงอะไรขึ้นมาสุดท้ายก็รับเอาไว้ “ได้เจ้าค่ะ”
เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้เฒ่าเฉินถึงได้พอใจ ผุดรอยยิ้ม “ไม่รู้ว่าข้าขอทราบชื่อแซ่ของแม่นางได้หรือไม่”
ยากนักที่จะได้เจอเด็กสาวที่เขาถูกชะตา ไม่ว่าอย่างไรก็ขอรู้จักสักหน่อย หลินลู่หยุนเงียบไปเล็กน้อยพูดเพียงว่า “ข้าแซ่หลินเจ้าค่ะ”
หลินหรือ??
พอได้ยินแซ่นี้เฮ่อเฉิงก็นึกถึงท่านแม่ทัพใหญ่ของแคว้นเหยาฮั่นหลินฮ่วนขึ้นมา ตระกูลหลินเป็นตระกูลแม่ทัพเป็นหนึ่งในแม่ทัพใหญ่ของแคว้นเหยาฮั่น อย่างไรเสียตระกูลหลินได้หล่อเลี้ยงบุตรหลานที่มีฝีมือทางการักษาขั้นเทพเช่นนี้อยู่ก็พบเห็นได้ไม่บ่อยนัก
คุณหนูหลินคนนี้ดูไม่เหมือนคนเกิดในตระกูลครอบครัวธรรมดาจริงๆ ความทะนงตนที่อยู่ในตัวของนางนั้นมีมาแต่กำเนิด
เฮ่อเฉิงพวกเขาย่อมเคยคลุกคลีกับตระกูลใหญ่มาหลากหลายตระกูลและทั่วทั้งยุทธภพเขาเองก็ยังไม่เคยเห็นผู้ใดมีความสามารถในการฝังเข็มเก้าเล่มเหมือนเด็กสาวเมื่อสักครู่นี้ที่ผ่านไปในสายตาเลย
และยิ่งเป็นตระกูลหลินนั้นเป็นตระกูลของทหาร มีกองกำลังเป็นจำนวนมากเป็นของตัวเอง
เขาไม่คิดเลยว่าหญิงสาวจะเป็นบุตรหลานของตระกูลหลิน ตระกูลหลินสามารถบ่มเพาะ คุณหนูที่เก่งวิชาแพทย์ขั้นสูงได้อย่างนั้นหรือ?
ผู้เฒ่าเฉินเองก็คิดเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรมากอีก แค่ยิ้มให้นาง "คุณหนูหลินเจ้าเคยได้ยินตระกูลเฉินหนานหรือไม่?"
หลินลู่หยุนขมวดคิ้ว
คำตอบของนางนั้นอยู่เหนือความคาดหมายของทั้งสองคนอยู่มาก "ข้าไม่เคยได้ยินเลยเจ้าค่ะ”
หลินลู่หยุนเจ้าของร่างเดิมนั้นความทรงจำของนางเกี่ยวกับคนอื่นมีไม่มากนักหลักๆมีเพียงมู่หรงอาน หลังจากที่นางเข้ามาอยู่ในร่างหลักๆเลยก็อาศัยอยู่ในมิติโอสถ วันนี้เพิ่งจะได้พบคนมากหน่อยจะให้นางรู้จักคงจะเป็นไปไม่ได้แต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกของนางบอกว่าชายชราผู้นี้นั้นคงไม่ใช่บุคคลธรรมดา
นางไม่รู้จักผู้คน อนาคตก็ไม่อยากรู้จักใครนางเพียงต้องการออกท่องยุทธภพช่วยเหลือรักษาผู้คนดื่มด่ำกับบรรยากาศของยุคสมัยที่สวยงามนี้ให้มากที่สุด
"ฮ่าฮ่า ไม่เป็นไรๆรู้จักก็ดีไม่รู้จักก็ดีแต่วันนี้ข้าเป็นหนี้ชีวิตเจ้าบุญคุณต้องตอบแทน ขอเพียงเจ้ามีเรื่องเดือดร้อนให้ไปที่หอเผิงไหลยื่นหยกนี้ให้ผู้คุมเขารู้ว่าจะต้องทำอะไร"
หลินลู่หยุนพยักหน้า จากนั้นนางก็เอ่ย
"ได้เจ้าค่ะ ข้าจะจำเอาไว้ หากไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ"หลินลู่หยุนกล่าวจบนางก็ยืดตัวตรงหมุนกายและเดินออกไป
มองตามหลังเด็กสาวที่เดินจากไปผู้เฒ่าเฉินยังคงยืนอยู่ที่เดิม เงียบไปสักพัก ทันใดนั้นก็ถามขึ้น “เฮ่อเฉิง เจ้าว่าข้าจัดการหมั้นหมายให้มู่เอ๋อกับนางได้สมรสกันเป็นไง"
ไม่รอให้เฮ่อเฉิงตอบ เขาพึมพำกับตัวเอง “ช่างเถอะ เจ้าคนพวกนั้นแต่ละคนไม่ได้เรื่อง ไม่คู่ควรกับแม่หนูคนนั้นเลยสักคน อย่าไปทําร้ายนางดีกว่า"
เฮ่อเฉิง “.….”
มีคนแขวะลูกหลานตัวเองแบบนี้ด้วยเหรอ
"น่าเสียดาย เหตุใดถึงไม่เป็นลูกสาวตระกูลเฉินหนานนะ ถ้าเป็นลูกหลานตระกูลเฉินหนานนะ..." ผู้เฒ่าเฉินถอนหายใจแล้วหันไปสั่ง "ข้าจะอยู่เมืองลั่วเฉินต่ออีกสักสองสามวัน”
หลินลู่หยุนเดินออกมาสักพักนางแหงนมองท้องฟ้าที่แจ่มใสแสงแดดในยามเที่ยงกำลังดีเมฆหมอกลอยอยู่ไกลๆ ท้องฟ้าสีคราม นกสีขาวบินโฉบขึ้นลงท่ามกลางความครึกครื้นท้องของนางก็ร้องจ๊อกๆขึ้นมา
"คุณหนูสามหลินทางนี้ขอรับ" ในขณะที่หลินลู่หยุนยังคิดไม่ออกว่าจะไปที่ไหนต่อเสียงของเซียวรุ่ยก็ร้องเรียกนางขึ้นมา
..........